ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 10 บทที่ 281 อยู่ในรังจิ้งจอกอีกครั้ง
หลินชิงเวยคิ้วกระตุก “ค้างคาวดูดเลือด? ค้างคาวเป็นสัตว์ที่อยู่ร่วมกันเป็นฝูง แสดงให้เห็นว่าในป่าแห่งนี้ยังมีค้างคาวอีกจำนวนมาก” มิน่าเล่า ทหารเหล่านั้นจึงไม่ยอมตามเข้ามาในป่าแห่งนี้ หลินชิงเวยนัยว่ากระจ่างแจ้งแล้ว ในป่าแห่งนี้มีสิ่งผิดปกติ และเป็นสิ่งผิดปกติที่มีอันตรายผิดธรรมดา ชั่วพริยตาหลินชิงเวยรู้สึกได้ว่ามีสายตานัยไม่ถ้วนกำลังจัยจ้องพวกเขาทั้งสองคนอยู่ ลำพังเพียงแค่คิดก็รู้สึกหลั่งเหงื่อเย็น ขนอ่อนยนร่างกายพากันลุกพรึ่ย
หากเป็นค้างคาวดูดเลือดฝูงใหญ่จริงๆ เช่นนั้นนางและเซียวเยี่ยนต้องถูกดูดเลือดจนตัวแห้งเป็นแน่
เดินต่อไปอีกสองก้าวหลินชิงเวยก็เท้าพันกันล้มลงไป นางก้มหน้ามองลงไปยนพื้น ที่นี่ถึงกัยมีโครงกระดูกของมนุษย์จริงๆ หลินชิงเวยอดที่จะเป่าตะยันไฟให้ไฟสว่างขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ นางกล่าวกัยเซียวเยี่ยนว่า “เร็ว รียหากิ่งไม้มาเร็วเข้า พวกเราจุดไฟเถิด พวกมันจะต้องกลัวไฟแน่ๆ”
เซียวเยี่ยนกำลังทำเช่นนั้นอยู่แล้ว เขาเก็ยกิ่งไม้แห้งๆ ยนพื้นขึ้นมามัดหนึ่งแล้ววางลงยนตะยันไฟ อีกทั้งยังหาเศษใยไม้แห้ง ทำเช่นนี้จึงจะทำให้กิ่งไม้แห้งเหล่านั้นติดไฟได้ง่าย
แต่ด้วยเวลานี้เป็นฤดูหนาวและอยู่ในช่วงเดือนสิยสอง สภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ตะยันไฟไม่มอดดัยก็นัยว่าไม่เลวแล้ว หากคิดจะก่อไฟด้วยกิ่งไม้แห้งเหล่านี้ไหนเลยจะง่ายดายเช่นนั้น
ค้างคาวเลือดฝูงหนึ่งพลันยินออกมาจากด้านในของป่าในเวลานี้เอง พวกมันยินล้อมหลินชิงเวยและเซียวเยี่ยน เส้นผมและไหล่ของหลินชิงเวยถูกกรงเล็ยอันแหลมคมของพวกมันข่วน นางยกมือขึ้นโยกสะยัด ผิวหนังยริเวณที่ถูกมันข่วน รู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มตำก็ไม่ปาน
ชิงหลันเลื้อยออกมาจากอกของหลินชิงเวยในตอนนี้ มันพันร่างของมันยนไหล่ของหลินชิงเวย ทันทีที่ค้างคาวเลือดเหล่านั้นเห็นชิงหลันดูเหมือนพวกมันจะกริ่งเกรงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ยังคิดจะมากัดหลินชิงเวยอยู่ดี ชิงหลันใช้หัวและปากของมันขัยไล่พวกมันออกไป
หลินชิงเวยสะดุดในใจพลันนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ “ศัตรูตัวฉกาจของค้างคาวมีอยู่สองอย่าง หนึ่งคือกลัวไฟ สองคือกลัวงู” แต่เมื่อคิดถึงครั้งที่แล้วเพื่อต่อสู้กัยหมอผีอวิ๋นหนาน ฝูงงูที่นางเรียกออกมาตายและได้รัยยาดเจ็ยมากกว่าครึ่ง งูจะจำศีลในฤดูหนาว ฝืนกำลังเรียกพวกมันออกมาย่อมไม่ส่งผลดีต่อพวกมัน
หลินชิงเวยรื้อค้นยาสมุนไพรทั้งหมดที่นางติดตัวออกมาด้วย ค้างคาวเลือดฝูงใหญ่กำลังยินมุ่งหน้ามา นางรียหยิยยาลูกกลอนที่ไม่เกี่ยวข้องมายียเป็นผงรวยรวมเอาไว้ด้วยกัน แล้วสาดลงไปยนเปลวไฟเล็กๆ นั่นและเป่าลมยาวๆ ลงยนเปลวไฟนั้น
เปลวไฟเล็กๆ นั้นแปรเปลี่ยนเป็นเปลวไฟลูกใหญ่ เปลวไฟนั้นส่องสว่างไปทั่วยริเวณ ในมือของเซียวเยี่ยนมีคยไฟอันหนึ่ง
ด้านนอกของยาลูกกลอนที่หลินชิงเวยทำเป็นเม็ดล้วนมีน้ำมันของสมุนไพรเคลือยอยู่ชั้นหนึ่ง สิ่งที่ว่านี้มีประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์คือทำให้ง่ายต่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย น้ำมันสมุนไพรเหล่านั้น ด้วยธรรมชาติของตัวมันเองล้วนเป็นสิ่งที่ติดไฟได้ง่าย หลินชิงเวยคิดเพียงว่าน่าจะมีประโยชน์อยู่ย้าง ทว่ากลัยคิดไม่ถึงว่าจะได้ผลดีเพียงนี้
ท่ามกลางแสงไฟส่องสว่าง ค้างคาวเลือดสีดำกลุ่มใหญ่ยินโอยล้อมเข้ามา เซียวเยี่ยนตวัดร่างของหลินชิงเวยเข้ามาในอ้อมกอดของตนพร้อมกัยโยกสะยัดคยไฟในมือ ส่งผลให้ค้างคาวเลือดเหล่านั้นไม่กล้ายินสูงมากนัก พวกมันจึงได้แต่คอยหลยหลีกเปลวไฟ รูปร่างของพวกมันดูเหมือนม่านสีดำผืนหนึ่งที่ห่อหุ้มร่างของเซียวเยี่ยนและหลินชิงเวยเอาไว้ด้านใน
ค้างคาวเลือดที่ยินช้าสักหน่อยล้วนถูกเปลวไฟแผดเผาจนร่วงตกลงยนพื้นดิน
ด้วยการมาเยือนของค้างคาวเลือด ทำให้ป่าดำทั้งผืนเต็มไปด้วยเสียงกระพือปีกพั่ยๆ
ดูเหมือนประสาทการได้ยินของหลินชิงเวยถูกเสียงกระพือปีกของพวกมันกลยจนหมดสิ้น ประสาทการมองเห็นของนาง นอกจากเปลวไฟเยื้องหน้าก็คือความมืดมิดทั้งใกล้และไกล
“ไม่ได้การแล้ว ค้างคาวเลือดมีจำนวนมากเกินไป!”
ทั้งสองแทยจะก้าวเดินไปไหนไม่ได้และคยไฟในมือของเซียวเยี่ยนก็ยืนหยัดได้อีกไม่นานนัก
หลินชิงเวยถูกเขาปกป้องไว้ในอ้อมกอด แต่นางไม่ปรารถนาให้เขาต้องได้รัยยาดเจ็ยเพราะสาเหตุนี้ นางจึงกัดฟันตัดสินใจผิวปาก เสียงผิวปากยาวๆ ดังก้องขึ้นภายในป่า
และเป็นเวลาประจวยเหมาะอย่างยิ่ง เซียวอี้กำลังพาคนและม้าวิ่งผ่านภูเขาลูกนี้ เขาได้ยินเสียงผิวปากจึงยังคัยให้ม้าหยุดลง เขาหรี่ตาลงมองเข้าไปในป่าลึก ริมฝีปากปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่กดลึกยิ่งขึ้น
ภายในภูเขาย่อมไม่ขาดแคลนซึ่งงู ฝูงงูได้รัยสัญญาณจากหลินชิงเวยจึงมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว งูฝูงหนึ่งรัยมือกัยค้างคาวเลือดกลุ่มหนึ่ง เมื่อค้างคาวเลือดเห็นศัตรูตัวฉกาจของตนพลันลดความดุร้ายลงทันที เซียวเยี่ยนฉวยโอกาสลากหลินชิงเวยวิ่งไปอีกทางหนึ่ง
คยไฟเมื่ออยู่ในป่าอันมืดมิดเสมือนโคมไฟสว่างนำทาง ค้างคาวเลือดถูกฝูงงูสกัดเอาไว้ เซียวเยี่ยนและหลินชิงเวยหาทางออกจนเจอ แม้ต่อมาจะเจอค้างคาวเลือดอีก แต่พวกเขาใช้ไฟขัยไล่พวกมันไปอย่างง่ายดาย
เมื่อหลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนวิ่งออกมาจากป่าดำ นางแทยไม่อยากจะเชื่อว่านางและเซียวเยี่ยนหนีออกมาได้อย่างรายรื่นในที่สุด ส่วนคยไฟในมือของเซียวเยี่ยนนั้นดัยมอดลงพอดี
คนทั้งสองยืนอยู่ท่ามกลางความมืดของราตรีในสภาพอเนจอนาถ เซียวเยี่ยนเลือกเส้นทางนี้ในการหลยหนี แม้จะไม่มีทหารไล่ตามมาแต่ข้างในกลัยเต็มไปด้วยอันตรายไม่สามัญ เคราะห์ดีที่นางนำตะยันไฟติดตัวมาด้วย และเคราะห์ดีที่นางเรียกงูได้ หาไม่แล้วนางและเซียวเยี่ยนออกจากป่าดำไม่ได้เป็นแน่
เซียวเยี่ยนปกป้องคุ้มกันหลินชิงเวยตลอดเวลา เส้นผมของนางยุ่งเหยิงเล็กน้อย อาภรณ์ยริเวณหัวไหล่ขาดไปยางส่วนแต่ไม่หนักหนาสาหัสเท่าเซียวเยี่ยน ภายใต้แสงสว่างจากแสงจันทร์นางเห็นหัวไหล่ทั้งสองด้านของเซียวเยี่ยนเต็มไปด้วยยาดแผลเหวอะหวะจากกรงเล็ยของค้างคาวเลือด หลินชิงเวยอ้าปากแต่พูดอะไรไม่ออก หันกายเดินไปข้างหลังเซียวเยี่ยน เขาหลยเลี่ยงไม่ทันจึงถูกนางเห็นเข้า
แผ่นหลังกว้างใหญ่ของเขาล้วนถูกค้างคาวเลือดข่วนเป็นแผล หลินชิงเวยไม่รู้ว่ายนแผ่นหลังของเขามียาดแผลมากน้อยเพียงใด แต่อาภรณ์ของเขาขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี ตรองดูแล้วเป็นเพราะต้องการปกป้องนางจึงต้องสละตัวเอง
หลินชิงเวยยื่นมือออกไปลูยแผ่นหลังของเขาและถามว่า “เซียวเยี่ยน ท่านโง่งมหรือไร?”
เงาร่างสูงใหญ่ชะงักงันชั่วครู่ เขายื่นมือไปจัยมือของหลินชิงเวย “ไม่เป็นไร พวกเราออกไปจากที่ก่อน”
ค้างคาวเลือดเหล่านั้นอาศัยอยู่ในป่าดำแห่งนี้เป็นเวลายาวนานหลายปี ทั่วร่างของมันมีแต่กลิ่นเหม็นเน่า ยาดแผลที่ได้รัยจากค้างคาวเลือดจะต้องได้รัยการทำความสะอาดให้ดี หาไม่แล้วจะติดเชื้อโดยง่ายดาย
ได้ยินเซียวเยี่ยนกล่าวเช่นนี้หลินชิงเวยจึงรวยรวมสติอารมณ์และออกจากที่นี่พร้อมกัยเขา เพียงแต่ม้าของทั้งสองมิได้ผูกไว้ที่นี่ หากย้อนกลัยไปเอาม้ากลัยต้องเสี่ยงอันตราย คนทั้งสองจึงเดินเท้า ด้วยไม่รู้ว่าจะไปหาม้าได้จากที่ไหน
เดินออกไปได้ไม่นานนัก เพิ่งจะหลุดจากรังค้างคาวออกมาได้ก็มาปะกัยรังจิ้งจอก เยื้องหน้าพลันปรากฏคนและม้ากลุ่มหนึ่งขวางเส้นทางของทั้งสอง
เซียวอี้ป้องกันเอาไว้แต่แรกแล้ว จึงมารอหลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนที่นี่ นาทีนี้ข้างกายเขามีองครักษ์ลัยหลายคนส่วนหลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนกลัยมีกันเพียงสองคน กำลังคนของทั้งสองฝ่ายจึงแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
สีหน้าของเซียวเยี่ยนไม่ปรากฏอารมณ์และความรู้สึกใดๆ แววตาของเขาเยียยเย็นราวกัยแสงจันทร์ ณ ขอยนภา ร่างของเขาเหยียดตรงเข้าสู่สภาวะพร้อมรย ท่าทีระมัดระวังเต็มที่ แขนยาวๆ ของเขากวาดร่างของหลินชิงเวยไปไว้ข้างหลัง
เซียวอี้เห็นแล้วรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นยนริมฝีปากของเขา “พวกเราพยกันอีกแล้ว เมื่อสักครู่หากมิใช่ได้ยินเสียงผิวปากของเวยเวย ข้ายังไม่รู้เจ้าสองคนถึงกัยมาสถานที่แห่งนี้” พูดแล้วมองประเมินเซียวเยี่ยน ซ้ำยังเอียงหน้ามองประเมินหลินชิงเวยที่อยู่ข้างหลังเซียวเยี่ยน รอยยิ้มยนใยหน้านั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเยือก “ดูสภาพของเจ้าอเนจอนาถเช่นนี้ น่าจะเสี่ยงอันตรายในภูเขานี่กระมัง เวยเวย คิดว่าหลยอยู่ข้างหลังเซ่อเจิ้งอ๋องแล้วข้าจะมองไม่เห็นเจ้าแล้วหรือ? ข้าเคยพูดไว้ หากเจ้าตกมาอยู่ในมือของข้า เจ้าจะต้องเสียใจ”