ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 259 ฮูหยินท่านหัวหน้า
คนชุดดำที่อยู่ข้างหลังไม่ได้มีสภาพดีไปกว่ากันสักเท่าใด ชนกันไปมาตลอดเส้นทาง ความเร็วเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าผืนป่าแห่งนี้มีอาณาบริเวณกว้างเพียงใด เมื่อใดจึงจะถึงจุดสิ้นสุด ต่อมาสายตาของหลินชิงเวยพลันเห็นแสงไฟ แสงไฟนั้นเล็กราวกับแสงไฟจากหิ่งห้อยก็ไม่ปาน มันลอยค้างอยู่กลางอากาศเสมือนโคมไฟที่ส่องทางสว่าง
แต่เมื่อค่อยๆ เข้าไปใกล้มากขึ้น หลินชิงเวยจึงเพิ่งเห็นชัดเจนว่า ดวงไฟนั้นหาใช่แขวนค้างอยู่กลางอากาศ ชัดเจนยิ่งนักว่ามันพุ่งลงมาจากภูเขาด้านบน
คบไฟเหล่านั้นถูกคนยกขึ้นสูงในมือ พวกเขามือหนึ่งถือดาบเล่มใหญ่ พุ่งทะยานลงมาด้านล่างพร้อมกับร้องตะโกนว่า “ฆ่า—“
หลินชิงเวยหางตากระตุก ได้ยินเซียวอี้เอ่ยขึ้นว่า “ช่างเป็นฝนที่ตกลงมาบนหลังคาบ้านที่กำลังรั่วโดยแท้ โจรภูเขาเหล่านี้ไม่มีการค้าทำ กระทั่งวัวตัวเดียวก็จะปล้น”
อย่างไรสิ่งที่ได้พบเห็นและรู้มาของเซียวอี้ย่อมกว้างขวางกว่าหลินชิงเวย เมื่อเห็นสถานการณ์เยี่ยงนี้เขาจึงวิเคราะห์ออกมาได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
ดูท่าแล้วตั้งแต่นางทะลุมิติข้ามมาล้วนมีชีวิตที่ราบรื่นเกินไปกระมัง ยามนี้เมื่อออกมาข้างนอกไม่ว่าเรื่องเลวร้ายอันใดล้วนบังเกิดขึ้นกับตัวนางทั้งสิ้น แต่หลินชิงเวยกลับคิดต่างออกไปอีกทางหนึ่ง ไม่แน่ว่าเรื่องเหล่านี้จะเป็นเรื่องเลวร้ายเสียทีเดียว ผู้ที่ถูกปล้นไม่ได้มีแต่พวกเขา ยังมีคนชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง หากคนชุดดำต่อสู้กับโจรภูเขาแล้วทั้งสองฝ่ายต่างได้รับความสูญเสียและพ่ายแพ้จะไม่ดีกว่าหรือ
หลินชิงเวยครุ่นคิดดีแล้ว อย่างไรก็ต้องหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อลอบสังเกตการณ์ดูพวกเขาปะทะกัน นางและเซียวอี้นั่งอยู่บนรถม้าจึงเป็นที่สนใจของผู้คนมากเกินไป หากนางลากตัวเซียวอี้แล้วกระโดดลงจากรถม้า ย่อมเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนเกินไป ง่ายแก่การพบเห็น
ดังนั้นหลินชิงเวยจึงตัดสินใจแน่วแน่ นางตบหัวไหล่เซียวอี้และเอ่ยเสียงหนักว่า “ท่านอดทนหน่อย” ชั่วขณะที่มือข้างนั้นลากผ่านหัวไหล่ของเขามีกลิ่นหอมชนิดหนึ่งกำจายออกมา เซียวอี้รู้สึกเหมือนมีพลังสายหนึ่งทะลวงผ่านร่างกายของเขา แทรกซึมไปตามแขนขาและกระดูก ร่างกายอ่อนปวกเปียกจากการต้องผงสลายกระดูกเริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นทันที
สตรีน่าตายผู้นี้…ทั้งๆ ที่ถอนพิษให้ได้ เหตุใดรั้งรอจนถึงเวลานี้จึงค่อยถอนพิษให้เขา! เขาปลอบใจตนเอง คิดดูแล้วเมื่อสักครู่ด้วยสถานการณ์คับขัน นางจึงไม่มีเวลาถอนพิษให้ตน
เมื่อคิดได้เช่นนี้เซียวอี้จับจ้องสายตามองไปอีกครั้ง เขาพบว่าที่นั่งข้างตนเองที่หลินชิงเวยนั่งอยู่เหลือเพียงความว่างเปล่า ดวงตาของเขาแทบจะถลนออกมาพร้อมกับก่นด่าทั้งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หลินชิงเวย เจ้าถึงกับทิ้งเปิ่นหวางแล้วหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวเชียวหรือ!”
หลินชิงเวยแสดงท่าทางของผู้บริสุทธิ์ มีภัยรออยู่ข้างหน้า นางจะให้ตนเองเสียเปรียบได้อย่างไรกัน ดังนั้นจึงได้แต่หาที่หลบก่อน อีกทั้งเมื่อวัวสีดำเห็นแสงไฟนั้นความเร็วของมันจึงลดลง นางจึงกระโดดลงจากรถม้า ร่างของนางกระแทกกับพื้นอย่างหนักจนต้องสูดปากด้วยความเจ็บปวด มือทั้งสองและเท้าทั้งสองถูกเสียดสีไม่เบาทีเดียว
เคราะห์ดีที่ผืนป่าแห่งนี้มีแสงสว่างไม่มากนัก ร่างของนางจึงกลิ้งออกไปไกล ยิ่งไกลเท่าใดยิ่งดี สุดท้ายไปซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่เป็นผลสำเร็จ
เซียวอี้หนอเซียวอี้ เป็นถึงเซี่ยนอ๋อง วรยุทธไม่อ่อนด้อย หลินชิงเวยไม่เชื่อว่าเขาจะรับมือกับโจรภูเขากระจอกเหล่านั้นไม่ได้
เดิมทีเซียวอี้คิดจะกระโดดลงจากรถม้าเช่นกัน แต่เขายังไม่ทันได้ทำเช่นนั้นก็เห็นว่าโจรภูเขาเหล่านั้นวิ่งลงมาจากภูเขาพร้อมกับถือคบไฟล้อมเขาเอาไว้แล้ว
แสงไฟนั้นส่องใบหน้าของเขา แม้จะไม่ชัดเจนเท่าใดนักแต่ก็ทำให้ผู้คนรับรู้ได้ว่าเป็นคนรูปงามเพียงแค่แวบแรก ดวงตาทั้งคู่ของพวกเขาจับจ้องไปที่เซียวอี้ พร้อมกับหันหน้าไปรายงานหัวหน้าโจร “รายงานพี่ใหญ่ จับหญิงงามได้คนหนึ่ง!”
เหงื่อของเซียวอี้ไหลลงมาตามขมับ สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาไหนเลยจะ…เหมือนหญิงงาม!
หัวหน้าโจรผู้นั้นมองเซียวอี้แวบหนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างพึงใจ เขาหันไปมองวัวสีดำ “วัวตัวนี้ก็ไม่เลว”
คนชุดดำไล่ตามมาทันในเวลานี้เอง พวกเขาเปิดเผยฐานะแก่โจรภูเขากลุ่มนั้น พวกเขาคิดจะหันหลังกลับ ทว่าสายเกินไป ที่จริงเมื่อคนชุดดำไม่เห็นหลินชิงเวยอยู่บนรถม้าและพวกเขาต้องพิษผงสลายกระดูก หากต้องต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ ยากที่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ยามนี้เซียวอี้ตกอยู่ในมือของโจรภูเขาย่อมไม่ใช่เรื่องดีอันใด คนชุดดำหลายคนสบสายตากันแล้วหันหลังกลับจะหนีไป
เซียวอี้ตะโกนเสียงดังในเวลาประจวบเหมาะ “ในมือของพวกเขามีสิ่งของล้ำค่า เพิ่งจะแย่งชิงจากตัวข้าไป!”
ทันทีที่โจรภูเขาได้ยินเช่นนั้นไหนเลยจะปล่อยให้คนชุดดำหนีไปได้ อีกทั้งหากแย่งชิงม้าเหล่านั้นมาครอบครองได้ย่อมส่งผลให้พวกเขาทำการปล้นชิงได้ราวกับเสือติดปีก
“พวกเรา ปล้น!”
พวกโจรภูเขาที่อาศัยอยู่บนภูเขานี้ หลังเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วก็ไม่มีการค้าอันใดให้ทำนัก ยามนี้คนทั้งหมดต่างฮึกเหิมอย่างยิ่ง จึงวิ่งเข้าหาคนชุดดำกลุ่มนั้น
เซียวอี้เห็นเหตุการณ์แล้วคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ตนเองจะหนี แต่ดาบเล่มหนึ่งถูกกวาดผ่านใบหน้าของเขา เขาช้อนตาขึ้นมองเห็นดวงตาวับวาวของหัวหน้าโจรผู้นั้น “หญิงงาม อีกประเดี๋ยวพี่ใหญ่จะพาเจ้าขึ้นภูเขา เป็นฮูหยินท่านหัวหน้า!”
เซียวอี้ “…”
หลินชิงเวยเอียงหน้าออกมาดูสภาพของเซียวอี้แล้วรู้สึกมีความสุขท่ามกลางความยากลำบาก หากหัวหน้าโจรผู้นี้จับตัวเซียวอี้โยนขึ้นไปบนเตียงแล้วจึงพบว่าที่จริงเขาเป็นบุรุษผู้หนึ่ง ไม่รู้ว่าจะวุ่นวายสักเพียงใด
คนชุดดำล้วนอยู่บนหลังม้า โจรภูเขากลุ่มนั้นโอบล้อมพวกเขา คนชุดดำไม่อยากจะยื้อต่อสู้กับพวกเขาจึงค่อยๆ ถอยร่น โจรภูเขาวิ่งด้วยสองขาไหนเลยจะสู้ม้าที่มีสี่ข้าได้เล่า ด้วยเหตุนี้เมื่อวิ่งไล่ตามไประยะหนึ่งจึงวิ่งกลับมาอย่างเหนื่อยหอบเพื่อรายงานว่า “รายงานท่านหัวหน้า ของมีค่า…ของมีค่าปล้นมาไม่ได้!”
คนชุดดำกลุ่มนี้วิ่งย้อนกลับออกไปจากป่า แม้ร่างกายจะฟื้นฟูกำลังขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่ามิได้ฟื้นฟูมาทั้งหมด คืนนี้แน่นอนแล้วว่าไม่ได้นอน
พวกเขาเพิ่งจะสลัดโจรภูเขากลุ่มนั้นออกมาได้ กลับต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ที่ควบม้ามาขวางทางไว้อีกกลุ่มหนึ่ง อีกฝ่ายล้วนสวมอาภรณ์สีดำเช่นเดียวกัน กิริยาท่าทางนั้นเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหาร
ทั้งสองฝ่ายชะงักงันชั่วครู่ คนชุดดำกลุ่มนั้นที่ไล่ตามมาไม่พูดไม่จาก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ ส่วนคนชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งนั้นม้าเริ่มอ่อนล้า คนถูกพิษผงสลายกระดูกยังไม่ฟื้นคืนกำลัง ดูเหมือนว่าต่อให้วรยุทธ์ของพวกเขาสูงส่งกว่านี้ก็ยากที่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด ในที่สุดคนชุดดำที่ไล่ล่าเซียวอี้และหลินชิงเวยมาตลอดทางก็ถูกสังหารจนหมด โลหิตสีแดงสดสาดลงบนพื้นหิมะสีขาว รอให้หิมะตกหนักอีกครั้ง ทุกอย่างก็จะไร้ซึ่งร่องรอย
ทางด้านนี้เซียวอี้ถูกมัดตัวอย่างแน่นหนาแล้วถูกแบกกลับขึ้นไปบนภูเขา วัวตัวนั้นถูกลากจูงขึ้นไปด้วยเช่นกัน
หัวหน้าโจรผู้นั้นแทบจะทนรอไม่ไหว ต้องการร่วมหอกับเซียวอี้ ผู้เป็นหญิงงามในค่ำคืนนี้ ดังนั้นเซียวอี้จึงถูกแบกเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอับของหัวหน้าโจร ด้านนอกพวกโจรภูเขาฆ่าวัวแล้วนำเนื้อมาย่างกินและดื่มสุราฉลองกันอย่างครึกครื้น เซียวอี้รวบรวมพละกำลังทำให้เชือกขาดเป็นสองท่อน
ต่อมาโจรภูเขาทั้งหลายผลักหัวหน้าของพวกเขาเข้ามาในห้อง หัวหน้าโจรดื่มสุราลงไปไม่น้อย เดินมาด้วยท่าทางโงนเงน แต่เมื่อเห็นเซียวอี้ดวงตาก็เปล่งประกายวาบ ยามนี้เขาดื่มสุรามากเกินไปจึงแยกไม่ออกว่าเซียวอี้เป็นบุรุษหรือสตรี ทั้งยังไม่ลืมหันไปพูดกับเหล่าพี่น้องที่แอบดูอยู่ว่า “ไปๆๆ! ไม่ว่าภายในห้องเกิดเสียงอันใดขึ้น พวกเจ้าล้วนไม่ต้องเข้ามา! ได้ยินหรือไม่!”
“ขอรับ”
เซียวอี้รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่างด้วยรับรู้ได้ถึงสายตาหื่นกระหายเยี่ยงผู้ล่าเหยื่อของหัวหน้าโจรที่มองมาอย่างประเมิน หัวหน้าโจรหัวเราะ “คนงามไม่ต้องกลัว อีกประเดี๋ยวข้าจะทะนุถนอมเจ้าเอง…หน้าอกของเจ้านี้ดูเหมือนจะเรียบไปเล็กน้อย แหะๆๆ แต่ไม่เป็นไร หลังจากได้รับความชุ่มชื้นของบุรุษแล้ว หน้าอกของเจ้าก็จะใหญ่ขึ้นเอง…”