ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 10 บทที่ 291 เซียวเยี่ยน กอดข้า
เซียวเยี่ยน “ไปเถิด”
กู้หมิงเฟิ่งจึงถอยออกไป เมื่อนางเดินผ่านร่างของเซียวเยี่ยนแววตาของนางพลันหม่นวูบ กู้หมิงเฟิ่งเดินออกนอกเรือนไป บนพื้นและกำแพงของลานเรือนล้วนถูกหิมะสีขาวปกคลุม กระทั่งกระเบื้องสีดำของชายคาเรือนก็มองไม่เห็นเงาสะท้อน
เซียวเยี่ยนสาวเท้าเข้าไปในห้อง เขาเห็นหลินชิงเวยยังนอนเอนกายอยู่บนเตียง นางลืมดวงตาดำขลับคู่นั้น เขาปลดผ้าคลุมไหล่บนกายออกสะบัดหิมะแล้วพาดไว้กับฉากกันลม หลินชิงเวยยิ้มและเอ่ยเตือนเขา “ปิดประตู ข้าหนาว”
เซียวเยี่ยนชะงักงัน ชายโสดและหญิงสาวอยู่ในห้องหับมิดชิดร่วมกันเป็นเรื่องไม่ดี แต่เขายังคงปิดประตูและเดินมาหาหลินชิงเวย
เซียวเยี่ยนยืนอยู่ข้างเตียงหลินชิงเวย ทั้งสองคนมองหน้ากันทว่าไม่รู้จะพูดอะไร
“เจ้าดีขึ้นแล้วหรือไม่?”
“ท่านขึ้นเขาไปหาสมุนไพรให้ข้าหรือ?”
ทั้งสองคนเอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน ต่อมาเซียวเยี่ยนเห็นรอยยิ้มอันงดงามบนใบหน้าอ่อนแรงของหลินชิงเวย เขากล่าวว่า “ในภูเขามียาวิเศษเช่นหลิงจือมากมาย ท่านหมอบอกว่าหากเก็บหลิงจือมาให้เจ้าบำรุงร่างกายได้ย่อมดีที่สุด”
“ท่านเล่า ท่านไม่เป็นไรหรือ?”
“ร่างกายของข้าแข็งแรงอยู่แล้ว ไม่เป็นไร”
วันนั้นตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น แม้ว่าข้างล่างจะเป็นแม่น้ำดำ แต่เพื่อปกป้องหลินชิงเวยแล้วเซียวเยี่ยนบาดเจ็บหลายแห่ง แต่มิใช่บาดแผลสาหัสสากรรจ์อันใด พักฟื้นรักษาตัวสองวันก็ดีขึ้นแล้ว ทว่าหลินชิงเวยไม่เหมือนกัน เดิมทีนางก็เป็นสตรีรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้น ที่สำคัญคือระหว่างได้รับบาดเจ็บยังต้องแช่อยู่ในน้ำอันหนาวเย็นเป็นเวลายาวนาน ทำให้อวัยวะต่างๆ ของร่างกายแทบจะหยุดทำงาน หากเวลานั้นกู้หมิงเฟิ่งและเฉินเหยียนจือพบพวกเขาช้าสักหน่อย คาดว่าหลินชิงเวยอาจมีอันตรายถึงชีวิต
บัดนี้หลินชิงเวยล้มป่วย ร่างกายได้รับความหนาวเย็น ทำให้นางอ่อนแออย่างมาก
หลินชิงเวย “ท่านยืนทื่อทำอันใดเล่า?”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกไป เซียวเยี่ยนจึงแหวกชายอาภรณ์นั่งลงข้างเตียงของนาง
นางพูดอีกว่า “ถอดรองเท้าและเสื้อคลุมตัวนอกออก”
เซียวเยี่ยน “…”
“ขึ้นมาอุ่นเตียงให้ข้า ข้านอนมานานเช่นนี้ ยังรู้สึกเหมือนนอนอยู่ในน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น”
เซียวเยี่ยนปลดเสื้อคลุมตัวนอกและรองเท้าออกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เขาขึ้นไปบนตั่ง ล้มตัวนอนลงด้านนอก เขาตลบผ้าห่มของหลินชิงเวยออก ใต้ผ้าห่มแทบจะไม่มีความอบอุ่นอยู่เลย มีเพียงอุณหภูมิจากร่างกายของหลินชิงเวยและกลิ่นหอมสบายจากร่างของหญิงสาวของนาง
เขาและหลินชิงเวยนอนอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน บนร่างของเซียวเยี่ยนยังคงมีกระไอเย็นจากข้างนอก แต่เพียงไม่นานก็ถูกความอบอุ่นจากร่างกายของเขาปกคลุม
ในผ้าห่มค่อยๆ มีความอบอุ่นขึ้นมา
หลินชิงเวยเจ็บไปทั้งร่าง ไม่สะดวกเคลื่อนไหว เซียวเยี่ยนนอนตะแคงร่างข้างหมอนของนาง ลมหายใจรินรดกัน เขากลับรู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูก หลินชิงเวยเอียงหน้ามามองเขาในระยะประชิด นางพูดเสียงต่ำ “เซียวเยี่ยน กอดข้า”
เซียวเยี่ยนยื่นมือออกมา แขนของเขาทอดผ่านช่วงเอวของนาง จากนั้นโอบนางเข้ามาทีละน้อยเข้าสู่อ้อมกอดของตนเอง
ราวกับเซียวเยี่ยนเป็นต้นกำเนิดของความอบอุ่น เมื่อหลินชิงเวยแนบร่างอยู่ในอ้อมกอดของเขา นางรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่น ให้ความรู้สึกสบายตัว ร่างของนางถูกความอบอุ่นนั้นบรรเทาความเจ็บปวด ความหนาวเย็นและความเจ็บปวดตามร่างกายค่อยๆ อันตรธานหายไป ที่เหลืออยู่ในอ้อมกอดของเขามีเพียงความปวดเมื่อย ก็เหมือนคนผู้หนึ่งเมื่อนอนนานเกินไป มือเท้าทั้งสี่จึงมีอาการชาและมึนงงอยู่บ้าง
มือเท้าของหลินชิงเวยค่อยๆ กลับมามีความรู้สึก ศีรษะของนางอิงไปกับช่วงลำคอของเซียวเยี่ยน นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ “เมื่อกระโดดลงไปในน้ำ ท่านได้ปล่อยมือข้าหรือไม่?”
เซียวเยี่ยนตอบ “ไม่ปล่อย”
หลินชิงเวยหัวเราะอย่างพึงพอใจ “หากท่านปล่อยมือ ข้าต้องตายแน่”
นางสวมเพียงอาภรณ์ชั้นในเนื้อบางชิ้นหนึ่ง มาบัดนี้รู้สึกอบอุ่นและเกียจคร้านไปทั่วกาย จึงเริ่มอยู่ไม่สุขขึ้นมา เท้าเล็กๆ ทั้งสองข้างของนางไม่ได้สวมถุงเท้า ผิวของนางเรียบเย็นประดุจเนื้อหยก ให้ความรู้สึกเรียบเย็นลื่นมือเมื่อสัมผัส นางหัวเราะเสียงต่ำพลางซุกเท้าเรียวเล็กนั้นเข้าไปในชายกางเกงของเซียวเยี่ยน แนบไปกับผิวหนังบริเวณนั้นของเขาให้รู้สึกอบอุ่นอย่างยิ่ง
เซียวเยี่ยนสงสารที่นางเพิ่งฟื้นขึ้นจากอาการบาดเจ็บจึงได้แต่ตามใจนาง
เพียงแต่ผิวพรรณของบุรุษไม่ได้ละเอียด เนียนลื่นเช่นผิวพรรณของสตรี และขนหน้าแข้งของบุรุษมีมากกว่าสตรี หลินชิงเวยนำฝ่าเท้าของตนลูบไล้ขนหน้าแข้งของเซียวเยี่ยน นอกจากรู้สึกคันยิบแล้วยังรู้สึกสบายอย่างยิ่ง จึงสนุกสนานไปกันใหญ่
เซียวเยี่ยนมีสีหน้าแปลกประหลาดอยู่บ้าง แววตาของเขาลุ่มลึก ในที่สุดน้ำเสียงแหบพร่าจึงดังขึ้น “อย่าซน”
หลินชิงเวยยิ้มตาหยี ขยับนิ้วเท้าบนขาของเขา “อย่าซนอะไรเล่า?”
เซียวเยี่ยนช้อนตาขึ้นมองพลันประสานสายตากับหลินชิงเวย หลินชิงเวยตะลึงงัน หัวใจเล็กๆ ของนางพลันบีบรัดตึกตัก นางเห็นตนเองในดวงตาของเขาชัดเจน และเห็นแววตานิ่งลึกของเขา
ถูกใกล้ชิดเช่นนี้ ถูกมองอย่างเปิดเปลือยเช่นนี้ก็เหมือนกับได้อยู่กับดาราในดวงใจ ในยามปกติ แม้หลินชิงเวยจะหน้าหนาสักหน่อย แต่ยามนี้นางก็อดที่จะแก้มร้อนผ่าวไม่ได้
แขนของนางโอบรอบลำคอของเซียวเยี่ยนแล้วจุมพิตลงบนลูกกระเดือกของเขา “ก็ได้ ข้าไม่ก่อกวนท่านแล้ว”
พูดแล้วนางคิดจะดึงเท้าของตนเองกลับมา ไหนเลยจะคิดว่าเซียวเยี่ยนกลับยื่นมือออกมากะทันหัน เขากุมเท้าเรียวเล็กของหลินชิงเวย ใจของนางสั่นสะท้าน ถึงกับรู้สึกว่าเท้าของตนถูกหยอกเย้าอยู่ในมือของเขา
พลังลมปราณสายหนึ่งวิ่งผ่านกลางฝ่าเท้าของนาง มันไหลผ่านเข้ามาในร่างกายของนาง จุดชีพจรบนฝ่าเท้ามีมากมาย เซียวเยี่ยนทะลวงจุดชีพจรให้นางเช่นนี้ นางรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวขึ้นมาก
เซียวเยี่ยนอบอุ่นร่างกายให้นาง รู้สึกราวกับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ ไม่รู้สึกหนาวเหน็บอีกต่อไป และเซียวเยี่ยนไม่อาจอยู่ข้างกายนานเกินไป หาไม่แล้วย่อมเป็นการทรมานตนเอง เมื่อเห็นหลินชิงเวยหลับไปอีกครั้งจึงลุกขึ้นสวมอาภรณ์ออกไปจากห้องของนางอย่างเงียบเชียบ
เมื่อถึงยามบ่ายภายในห้องมีเตาสร้างความอบอุ่นเพิ่มมาสองตัว หลังจากหลินชิงเวยตื่นขึ้น นางยังได้กลิ่นหอมจากเนื้อ
ที่แท้กู้หมิงเฟิ่งนำหลิงจือที่หากลับมาได้ไปตุ๋นกับไก่ตัวหนึ่งให้หลินชิงเวย หลินชิงเวยนอนอยู่บนเตียงนานเกินไป นางอยากดื่มน้ำแกงและกินเนื้อยิ่งยวด จึงดื่มน้ำแกงไก่จนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว สรรพคุณของหลิงจือนั้นดีจริงๆ วันรุ่งขึ้นเห็นหลินชิงเวยมีสีหน้าดีขึ้นมาก
ยังมีเวลาอีกสองวันก็ถึงวันปีใหม่ ดูท่าแล้วนางและเซียวเยี่ยนคงต้องฉลองปีใหม่ที่เมืองผิงหลั่ง
ต่อมาหลินชิงเวยจึงได้รู้ว่า ที่แท้คฤหาสน์หลังนี้เป็นคฤหาสน์ของแม่ทัพเฉินเหยียนจือ เขายังครองตัวเป็นโสดมาจนถึงบัดนี้ ในเรือนไม่มีประมุขหญิง ก่อนหน้านี้กู้หมิงเฟิ่งเป็นสหายสนิทอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงเข้านอกออกใน เสมือนเป็นเรือนของตนเอง
สองวันมานี้กู้หมิงเฟิ่งยุ่งอยู่กับการเตรียมสิ่งของในการฉลองปีใหม่ แม้เวลาจะกระชั้นชิดไปสักหน่อย แต่สิ่งที่ควรเตรียมล้วนเตรียมพร้อมแล้ว
ร่างกายของหลินชิงเวยดีขึ้นกว่าครึ่ง สามารถออกมาเดินเล่นได้แล้ว เซียวเยี่ยนสวมเสื้อกันหนาวตัวหนา เพื่อกันลมให้นางและอนุญาตให้นางออกมาเดินเล่นในคฤหาสน์