ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 10 บทที่ 283 สังคมของเมืองผิงหลั่ง
นางทำเช่นนี้เพื่อป้องกันไว้ก่อน หากคนชุดดำนี้กลับคำและให้คนสะกดรอยตามเพื่อขัดขวาง
เซียวเยี่ยนมองนางนิ่งลึก นางยิ้มตอบ “วางใจเถิด ข้าจะตามไปทีหลัง”
หลินชิงเวยเห็นม้าของเซียวเยี่ยนวิ่งออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเงาร่างหายลับไปกับสายตา นางจึงวางใจแล้วควบม้าออกไปพร้อมกับโยนยาถอนพิษในมือให้คนชุดดำ
คนชุดดำได้ยาแล้วหันกายกลับเข้าไปในคฤหาสน์และสั่งการให้รวบรวมองครักษ์ลับ “ไล่ตามไป จับตัวสตรีนางนั้นกลับมาให้ได้!”
หลินชิงเวยทางหนึ่งใช้ขาหนีบท้องม้าเพื่อเร่งความเร็ว ทางหนึ่งหันกลับไปมอง เห็นคนชุดดำกลุ่มหนึ่งไล่ตามนางอยู่ข้างหลังติดๆ นางอดที่จะสบถออกมาไม่ได้ ช่างเป็นสุนัขที่ไร้ความน่าเชื่อถือจริงๆ! ดูแล้วการที่นางตัดสินใจให้เซียวเยี่ยนออกเดินทางไปก่อนเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
หาไม่แล้วคงเป็นไปได้ว่าหนีออกไปไม่ได้ทั้งสองคน
ในที่สุดหลินชิงเวยคนเดียวไหนเลยจะต่อกรกับอีกฝ่ายที่มีกำลังคนมากมายเช่นนั้น อีกทั้งยังอยู่ในตัวเมืองผิงหลั่ง ในเมืองมีผู้คนสัญจรไปมามากมายนางไม่อาจควบม้าเต็มฝีเท้าได้ ผนวกกับคนชุดดำเหล่านั้นล้วนคุ้นเคยกับเมืองผิงหลั่ง รู้ว่าตรอกใดทะลุไปยังถนนเส้นหลักได้ จึงดักจับนางได้สำเร็จ
การหลบหนีและไล่ล่าอย่างดุเดือดนี้เป็นจุดสนใจของผู้คนข้างทางอย่างเลี่ยงได้ยาก ในที่สุดหลินชิงเวยถูกคนชุดดำโอบล้อมเอาไว้ หลินชิงเวยมองสีหน้าไร้ความรู้สึกของพวกเขาแต่ละคน พวกชาวบ้านล้อมวงเข้ามาดูอย่างสนอกสนใจ นางจึงร้องไห้คร่ำครวญอยู่บนหลังม้า “อันธพาล! นักเลง! ดักฉุดสตรีกลางถนน!”
คนชุดดำหางตากระตุก
เมืองผิงหลั่งแห่งนี้…เป็นเมืองแห่งความวุ่นวายนัก เมื่อแสดงบทบาทเช่นนี้ทำให้ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากผู้คนรอบข้างได้น้อยยิ่ง ผู้คนส่วนใหญ่แล้วเข้ามาชมความสนุกมากกว่า
ถึงขั้นมีคนพูดขึ้นว่า “ดูเจ้าหนุ่มชุดดำแต่ละคนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์และรูปงาม เจ้านายของพวกเขาต้องมีหน้าตาไม่ขี้ริ้วแน่นอน แล้วดูแม่นางท่านนี้รูปโฉมงดงามปานนี้ เจ้ามาถึงเมืองผิงหลั่งแล้วไม่ถูกฉุดแล้วผู้ใดจะถูกฉุดเล่า? หากเทียบกับการถูกชายชราขี้ริ้วคนหนึ่งฉุด ยังไม่สู้ให้คนหน้าตารูปงามและมีคนใต้บังคับบัญชามากมายเช่นนี้ฉุด”
สังคมเช่นนี้…หลินชิงเวยอับจนคำพูด
คนชุดดำผู้นั้นพูดอย่างคล่องปาก “นายท่านมิได้มีเจตนาฉุดคร่าหญิงสาวชาวบ้าน เพียงแต่บัดนี้นายท่านล้มป่วยจึงจำเป็นต้องเชิญแม่นางไปรักษาอาการเจ็บป่วยของนายท่านกับพวกเราสักหน เชิญแม่นาง”
พูดเสียตนเองดูดี หลินชิงเวยไม่ยอมไปจึงถูกกระชากลากตัวไปในที่สุด
นางกลับมาถึงคฤหาสน์หลังนี้อีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้นางไม่ได้ถูกส่งตัวไปยังเรือนหลังเล็กของตนเอง แต่ถูกส่งไปยังเรือนหลักของเซียวอี้
เขากำลังนอนเอนกายอยู่บนเตียง ร่างกายอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด แม้เขาจะได้รับยาถอนพิษจากหลินชิงเวยและพ้นจากวิกฤติของพิษแล้วทว่าสีหน้ายังคงย่ำแย่อยู่นั่นเอง สีหน้าของเขาเขียวคล้ำหลายส่วน สายตาที่เขามองหลินชิงเวยทำให้คนรู้สึกขนลุก “เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้หรือ?”
หลินชิงเวย “ดูสภาพท่านแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนัก”
เซียวอี้หัวเราะ “ถูกต้อง ตอนนี้เปิ่นหวางรู้สึกอ่อนแออย่างที่สุด ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย หากต้องการขับพิษออกจากร่างกายจนหมด อย่างไรก็จำเป็นต้องใช้เวลาสองสามวัน”
หลินชิงเวยเลิกคิ้ว “ข้าบอกท่านแต่แรกแล้วแต่ท่านไม่เชื่อ หากสองวันก่อนท่านปล่อยพวกเราไป ข้ามอบยาถอนพิษให้ท่าน ท่านย่อมไม่ต้องมีสภาพอย่างที่เป็นอยู่นี้”
“ต่อให้เปิ่นหวางอ่อนแอกว่านี้ขอเพียงเปิ่นหวางยินดีก็สามารถปลิดชีวิตเจ้าได้ในกระบี่เดียว”
สิ้นเสียงของเซียวอี้ คนชุดดำข้างกายลงมือทันที กระบี่ยาวเย็นเยียบพาดอยู่บนลำคอของหลินชิงเวย คอของหลินชิงเวยถูกกระบี่บาดจนรู้สึกแสบร้อน ขอเพียงคมกระบี่นั้นกดและเอียงลงมาอีกเล็กน้อย นางคงต้องหลั่งเลือดแล้ว
หลินชิงเวยหันไปเชิดปลายคางน้อยๆ ไปทางเดียวกับกระบี่เล่มนั้นเพื่อมิให้ผิวของตนเองได้รับบาดเจ็บ ท่าทางเช่นนี้เมื่อตกอยู่ในสายตาของเซียวอี้แล้วกลับทำให้รู้สึกว่าได้ผล เขาหัวเราะอย่างลำพองใจ “อย่างไรเล่า กลัวแล้ว? ก่อนหน้านี้เจ้ามิใช่ชอบพูดว่าตายพร้อมกันหรอกหรือ เปิ่นหวางยังคิดว่าเจ้าไม่กลัวตาย”
นิ้วมือของหลินชิงเวยดึงกระบี่เล่มนั้นทว่าคนชุดดำไม่ยอมลดราวาศอก นิ้วมือของนางจึงถูกคมของกระบี่บาดจนเป็นแผล มีโลหิตหยดเล็กๆ ซึมออกมา หลินชิงเวยขมวดคิ้ว ทุกๆ อิริยาบถของนางงดงามเปี่ยมเสน่ห์ยากจะบรรยาย สายตาของนางนิ่งลึกทว่ากลับหัวเราะออกมา “ข้ายังสาวและงดงามเช่นนี้ไฉนจึงไม่กลัวตาย เพียงแต่หากจะตายพร้อมกันย่อมต้องมีท่านและเซียวเยี่ยน บุรุษรูปงามสองคนไปเป็นเพื่อนข้าด้วย ข้าจึงจะรู้สึกสบายใจ” พูดแล้วก็ช้อนตาขึ้นมองคนชุดดำด้วยสายตาเปี่ยมเสน่ห์พลางกล่าวว่า “เพียงแต่ท่านจะให้เจ้าหนุ่มผู้นี้เอาชีวิตข้า ข้าจะให้เขาเอาเปรียบเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า”
พูดแล้วปลายนิ้วของนางก็ขยับเล็กน้อย เซียวอี้กลับรู้ทันว่านางกำลังจะลงมือทำสิ่งใด จึงส่งสัญญาณทางสายตาให้กับคนชุดดำ คนชุดดำจึงชิงเก็บกระบี่กลับมาก่อน หลินชิงเวยลูบลำคอของตนเอง บนนั้นมีรอยแดงอยู่รอยหนึ่งแต่เคราะห์ดีที่ไม่มีเลือดออก
เซียวอี้สั่งการ “ออกไปเตรียมตัว ถอนกำลังจากที่นี่ทันที”
หัวหน้าคนชุดดำด้านนอกรับคำสั่ง เซียวอี้เงยหน้าเห็นหลินชิงเวยดวงตาเป็นประกาย เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “มีเจ้าอยู่ในมือเปิ่นหวาง ไม่ต้องกลัวว่าเซียวเยี่ยนจะไม่เดินเข้ามาติดกับ ดูท่าทางเจ้าแล้วเหมือนจะเสียดายสิ่งใด เป็นเพราะกังวลว่าเมื่อเซียวเยี่ยนพาทัพหนุนเร่งเดินทางมาถึงที่นี่จะมีเพียงความว่างเปล่าแล้วใช่หรือไม่?”
หลินชิงเวยหรี่ตากล่าวว่า “ถูกต้อง ข้ากังวลอย่างยิ่ง เพียงแต่สิ่งที่แน่ใจได้ก็คือท่านคิดจะเอาข้าไปล่อเซียวเยี่ยนออกมา แสดงให้เห็นว่าชีวิตของข้ายังคงรักษาเอาไว้ได้ชั่วคราวใช่หรือไม่?”
“หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย ย่อมเป็นเช่นนั้น” เซียวอี้ยังคงหัวเราะเบาๆ “แต่ถ้าหากเจ้าเล่นลูกไม้ เปิ่นหวางไม่รับรองว่าจะไม่สังหารเจ้า บัญชีที่เจ้าวางยาพิษและฝังหนอนกู่เปิ่นหวาง เปิ่นหวางไม่มีทางละเว้นเจ้า”
คนของเซียวอี้ทำงานรวดเร็วยิ่งยวด รถม้ามารออยู่หน้าประตูในเวลาเพียงชั่วครู่ คนทั้งหมดถอนกำลังออกจากคฤหาสน์ พวกเขาล้วนแต่งกายเป็นพ่อค้าวาณิชย์ธรรมดาสามัญ ส่วนเซียวอี้เข้าไปนั่งในรถม้า หลินชิงเวยถูกยัดเข้าไปในรถม้าเช่นกัน ด้านข้างยังมีคนชุดดำอีกคนหนึ่งคอยควบคุมจับจ้องหลินชิงเวยตลอดเวลาเพื่อไม่ให้นางตุกติก
หลินชิงเวยไม่คิดจะหลบหนีเช่นกัน นางจึงปิดตาลงนอนหลับ ส่วนเซียวเยี่ยนเบิกตามองนางครู่หนึ่งก็ปิดตาลงแกล้งหลับเช่นกัน ดวงตาทั้งคู่ของคนชุดดำจ้องมองตลอดเวลาไม่กล้าประมาทเลินเล่อ
ต่อมาคนทั้งหมดออกจากเมืองผิงหลั่ง เซียวอี้ฟื้นฟูกำลังได้กว่าครึ่งในเวลาเพียงครึ่งวัน สีหน้าของเขาไม่เขียวคล้ำอีก ทว่ายังคงซีดขาวอย่างคนป่วย ดูเหมือนคุณชายร่างกายอ่อนแอผู้สูงศักดิ์
เมื่อฟ้ามืดลง ทำให้การเดินทางไม่สะดวก คนทั้งหมดจึงหาวัดร้างบนภูเขาแห่งหนึ่งนอกเมืองผิงหลั่งพักแรมคืนหนึ่ง
กองไฟถูกก่อขึ้นภายในวัดร้างเพื่อสร้างความอบอุ่น เหล่าองครักษ์ลับล้วนไปเฝ้ารักษาการอยู่นอกวัด มีเพียงหลินชิงเวยและเซียวอี้ที่นั่งอยู่ในห้องโถงของวัด รอบด้านมีกองไฟให้ความอบอุ่น หน้าประตูมีองครักษ์ลับสองคนยืนยามเพื่อป้องกันหลินชิงเวย
แต่ด้วยสภาพร่างกายของเซียวเยี่ยนในตอนนี้ หากหลินชิงเวยคิดจะหลบหนีหรือทำอันใด ความเป็นไปได้ที่ทำสำเร็จนั้นมีน้อยยิ่ง ไม่ต้องกล่าวถึงว่าด้านนอกยังมียอดฝีมืออีกมากมายเช่นนั้น
ที่จริงแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาเซียวอี้ปฏิบัติต่อหลินชิงเวยอย่างดี ไม่ว่าจะอยู่ในขณะที่ยืนคนละฝ่ายหรือทำหน้าที่ต่างกัน เขาปฏิบัติต่อหลินชิงเวยไม่ขาดตกบกพร่อง
ยามนี้หลินชิงเวยถือกิ่งไม้ไว้ในมือเขี่ยกองไฟ ราวกับไม่มีอะไรทำอย่างไรอย่างนั้น องครักษ์ลับส่งเสบียงอาหารแห้งมาให้ย่างกับกองไฟเพื่อกินเป็นอาหาร เซียวอี้เห็นนางกินอะไรไม่ได้มากนักจึงสั่งให้คนออกไปล่าสัตว์จากภูเขาบริเวณใกล้เคียง