ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 10 บทที่ 276 ความคิดถึง
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลินชิงเวยรู้สึกว่ากระดูกของตนแทบจะแหลกเหลวไปทั้งร่าง ความรู้สึกของนางกลับคืนมาก่อนร่างกายก้าวหนึ่ง รอบๆ ด้านมีเพียงความเงียบสงบ นางยื่นมือคลำออกไปด้านข้าง ทว่ากลับคลำไม่เจอเซียวเยี่ยน แต่ที่สัมผัสถูกมือคือที่นอนหนาๆ
หลินชิงเวยลืมตาตื่นเต็มที่ นางพยุงกายลุกขึ้นมานั่งพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงในห้องหนึ่ง บนเตียงอบอุ่นยิ่งนัก ข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องเรียบง่ายและค่อนข้างเก่ามีลักษณะเหมือนเรือนของครอบครัวชาวนาธรรมดาทั่วไป
ทว่าหลินชิงเวยยังคงลอบระมัดระวังตัวขึ้นเล็กน้อย เซียวเยี่ยนอยู่ที่ไหน เหตุใดนางจึงมาอยู่ที่นี่ มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกเซียวอี้จับตัวได้
หากถูกจับตัวจริงๆ เช่นนั้นการจะหนีออกไปย่อมเป็นเรื่องยาก และหนอนกู่ที่นางฝังลงไปนั้นมิใช่หนอนกู่ของอวิ๋นหนานจึงถ่วงเวลาได้ไม่นานนัก หากเซียวอี้ไปหาหมอผีของอวิ๋นหนานเพื่อถอนพิษหนอนกู่ เช่นนั้นนางและเซียวเยี่ยนย่อมต้องประสบความยุ่งยาก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ข้างนอกพลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ต่อมามีคนผลักประตูเข้ามา หลินชิงเวยจับจ้องสายตามองคนที่เดินเข้ามา เห็นเพียงรูปร่างผอมบาง ผิวพรรณสีน้ำตาลคล้ำแดดอย่างคนที่เดินทางอยู่ข้างนอกเสมอ เส้นผมถูกรวบไว้บนศีรษะ ในมือประคองสิ่งของเข้ามาถ้วยหนึ่ง
แม้นางจะสวมอาภรณ์ธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง ทว่าหลินชิงเวยยังคงแยกแยะได้ในชั่วพริบตาเดียว นี่เป็นสตรีนางหนึ่งและเป็นสตรีที่นางค่อนข้างคุ้นตา
นางเห็นสายตาของหลินชิงเวยจับจ้องตน จึงเอ่ยขึ้นว่า “ในที่สุดท่านก็ฟื้น”
น้ำเสียงนั้นแหบพร่าเล็กน้อย หลินชิงเวยได้ยินแล้วกลับรู้สึกว่าคุ้นหู รอจนนางเดินเข้ามาใกล้ เมื่อมองนางอย่างพิจารณาจึงจดจำได้ หัวใจทั้งดวงของนางกวัดแกว่ง “เจ้าคือกู้เฟิ่งหมิง”
กู้เฟิ่งหมิงวางถ้วยน้ำแกงลงข้างหัวเตียง ข้างในถ้วยคือยาต้มสีน้ำตาล “หาได้ยากนักที่เหนียงเหนียงยังจดจำข้าได้ นี่เป็นยาขจัดความหนาวเย็น เหนียงเหนียงรีบดื่มเถิด”
หลินชิงเวยลองสูดดมกลิ่น เป็นยาสมุนไพรขจัดความหนาวเย็นทั่วไปจึงดื่มลงไป “ออกมาอยู่ข้างนอก เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าเหนียงเหนียง เรียกชื่อข้าก็พอ”
อาจเป็นเพราะกู้เฟิ่งหมิงรู้สึกว่าจู่ๆ จะมาให้เรียกชื่อนั้นนางไม่ถนัดปาก จึงกล่าวว่า “ข้าเรียกท่านว่าแม่นางดีกว่า”
“เป็นเซ่อเจิ้งอ๋องที่พาเจ้าออกมาจากเมืองหลวง?” หลินชิงเวยไม่ติดอยู่กับเรื่องการเรียกขาน จึงนับได้ว่ายอมรับโดยปริยาย
กู้เฟิ่งหมิงพยักหน้า “ข้าค่อนข้างคุ้นเคยกับสภาพภูมิศาสตร์ของที่นี่ จึงช่วยเหลือเซ่อเจิ้งอ๋องได้”
“เวลานี้เขาอยู่ที่ใดเล่า?”
“แม่นางไม่ต้องกังวล บัดนี้เซ่อเจิ้งอ๋องกลับมาแล้วเช่นกัน เขาพักผ่อนอยู่ในห้อง เพียงแต่…บาดแผลของเขาค่อนข้างสาหัส ข้าได้เชิญท่านหมอมาแล้ว เพิ่งจะรักษาบาดแผลให้เขา”
“ข้าไปดูเสียหน่อย” หลินชิงเวยได้ยินแล้วพลันรู้สึกว่าความเจ็บปวดบนร่างกายของตนไม่อาจนับเป็นอันใดได้เลย ความรู้สึกเจ็บปวดตามร่างกายหายไปกว่าครึ่งเมื่อรู้ถึงสถานการณ์ของเซียวเยี่ยน ทว่านางมองไปรอบๆ แล้วอดถามกู้เฟิ่งหมิงไม่ได้ว่า “เจ้าเก็บห่อผ้าของข้ามาด้วยหรือไม่?”
“นั่นเป็นห่อผ้าของแม่นางหรือ?” กู้เฟิ่งหมิงถาม “ข้าคิดว่านั่นเป็นห่อผ้าของท่านอ๋องจึงนำไปไว้ในห้องของท่านอ๋องแล้ว”
หลินชิงเวยสวมเสื้อคลุม เปิดประตูออกเห็นเพียงลานเรือนลักษณะธรรมดาหลังหนึ่ง ภายในลานเรือนมีต้นไม้ที่ใบไม้ร่วงหมดแล้วต้นหนึ่ง บนพื้นเต็มไปด้วยต้นหญ้า นอกจากนั้นแล้วไม่มีอย่างอื่น
ห้องของเซียวเยี่ยนอยู่ในเรือนหลังนี้เช่นกัน หน้าประตูมีเตาปรุงยาตัวหนึ่ง บนเตากำลังต้มสมุนไพรหม้อหนึ่ง ความขมฝาดของยานั้นลอยคลุ้งไปทั่วทั้งเรือน ราวกับต้องการทำให้บรรยากาศภายในเรือนกลายเป็นความขม
ย่างก้าวของหลินชิงเวยยังคงลอยละล่องอยู่บ้าง เมื่อเข้าไปในห้องเห็นเซียวเยี่ยนนอนหลับอย่างสงบอยู่บนเตียง นางนั่งลงริมเตียงของเขา เห็นสีหน้าของเขาสงบนิ่ง บุรุษตัวโตเต็มไปด้วยความระมัดระวังตัวในยามปกติ มาบัดนี้กลับนอนหลับใหล ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย
ผิวของเซียวเยี่ยนซีดขาว กรอบหน้าคมสันของเขาถูกแสงจากด้านนอกหน้าต่างส่องสว่างเล็กน้อย แสงสว่างน้อยๆ นั้นสาดส่องลงบนคิ้วตาและสันจมูกของเขา ราวกับกำลังเริงระบำอยู่บนปลายจมูก
หลินชิงเวยมองเขาเงียบๆ อยู่เนิ่นนาน ความคิดถึงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามาพร้อมกับหิมะและสายลม มาบัดนี้นับว่าได้มีเวลานั่งลงมองเขาดีๆ แล้ว
เพียงแต่ร่างของเขามีแต่ผ้าพันแผล ใจของนางเหมือนถูกบีบรัด หลินชิงเวยพูดกับกู้เฟิ่งหมิง “ไปย้ายเตาเข้ามาในห้องเถิด จะได้อบอุ่นสักหน่อย” นางจับมือของเขา มือของเขาเย็นราวกับน้ำแข็ง
สายตาของกู้เฟิ่งหมิงตกลงบนมือของทั้งสองที่เกาะกุมกัน ราวกับกระจ่างแจ้งถึงบางอย่าง ไม่ต้องพูดอันใดและไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ นางไปย้ายเตาตัวนั้นเข้ามาในห้อง
ต่อมาหลินชิงเวยหยิบยาออกมาจากห่อผ้า นางป้อนยาให้เซียวเยี่ยนกินก่อนสองเม็ด นางเห็นว่าบาดแผลของเซียวเยี่ยนได้รับการใส่ยาแล้ว ไม่เป็นการดีหากนางจะรื้อออกมาอีกครั้ง
นางจึงรอให้ถึงเวลาเปลี่ยนยาครั้งต่อไปค่อยใส่ยาให้เขา ขณะเดียวกันหลินชิงเวยดมกลิ่นยาที่ท่านหมอใช้ ก็รู้ได้ว่าท่านหมอใช้ยาสมุนไพรตัวใดบ้าง จึงเขียนเทียบยาใหม่ขึ้นอีกครั้งมอบให้กู้เฟิ่งหมิงไปจัดยาในตัวเมืองมาอีกหลายตัว
เซียวเยี่ยนไม่ได้สติตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน หลินชิงเวยดูแลเขาโดยไม่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เซียวเยี่ยนตัวร้อนกลางดึก นางจึงฝังเข็มเพื่อลดไข้ให้เขา ใช้น้ำร้อนเช็ดตัวให้เขา แต่ด้วยบนร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นนั้นไม่รู้จะวางลงที่ใดดี
เคราะห์ดีที่หลินชิงเวยนำยาติดตัวเสมอเผื่อมีความจำเป็นต้องใช้ ยามนี้จึงได้ใช้จริงๆ เมื่อเขาได้กินยาที่นางปรุงเอง รอกระทั่งบาดแผลประสานตัวกันดีแล้ว ใช้ขี้ผึ้งที่นางปรุงขึ้นเองทาบริเวณบาดแผล ผนวกกับร่างกายของเซียวเยี่ยนเดิมทีแข็งแรงอยู่แล้ว การฟื้นฟูร่างกายจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว สองสามวันก็ฟื้นฟูกำลังกลับมา
หลินชิงเวยเห็นบาดแผลใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นบนร่างกายของเขา คาดว่าเพิ่งจะได้มาหลังจากเดินทางมาถึงหนานเจียง มีบาดแผลสองรอยที่ทิ่มแทงสายตายิ่งนัก ตรองดูแล้วยามนั้นน่าจะสาหัสพอดู ไม่รู้ว่าเขาผ่านมันมาได้อย่างไร
เซียวเยี่ยนฟื้นแล้ว หลินชิงเวยเป็นท่านหมอของเขา สองวันมานี้เขาจึงนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงและเชื่อฟังอย่างยิ่ง
ขณะที่หลินชิงเวยทายาให้เขานั้นนางทำอย่างเบามือเบาไม้ยิ่งนัก เขารู้สึกสบายตัวไปทั้งร่าง บาดแผลของเขาไม่มีความเจ็บปวดอีกแล้ว
เซียวเยี่ยนถาม “เหตุใดเจ้าต้องมาที่นี่?”
หลินชิงเวยพูดเสียงต่ำ “นอกจากเป็นห่วงท่านแล้วจะเป็นเพราะอะไรได้อีก? ท่านกลับดียิ่งนัก ทิ้งข้าไว้ที่นั่นแล้วเดินทางจากมาอย่างไม่ดูดำดูดี ซ้ำยังโป้ปดข้า”
นางบ่นพึมพำ ทว่าในน้ำเสียงกลับทำให้คนรู้สึกใจอ่อนยวบ
เซียวเยี่ยนเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง “อยู่ในวังอย่างไรก็ปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก” เขาไม่ปรารถนาให้หลินชิงเวยต้องมาเผชิญหน้ากับความเป็นความตายทุกๆ นาทีพร้อมกับเขา
“ท่านคิดว่าปลอดภัยก็ปลอดภัยเช่นนั้นหรือ”
เซียวเยี่ยนลอบขมวดคิ้ว “หรือเกิดเรื่องอันใดขึ้นในวัง?”
หลินชิงเวย “ไม่มีอะไร เพียงแต่ไทเฮาออกมาก่อคลื่นลม หญิงชราผู้นั้น ข้าคิดว่าข้าอยู่ห่างๆ นางจะดีกว่า ข้าไม่รู้ว่าการที่ข้าพาเซียวอี้มาที่นี่ด้วยเป็นเรื่องดีหรือไม่ ดูแล้วมีเพียงสร้างความยุ่งยากให้กับท่านกระมัง”
เซียวเยี่ยน “นี่ไม่ใช่เรื่องไม่ดีเสมอไป อย่างน้อยเขาอยู่ที่นี่ ข้าวางใจเรื่องในวัง”
“ท่านมักจะเป็นห่วงผู้อื่นเสมอ เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตนเองสักหน่อยได้หรือไม่?”
หลายวันมานี้หลินชิงเวยทำความเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่ได้พอสมควรแล้ว เซียวเยี่ยนเดินทางมาถึงหนานเจียงอย่างลับๆ เขาไม่ได้ติดต่อกับทหารชายแดนเมืองผิงหลั่ง หากทำเช่นนั้นย่อมเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นอย่างง่ายดาย
และได้ยินว่าคนของแคว้นอวิ๋นหนานซุ่มรออยู่บริเวณภูเขาใกล้เคียงนอกเมืองผิงหลั่งเพื่อรอโอกาสจับกุมตัวเขา