ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 10 บทที่ 280 ไม่ได้หลอกง่ายเช่นนั้นเสมอไป
ถ่าซิงฮ่าวยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเป็นเช่นนี้แน่นอน เขาหันมามองหลินชิงเวย “เช่นนั้นเมื่อสักครู่ เจ้าทำอันใดกับข้า เหตุใดข้าจึงรู้สึกไร้เรี่ยวแรง?”
หลินชิงเวยบุ้ยใบ้ “เป็นเพียงผงกระดูกอ่อนทั่วไปเท่านั้น ไม่ส่งผลเสียใดๆ ต่อร่างกาย อีกหนึ่งชั่วยาม พิษก็จะสลายไปเอง พี่ชายที่ข้าทำเช่นนั้นเพราะสถานการณ์คับขัน หาไม่แล้วพี่ชายคงไม่ใจเย็นฟังข้าพูดมากมายเช่นนี้ ควรจะสังหารข้าไปนานแล้ว”
ถ่าซิงฮ่าวมองหลินชิงเวย เห็นดวงตาใต้ผมหน้าม้าของนางทั้งดำขลับและกระจ่างใส ทั้งบริสุทธิ์และไม่ได้รับความเป็นธรรม ดูท่าทางแล้วไม่มีวรยุทธ์ หากเป็นสตรีเพียงคนเดียวย่อมไม่อาจขึ้นมาบนภูเขาได้อย่างราบรื่น ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ถ่าซิงฮ่าวยังคงไม่วางใจอยู่นั่นเอง เขาพูดเพียงว่า “ที่เจ้าพูดมานี้แม้จะน่าเชื่อถือ แต่ข้ากลับไม่อาจเชื่อเจ้าทั้งหมดได้ อีกประเดี๋ยวข้าพาเจ้าไปพบเซี่ยนอ๋อง และยืนยันกับเซียวอี้ผู้นั้น หากที่เจ้าพูดมาล้วนเป็นความจริงจะได้เปิดโปงเซียวอี้ ต่อไปเจ้าก็รั้งอยู่ที่นี่ เขาย่อมไม่กล้าใช้ประโยชน์และรังแกเจ้าได้อีก”
หลินชิงเวยพยักหน้า “อื้อ พี่ชายท่านดีเหลือเกิน” ในใจกลับพูดว่า นี่เป็นองค์รัชทายาทแห่งอวิ๋นหนานเชียวนะ ไม่ใช่คนเขลาของอวิ๋นหนาน? จะได้หลอกง่ายเช่นนี้
ถ่าซิงฮ่าวจึงพักผ่อนอยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกว่าร่างกายฟื้นฟูกำลังเล็กน้อยจึงพาหลินชิงเวยเดินกลับไปในเรือนคิดจะยืนยันกับเซียวอี้ หลินชิงเวยพยายามถ่วงเวลาถ่าซิงฮ่าวตลอดทาง ทำให้ถ่าซิงฮ่าวเดินช้าลง
อย่างเช่นนางเดินอย่างเชื่องช้า ถ่าซิงฮ่าวเดินไปหลายก้าวก็หันมารอนาง นางพูดอีกว่า “พี่ชาย ทางมืดเหลือเกิน!”
ถ่าซิงฮ่าว “เมื่อสักครู่เมื่อเจ้าวิ่งมาทางนี้ไม่ใช่ว่องไวหรอกหรือ?”
หลินชิงเวย “เมื่อสักครู่…เมื่อสักครู่ผู้อื่นตกใจนี่นา หากวิ่งช้าไปย่อมไม่มีชีวิตรอด ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจเส้นทาง เวลานี้ได้สติแล้วยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่เลย”
ถ่าซิงฮ่าวผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว หลินชิงเวยเพียงวาดหวังเพียงเวลานี้เซียวเยี่ยนควรจะลอบฟังได้ความกระจ่างแจ้งแล้ว จากนั้นรีบออกจากที่นี่
เพียงแต่ยังไม่รอให้นางและถ่าซิงฮ่าวกลับไปถึงในลานเรือน ด้านหน้าพลันเกิดความวุ่นวายขึ้น ดูเหมือนมีคนไล่ตามมาพร้อมกับร้องตะโกนว่า “ผู้บุกรุก” และกำลังวิ่งมุ่งหน้ามาทางนี้
หลินชิงเวยหัวใจหล่นวูบ จะต้องเป็นเซียวเยี่ยนถูกพบตัวแล้ว
จากนั้นไม่นานก็เห็นเงาร่างสีดำสายหนึ่งพุ่งมาทางด้านนี้ ด้วยความร้อนใจหลินชิงเวยจึงเรียกคนผู้นั้นด้วยเสียงอันดัง “เซียวอี้!” นางหลบอยู่หลังร่างของถ่าซิงฮ่าวด้วยสีหน้าหวาดกลัว ถ่าซิงฮ่าวดึงดาบของเขาออกมาในเวลานี้ ร่างของเซียวเยี่ยนผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้ประมือกับเซียวเยี่ยนสักกระบวนท่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เซียวเยี่ยนและเซียวอี้เป็นพี่น้องกัน เดิมทีพวกเขาก็มีหน้าตาคล้ายคลึงกันอยู่สองส่วน เพียงแต่ไม่มีเวลาพินิจพิจารณาให้ชัดเจนหลินชิงเวยฉวยโอกาสลงมือทันที นางใช้เข็มเงินในมือสกัดจุดนอนหลับของถ่าซิงฮ่าว
ร่างของถ่าซิงฮ่าวกระตุกขึ้นครั้งหนึ่ง จากนั้นคนทั้งคนก็นอนลงไปกับพื้นไม่รับรู้สิ่งใดอีก
ผู้ที่มาคือเซียวเยี่ยนจริงๆ เขายืนอยู่เบื้องหน้าหลินชิงเวย ชายอาภรณ์และร่างของเขาเต็มไปด้วยไอเย็นจากหิมะ เขาถามเสียงต่ำ “เป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นไรกระมัง?”
หลินชิงเวยก้มหน้าลงยกเท้าขึ้นเตะร่างของถ่าซิงฮ่าวพลางกล่าวว่า “เขาโง่เขลาเกินไป”
“ไม่ควรรั้งอยู่ในสถานที่แห่งนี้นานเกินไป พวกเราออกจากที่นี่ก่อน” พูดแล้วไม่รอคำตอบจากหลินชิงเวย เขาก็ยื่นแขนออกมาอุ้มร่างของหลินชิงเวยเข้ามาในอ้อมกอดของตนออกจากที่นี่ด้วยวิชาตัวเบา
ข้างหลังมีคนกำลังไล่ตามมา พวกเขาทั้งสองไม่อาจออกจากที่นี่อย่างเปิดเผยเหมือนเมื่อเข้ามา อีกทั้งองครักษ์ของพระราชฤดูร้อนแห่งนี้ได้ปิดทางเข้าออกภูเขาไว้แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้เซียวเยี่ยนได้แต่พาหลินชิงเวยลงจากเขาผ่านป่าที่มีเส้นทางที่มืดและลับที่สุด
คนทั้งสองหัวทิ่มหัวตำพุ่งเข้าไปในป่าและวิ่งไปข้างหน้าอีกเนิ่นนาน กระทั่งข้างหลังไม่มีคนไล่ตามมาแล้ว ที่จริงแล้วองครักษ์ของพระราชวังฤดูร้อนเหล่านั้นไล่ตามพวกเขามาถึงบริเวณริมป่าเท่านั้น ด้วยไม่กล้าตามเข้ามา
เมื่อถ่าซิงฮ่าวตื่นขึ้นมาอีกครั้งเขามีท่าทางโมโหโกรธายิ่งนัก ได้ยินองครักษ์รายงานว่า “ผู้บุกรุกหนีเข้าไปในป่าดำแล้วขอรับ”
ถ่าซิงฮ่าวพูดอย่างเดือดดาล “ไม่ต้องตามไป ในป่าดำมีค้างคาวเลือดเป็นฝูง ไม่เคยมีผู้ใดรอดชีวิตออกมาจากในนั้น ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้เฝ้าประตูเข้าออกทุกด้านอย่างเข้มงวด ห้ามปล่อยให้ผู้ต้องสงสัยเข้าโดยเด็ดขาด!”
พูดแล้วถ่าซิงฮ่าวก็กลับไปหาอวิ๋นหนานอ๋อง เวลานี้เซียวอี้จากไปแล้วภายในห้องจึงมีเพียงอวิ๋นหนานอ๋องเพียงลำพัง เขาเดินก้าวยาวๆ เข้าไป “เสด็จพ่อ เซียวอี้ผู้นี้เชื่อถือไม่ได้ เสด็จพ่ออย่าได้เอนเอียงเชื่อเขาอีกเลย!”
อวิ๋นหนานอ๋องหันหน้ากลับมา “อ้อ? คำพูดนี้จะอธิบายอย่างไร?”
“ลูกคิดว่าคนผู้นี้มีใจคิดคดทรยศ ภายนอกเขาดูเหมือนร่วมมือกับพวกเรา ระแวดระวังเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม พิษหนอนกู่ในร่างของเขาในครั้งนี้ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแผนการหลอกลวงพวกเราเพื่อช่วยเหลือเซ่อเจิ้งอ๋องแห่งแคว้นต้าเซี่ยก็เป็นได้ แต่ที่จริงแล้วเขาแอบร่วมมือกับเซ่อเจิ้งอ๋องลับหลัง ย่อมไม่เป็นผลดีต่อพวกเรา!”
สีหน้าของอวิ๋นหนานอ๋องเคร่งขรึมลง “ผู้บุกรุกในคืนนี้ หากมิใช่เพราะเจ้าประมาทเลินเล่อจะปล่อยให้พวกเขาขึ้นภูเขามาได้อย่างไร? ทางที่ดีที่สุดเจ้าควรมีคำอธิบายเรื่องผู้บุกรุกแก่เปิ่นหวาง ส่วนทางด้านเซี่ยนอ๋องเปิ่นหวางรู้หนักเบาดี!”
ถ่าซิงฮ่าว “เสด็จพ่อ หากเขาเป็นคนมีใจคิดทรยศเป็นคนของแคว้นต้าเซี่ย เขาล่วงรู้แผนการและจุดประสงค์ของพวกเรา ฉะนั้นผลลัพธ์ย่อมร้ายแรงเกินกว่าจะคาดคิด ขอเสด็จพ่อโปรดใคร่ครวญ!”
อวิ๋นหนานอ๋อง “ไม่ใช้คนที่ตนระแวง หากใช้คนแล้วย่อมไม่ระแวง เปิ่นหวางมีเหตุผลของเปิ่นหวาง เพียงแต่ยามนี้วิธีการของพวกเราไปในทิศทางเดียวกันเท่านั้น เขารู้แผนการของเปิ่นหวางและรับปากกับเปิ่นหวานว่าจะหิ้วศีรษะของเซ่อเจิ้งอ๋องมา” ถ่าซิงฮ่าวยังคิดจะพูดสิ่งอื่นใด ทว่าถูกอวิ๋นหนานอ๋องตัดบท “พอแล้ว เจ้าออกไปเถิด เรื่องนี้ห้ามเอ่ยถึงอีก!”
สองพ่อลูกทุ่มเถียงกันจนไม่สบอารมณ์ทั้งคู่ สุดท้ายถ่าซิงฮ่าวหันกายเดินออกไป
ทางด้านนี้เซียวเยี่ยนและหลินชิงเวยกำลังเดินสะเปะสะปะอยู่ในป่าดำ ข้างหลังพวกเขาไม่มีทหารไล่ตามมา ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ต้องรีบร้อนกระทั่งเดินไม่เลือก ป่าดำแห่งนี้ดำมืดจริงๆ ค่ำคืนนี้มีแสงจันทร์อย่างหาได้ยาก ทว่ากลับส่องผ่านเข้ามาในป่าดำแห่งนี้ไม่ได้แม้สักกระผีก
หลินชิงเวยจับจูงมือของเซียวเยี่ยน “วันนี้เป็นวันอะไร? พระจันทร์กลมเหลือเกิน”
เซียวเยี่ยนตอบ “สิบห้า”
หลินชิงเวยพูดกลั้วหัวเราะ “จริงหรือ เช่นนั้นมิใช่มีเวลาอีกครึ่งเดือนก็จะถึงปีใหม่แล้ว” น้ำเสียงของนางอ่อนโยนอย่างที่สุด “เมื่อท่านออกเดินทางมา ข้าก็รู้แล้วว่าท่านกลับมาไม่ทันปี ใหม่แน่นอน เวลานี้ดียิ่งนัก ข้าเร่งเดินทางมาฉลองปีใหม่ร่วมกับท่านที่นี่ได้” นางพูดไปพร้อมกับหยิบตะบันไฟขึ้นมาเป่า ปรากฏให้เห็นลูกไฟเล็กๆ ส่งผลให้บริเวณโดยรอบยิ่งมืดขึ้นอีก
เพียงแต่พวกเขายังไม่ได้จุดไฟให้สว่างขึ้น หลินชิงเวยไม่รู้ว่านางและเซียวเยี่ยนเดินมาถึงที่ใด พลันรับรู้ได้ว่ามีดวงตาสีแดงจับจ้องมองพวกเขาทั้งสอง น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เมื่อหลินชิงเวยเงยหน้ามองไปกลับมองไม่เห็นอะไร
เสียงกระพือปีกพั่บๆ ดังขึ้นในเวลานี้เอง มันบินมุ่งหน้ามาหาคนทั้งสอง หลินชิงเวยเห็นเพียงมันบินผ่านหน้า สิ่งของนั้นเย็นวาบ ทว่าเมื่อกำลังจะผ่านหน้าหลินชิงเวยกลับถูกมือของเซียวเยี่ยนปัดออก
“อะไรน่ะ?”
ต่อมามีอีกหลายตัวบินเข้ามาไม่ขาดสาย เซียวเยี่ยนรวบรวมพลังลมปราณไปที่ฝ่ามือซัดพวกมันจนร่วงตกลงสู่พื้น
หลินชิงเวยอาศัยแสงไฟอันน้อยนิดนั้นมองลงไปบนพื้น เห็นเพียงซากสัตว์ปีกสีดำหลายตัวนอนอยู่บนพื้น แต่ดวงตาของมันกลับเป็นสีแดงเลือด
เซียวเยี่ยนเอ่ยขึ้นเสียงเย็น “เป็นค้างคาวเลือด”