ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 10 บทที่ 293 เจ้าอาศัยอะไรเล่า
และในชั่วเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้น เซียวเยี่ยนได้ยินเสียงร้องของหลินชิงเวย แววตาของเขาพลันไหววูบ เขาดึงพลังลมปราณบนฝ่ามือกลับมากะทันหัน ส่งผลให้แขนของเขาสั่นสะท้านและชาไปทั้งแถบ ส่วนฝ่ามือที่ซัดลงบนไหล่ของกู้หมิงเฟิ่งนั้นลดกำลังไปมากกว่าครึ่ง ทว่ายังคงส่งผลให้นางได้รับบาดเจ็บ กระทั่งหันหน้าไปกระอักโลหิตสดๆ คำหนึ่ง
เวลานี้เฉินเหยียนจือวิ่งเข้ามาในลานเรือน เมื่อเห็นเหตุการณ์จึงร้องเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ “หมิงเฟิ่ง!”
กู้หมิงเฟิ่งไหนเลยจะยอมรามือเพียงเท่านี้ นางเงยหน้าขึ้นถลึงตามองเซียวเยี่ยนด้วยความอาฆาตแค้น นางถ่มเลือดปนน้ำลายออกมาคำหนึ่ง “พูดว่าจะพลิกคดีคืนความยุติธรรม พูดว่าจะเคลื่อนย้ายสุสาน ชีวิตร้อยกว่าคนของสกุลกู้มิใช่เจ้าเป็นโจรกบฏผู้ออกคำสั่งประหารหรือ ข้าอาจจะคืนความบริสุทธิ์ให้กับพวกเขาได้ แต่ชีวิตของพวกเขาเล่าจะคืนมาได้อย่างไร?! ข้ามิอาจข่มตานอนหลับลงในแต่ละค่ำคืนได้ เพราะไม่อาจกลืนโทสะและไฟแค้นนี้ได้ เจ้าเป็นฆาตกรสังหารผู้อื่น!”
สีหน้าของเซียวเยี่ยนไร้ความรู้สึกราวกับเป็นภูเขาลูกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น เขาไม่เคลื่อนไหวแล้ว แต่กู้หมิงเฟิ่งจะด่าทออย่างไรก็มิอาจส่งผลให้เขาอ่อนไหวได้
ต่อมากู้หมิงเฟิ่งหยิบมีดสั้นขึ้นมาแทงใส่เซียวเยี่ยนอีกครั้ง
หลินชิงเวยคิดว่านางไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเซียวเยี่ยน นางควรเป็นห่วงกู้หมิงเฟิ่งมากกว่า กู้หมิงเฟิ่งทำเช่นนี้ไม่ส่งผลดีต่อตัวนางเองแม้แต่น้อย
เฉินเหยียนจือผู้ยืนอยู่ที่ประตูคิดจะเข้าขัดขวางในเวลานี้ ทว่าสายเกินไปเสียแล้ว
แต่พวกเขาต่างพันหมื่นคาดไม่ถึง เห็นอยู่กับตาว่ากู้หมิงเฟิ่งเกือบจะไสมีดสั้นเข้าสู่ร่างของเซียวเยี่ยนอยู่แล้ว ทันใดนั้นเท้าของนางพลันเปลี่ยนทิศ ผู้ที่นางต้องการสังหารกลับมิใช่เซียวเยี่ยน แต่เป็นหลินชิงเวย
ขณะนั้นหลินชิงเวยยืนอยู่หน้าประตู หันหน้าเข้าหาคมมีดสั้นที่ทอประกายวับ อาจมีสาเหตุเนื่องมาจากร่างกายของนางอ่อนแอมานานเกินไป จึงขาดปฏิกิริยาตอบโต้ที่ว่องไวพอ ชั่วขณะนั้น นางไม่รู้ว่าควรจะหลบไปทางไหนดี
นางได้แต่เบิกตากว้างมองมีดสั้นเล่มนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นมีเงาร่างสีดำสายหนึ่งพาดผ่านเข้ามาทางด้านหลัง เป็นเซียวเยี่ยนเคลื่อนไหวมาอยู่ข้างกายนางอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือเข้ารับโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมา
ได้ยินเสียง “ฉึก” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง
มีดสั้นเล่มนั้นแทงทะลุหลังมือของเซียวเยี่ยน บนคมมีดเล่มนั้นยังปรากฏให้เห็นโลหิตสดๆ ของเขา ช่างทิ่มแทงสายตาเหลือเกิน
ราวกับคมมีดนั้นแทงเข้าไปในหัวใจของหลินชิงเวย บีบรัดหัวใจของนางจนรู้สึกเจ็บปวด
เซียวเยี่ยนยังคงมีสีหน้าไร้ความรู้สึกดังเดิม ราวกับที่ถูกแทงไม่ใช่มือของเขา เขากลับกลางนิ้วมือทั้งห้าออก ซัดฝ่ามือลงไปบนด้ามมีด ทำให้ปากแผลที่เกิดจากคมมีดนั้นถูกกรีดให้กว้างยิ่งกว่าเดิม ทว่าส่งผลให้เขาจับข้อมือของกู้หมิงเฟิ่งที่กำลังกุมมีดสั้นเล่มนั้นอยู่ได้สำเร็จ
แววตาของกู้หมิงเฟิ่งปรากฏให้เห็นความพึงพอใจ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านใส่ใจนาง หากข้าสังหารนาง ท่านย่อมรู้สึกเจ็บปวดกระมัง ก็เหมือนกับที่ท่านสังหารคนในครอบครัวข้าอย่างเลือดเย็น! เป็นอย่างไรเล่า รสชาตินี้ดีหรือไม่?” พูดแล้วก็แค่นเสียงร้องฮึ
ด้วยเซียวเยี่ยนบิดข้อมือของนาง ทำให้เส้นเอ็นของนางหลุดออกจากกัน นางไม่อาจไม่ส่งเสียงร้องอึกอักด้วยความเจ็บปวดพร้อมปล่อยมีดสั้นในมือ หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
กู้หมิงเฟิ่งมองหลินชิงเวย ความละอายใจพาดผ่านดวงตาคู่นั้นของนางพร้อมกับกล่าวด้วยความเจ็บปวด “หากสังหารเจ้าได้จริงๆ ก็ดี ทำให้คนผู้นี้เป็นทุกข์ทรมานไปชั่วชีวิต!”
หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้หลินชิงเวยอาจมีความเห็นอกเห็นใจต่อกู้หมิงเฟิ่งอยู่บ้าง แต่เวลานี้เมื่อนางได้สติ เห็นมือของเซียวเยี่ยนมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด นางจึงเหลือเพียงความโกรธเกรี้ยว
ดวงตาวับวาบประดุจแก้วเนื้อดีคู่นั้นปรากฏให้เห็นความเย็นชา ดวงตาคู่นั้นจ้องมองกู้หมิงเฟิ่งตรงๆ นางเรียก “ชิงหลัน” ชิงหลันเลื้อยออกมาจากอกของนาง เลื้อยไปตามร่างกายของกู้หมิงเฟิ่งและเลื้อยขึ้นไปบนไหล่ของนาง ร่างของงูรัดคอของกู้หมิงเฟิ่งแน่น มันส่งสัญญาณฟ่อๆ ประหนึ่งกำลังรอคำสั่งจากหลินชิงเวย เตรียมพร้อมจะกัดคนตลอดเวลา
กู้หมิงเฟิ่งหน้าซีดขาวไปในชั่วพริบตา
เฉินเหยียนจือคุกเข่าลงทันที “กู้หมิงเฟิ่งไม่รู้ความ ไม่รู้จักผ่อนหนักเบา ขอเซ่อเจิ้งอ๋องและแม่นางโปรดยั้งมือไว้ไมตรีด้วย!”
มือเรียวขาวของหลินชิงเวยดึงมือของกู้หมิงเฟิ่งออก นางยกมือของเซียวเยี่ยนขึ้น ดึงด้ามมีดสั้นออกมาอย่างรวดเร็ว ใช้ผ้าพันแผลพันลงบนมือของเซียวเยี่ยนเพื่อห้ามเลือด ทางหนึ่งหรี่ตามองกู้หมิงเฟิ่งด้วยสายตาเย็นเยียบ “คำพูดของแม่ทัพเฉิน ไม่อาจทำให้นางรอดตัวไปจากการกระทำของนางในวันนี้ได้” นางช้อนตาขึ้นมองกู้หมิงเฟิ่ง “คิดจะสังหารข้าหรือ? เช่นนั้นชาตินี้ทั้งชาติก็อย่าหวังว่าจะได้พลิกคดีหรือเคลื่อนย้ายวิญญาณผีเร่ร่อนของสกุลกู้กลับเลย!”
เท้าของนางเปลือยเปล่า เมื่อสักครู่ออกมาด้วยความเร่งรีบจึงไม่ทันได้สวมรองเท้า ยามนี้สาวเท้ามาถึงด้านนอกประตู นางคาดคั้นกู้หมิงเฟิ่ง คิ้วตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความร้ายกาจ น้ำเสียงที่เอ่ยวาจาเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา “กู้หมิงเฟิ่ง เจ้าอาศัยอะไรเล่า?”
กู้หมิงเฟิ่งได้แต่มองหลินชิงเวยอย่างเคียดแค้น ไม่พูดจา
หลินชิงเวย “เซียวเยี่ยนรับปากแล้วว่าจะพลิกคดีให้กับสกุลกู้ และรับปากว่าหลังจากกลับเมืองหลวงจะย้ายร่างสกุลกู้ทั้งหมดกลับไปยังสุสาน เจ้ายังมีอะไรไม่พอใจอีก? หืม?”
นางพูดอีกว่า “ถูกต้อง ผู้ที่ออกคำสั่งประหารคือเซียวเยี่ยน แล้วอย่างไรเล่า เจ้ากล้าพูดหรือว่าบิดาของเจ้า กู้เทียนหลินไร้ความผิด? เจ้ากล้าพูดหรือว่ารายชื่อทหารในมือของฝ่าบาทไม่ได้ปลอมแปลงขึ้นเพราะเจ้า? บังอาจปลอมแปลงรายชื่อทหาร นั่นคือโทษประหารเก้าชั่วโคตร!” กู้หมิงเฟิ่งอ้าปาก รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรง หลินชิงเวยกระชากคอเสื้อของนาง พูดทีละคำช้าๆ ชัดๆ “ไพร่พลทหารชายแดนหายสาบสูญไม่เกี่ยวข้องกับกู้เทียนหลินจริง ทว่าเพื่อปกป้องเจ้า กู้เทียนหลินใช้อำนาจหน้าที่ทางทหารส่งเจ้าซึ่งเป็นสตรีคนหนึ่งเข้าไปอยู่ในกองทัพชายแดน อีกทั้งให้เจ้ารั้งตำแหน่งดูแลรายชื่อทหารที่มีความสำคัญเช่นนี้ เจ้าพูดสิว่าเจ้ามีความผิดหรือไม่! เจ้าเคียดแค้นชิงชังผู้ที่ทำให้สกุลกู้ทั้งหมดต้องตายใช่หรือไม่ ข้าจะบอกเจ้าว่าผู้ที่ทำร้ายสกุลกู้ทั้งหมดไม่ใช่เซียวเยี่ยน ไม่ใช่ผู้ใด แต่เป็นตัวเจ้าเอง บัดนี้เจ้ายังต้องการอย่างไรอีก ยังต้องการให้เฉินเหยียนจือ ยังมีทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าที่นี่ล้วนต้องได้รับความเดือดร้อนกันหมดใช่หรือไม่?” พูดแล้วหลินชิงเวยก็ปล่อยตัวนาง ชิงหลันถอนทัพเลื้อยเข้าไปในแขนเสื้อของหลินชิงเวยเช่นกัน กู้หมิงเฟิ่งเสียกิริยาเดินโซเซก้าวถอยหลังไปสองก้าวแล้วล้มลงไปบนพื้น หลินชิงเวยตวัดสายตามองนาง พูดด้วยน้ำเสียงคมปลาบและเลือดเย็น “ต้องการล้างแค้น เช่นนั้นดียิ่ง มีปัญญาก็สังหารตัวเองสิ”
หลินชิงเวยหยิบมีดสั้นเปื้อนเลือดเล่มนั้นโยนไปข้างมือนาง กู้หมิงเฟิ่งมองมีดสั้นเล่มนั้น ค่อยๆ ใช้มือที่ยังอยู่ในสภาพดีอีกข้างหนึ่งหยิบขึ้นมา กระบอกตาของนางแดงก่ำ น้ำตาเป็นหยดๆ ไหลลงจากดวงตาของนางพร้อมกับพึมพำว่า “เป็นข้าที่ทำให้สกุลกู้ตาย”
ความผิดบาปนี้หนักหนาเกินไปจริงๆ นางรับไม่ไหว นางรักบิดามารดาของนางถึงเพียงนั้น นางไม่ต้องการกลายเป็นคนบาปของสกุลกู้
กู้หมิงเฟิ่งหยิบมีดสั้นขึ้นมาคิดจะจ้วงแทงเข้าไปในร่างกายของตน แต่ครั้งนี้เฉินเหยียนจือเตรียมป้องกันไว้แต่แรกแล้ว ไหนเลยจะให้นางทำสำเร็จได้ เขาเข้าไปแย่งมีดสั้นมาจากมือของนางก้าวหนึ่ง พร้อมกับตวาดลั่น “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ?! สกุลกู้เหลือเจ้าเพียงคนเดียวแล้ว หรือเจ้าไม่สมควรมีชีวิตอยู่ให้ดีหรือ เจ้าต้องการทำให้ความทุ่มเทอย่างยากลำบากของบิดาที่มีต่อเจ้ากลายเป็นเพียงความสูญเปล่าหรือ?!”
เฉินเหยียนจือคุกเข่าลงบนพื้นต่อหน้าเซียวเยี่ยนและหลินชิงเวย “ท่านอ๋อง แม่นาง ความผิดของหมิงเฟิ่ง ข้าน้อยยินดีรับโทษทัณฑ์แทนนาง ขอท่านอ๋องและแม่นางโปรดละเว้นนางเถิด! วันหน้าต่อให้ข้าน้อยต้องตายอย่างน่าอนาถก็ไม่ลังเลใจ!”
เคราะห์ดีที่เฉินเหยียนจือผู้นี้เป็นคนมีสติและเลอะเลือนคนหนึ่ง
หลินชิงเวยมองกู้หมิงเฟิ่งแล้วพูดเสียงเย็น “หากยังมีครั้งหน้า ข้าสังหารเจ้าแน่ ไสหัวไปซะ!”