ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 10 บทที่ 294 บุรุษของนาง
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง! ขอบคุณแม่นาง!” เฉินเหยียนจือกล่าวขอบคุณแทน ต่อมาเขาอุ้มกู้หมิงเฟิ่งออกไปจากเรือนอย่างว่องไวโดยไม่ใส่ใจต่อสิ่งใด
เซียวเยี่ยนก้มหน้าลง เห็นเท้าทั้งคู่ของหลินชิงเวยถูกความเย็นเล่นงานเสียจนแดงก่ำ จึงขมวดคิ้ว เขาโอบเอวหลินชิงเวยแล้วอุ้มนางขึ้นมาโดยไม่พูดไม่จาเช่นกัน จากนั้นก้าวเข้าประตู อุ้มนางไปวางลงบนเตียง
หลินชิงเวยเป็นห่วงบาดแผลของเซียวเยี่ยน เซียวเยี่ยนราวกับรู้ว่านางต้องการจะทำอะไรจึงไปหยิบล่วมยาในห้องมาวางบนเตียงให้นาง ตนเองยื่นมือออกไปรอหลินชิงเวยใส่ยาให้
หลินชิงเวยทางหนึ่งล้างแผลแล้วใส่ยาให้เขา ทางหนึ่งกล่าวว่า “ไฉนท่านจึงโง่เขลาเช่นนี้ ท่านคิดว่ามือของท่านทำจากมาเหล็กหรือไร ดาบหอกจึงฟันแทงไม่เข้า? หากท่านไม่เข้ามาขวางแล้วอย่างไรเล่า นางจะสังหารข้าจริงๆ หรือ? นางเพียงแต่ต้องการกระตุ้นท่านเท่านั้น”
เซียวเยี่ยนไม่พูดจา เขาเพียงแต่หลุบตาลงครึ่งหนึ่ง มองนางเงียบๆ ทางหนึ่งฟังนางบ่นพึมพำ อีกทางหนึ่งมองกิริยาท่าทางอันอ่อนโยนของนาง ในแววตาพลันหม่นแสงลง
หลินชิงเวยร้องชิและเอ่ยอีกว่า “ยามนี้คิดดูแล้วจึงรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ดีกับกู้หมิงเฟิ่งเกินไป ที่จริงแล้วท่านไม่ได้ทำผิดอันใด ท่านไม่ได้ติดค้างอันใดต่อนางเช่นกัน ท่านเพียงแต่สะสางเรื่องราวตามกฎหมายของแคว้นต้าเซี่ย มีสิ่งใดผิดเล่า? เหตุใดข้ายังต้องไปเห็นอกเห็นใจนาง? เห็นอกเห็นใจคนผู้หนึ่งที่คิดจะสังหารท่าน ไม่ว่าผู้ใดที่คิดจะสังหารท่าน ล้วนไม่มีค่าคู่ควรที่จะไปเห็นอกเห็นใจทั้งสิ้น”
นางช้อนตาขึ้นมองเซียวเยี่ยนจึงพลันประสานสายตากับเขา สายตาของเขามีเสน่ห์ล่อลวงชนิดหนึ่ง ทำให้หลินชิงเวยถึงกับสิ้นท่า หลินชิงเวยยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของเขาและพูดเสียงเบาว่า “เป็นอย่างไรเล่า หรือโง่งมไปแล้ว?”
เซียวเยี่ยนมองนาง “หากข้าเป็นคนชั่วร้ายจริงๆ เล่า?”
หลินชิงเวยครุ่นคิดแล้วพูดกลั้วหัวเราะ “เช่นนั้นข้าก็จะเป็นสตรีชั่วร้ายคนหนึ่ง”
นางปล่อยให้เซียวเยี่ยนจับเท้าทั้งคู่ของนางยัดเข้าไปในผ้าห่ม เหน็บมุมผ้าห่มให้นางอย่างดี ได้ยินเขาพูดว่า “เจ้าพักผ่อนก่อน ข้าไปต้มยาให้เจ้าใหม่”
ในใจหลินชิงเวยเต็มไปด้วยความหวานล้ำอย่างที่สุด บุรุษเย็นชารูปร่างสูงใหญ่ผู้นี้ถึงกับรู้จักจริงจังเพียงนี้เพราะยาถ้วยหนึ่ง เขาดูเหมือนมิใช่เซ่อเจิ้งอ๋องผู้มีสติและเหตุผลในอดีตผู้นั้นอีกแล้ว เขาเปลี่ยนไปจนนางแทบจะไม่รู้จัก แต่นางชมชอบเซียวเยี่ยนในลักษณะเช่นนี้มากกว่า เวลานี้เซียวเยี่ยนไม่ใช่เซ่อเจิ้งอ๋อง แต่กลับยิ่งมีลักษณะคล้ายบุรุษของตนจริงๆ
หลินชิงเวยมองเงาร่างด้านหลังของเขาแล้วกล่าวว่า “ที่จริงดื่มยาน้อยลงไปถ้วยหนึ่งก็ไม่กระไรนัก ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”
เซียวเยี่ยน “ขาดถ้วยหนึ่งก็ไม่ได้”
หลินชิงเวยยิ้มอย่างเป็นสุข สุดแล้วแต่เขา
เพียงพริบตาเวลาผ่านไปสองวัน สุขภาพของหลินชิงเวยกระเตื้องขึ้นมาก แม้ร่างกายนี้จะไม่แข็งแรงเทียบเท่าเมื่อก่อน แต่ไม่เป็นปัญหา หากนางจะเดินออกไปข้างนอก
คืนวันส่งท้ายปีเก่าหิมะด้านนอกเรือนยังคงไม่ละลาย
หลินชิงเวยสวมเสื้อคลุมกันลมเดินออกมาในลานเรือน อย่างไรก็ไม่มีอะไรทำจึงเอามือกอบหิมะสีขาวโพลนใต้ต้นไม้แล้วนำมาปั้นเป็นตุ๊กตาหิมะและนำใบไม้มาทำเป็นจมูกและดวงตาให้ตุ๊กตาหิมะ
“เจ้ากำลังทำอันใด?”
เสียงทุ้มต่ำดังกังวานอยู่เบื้องหลัง หลินชิงเวยถูมือไปมาแล้วหันไปมอง เป็นเซียวเยี่ยนยืนอยู่ข้างหลังตนจริงๆ สีหน้าท่าทางของเขาติดจะเคร่งขรึมเล็กน้อย ต้องเป็นเพราะหลินชิงเวยวิ่งออกมาในลานเรือนโดยไม่บอกผู้ใดเป็นแน่
หลินชิงเวยยิ้มให้เขาจนดวงตาทั้งคู่โค้งลง “เซียวเยี่ยน ท่านปั้นตุ๊กตาหิมะเป็นเพื่อนข้าเถิด”
เซียวเยี่ยนชะงักงัน ไหนเลยจะคิดว่าคิ้วที่ขมวดมุ่นเล็กน้อยนั้นราวกับเมฆหมอกที่ถูกสายลมพัดหายไป เขาปฏิเสธทันทีว่า “ไม่ได้”
หลินชิงเวยยิ้มตาหยีถามขึ้นว่า “เหตุใดจึงไม่ได้?”
“สุขภาพของเจ้าดีขึ้นแล้วหรือ?” เซียวเยี่ยนย้อนถาม
หลินชิงเวยพยักหน้า “ดีขึ้นแล้ว หากไม่ออกมารับลม ซ้ำยังต้องอุดอู้อยู่ในห้องทั้งวัน ข้าต้องอึดอัดใจตายแน่ “
นาทีถัดมาเซียวเยี่ยนยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจากข้างหลัง โยนตำราเล่มหนึ่งมาให้นาง นางพลิกเปิดดูแล้วเลิกคิ้ว “นี่คืออะไร?”
“คัมภีร์กระบี่” เซียวเยี่ยนกล่าว “เพลงกระบี่ชุดนี้ค่อนข้างอ่อนโยน เหมาะที่จะให้สตรีฝึกยุทธ์ ต่อให้ไม่มีพื้นฐานก็ฝึกได้”
หลินชิงเวยพิจารณาดูภาพวาดประกอบบนตำราและคำอธิบายอย่างละเอียดที่อยู่ด้านข้าง นางพูดคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “นี่ท่านจะสอนวรยุทธ์ให้ข้าหรือ?”
เซียวเยี่ยน “ฝึกยุทธ์ต้องเริ่มฝึกตั้งแต่ยังเล็ก บัดนี้หากเจ้าต้องการฝึกพลังลมปราณเกรงว่าคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่การฝึกเพลงกระบี่สักชุดยังคงเอาไว้ป้องกันตัวได้”
หลินชิงเวยคิดว่าเซียวเยี่ยนพิจารณารอบคอบถี่ถ้วนยิ่งนัก นี่ไม่เพียงแต่ป้องกันตัวได้ แต่ยังทำให้สุขภาพแข็งแรงอีกด้วย สุขภาพของนางไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน จำเป็นต้องออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้ดี อีกทั้งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่นางยังไม่เคยสัมผัสเรียนรู้มาก่อน จึงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและแปลกใหม่
หลินชิงเวยยืนขึ้นสะบัดหิมะบนชายกระโปรง รอยยิ้มของนางงดงามดึงดูดสายตายิ่งนัก “ในเมื่อท่านจะสอนข้า ข้าย่อมตั้งใจเรียนเป็นอย่างดี”
ดังนั้นเซียวเยี่ยนจึงยื่นมืออีกข้างที่อยู่ด้านหลังออกมา ส่งกระบี่เล่มหนึ่งที่เขาเตรียมไว้ให้นางแต่แรกแล้ว
หลินชิงเวยอ่านคัมภีร์กระบี่เล่มนั้นก่อนรอบหนึ่ง นางมีนิสัยรักการอ่านเป็นทุนเดิม ความจำดีเป็นเลิศจึงจดจำทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ต่อมาจึงร่ายรำกระบวนท่าต่างๆ ตามคัมภีร์เล่มนั้น
การร่ายรำเพลงกระบี่สองรอบแรกเซียวเยี่ยนมิได้รบกวนนาง เพียงแต่ยืนดูเงียบๆ อยู่ด้านข้าง กระทั่งหลินชิงเวยร่ายรำเพลงกระบี่ได้คุ้นเคยสักหน่อยแล้ว จึงก้าวขึ้นข้างหน้าเพื่อแก้ไขท่วงท่าและถือกระบี่ของนาง หลินชิงเวยเป็นลูกศิษย์ที่สอนไม่ยากนัก กล่าวคือเพียงแค่ชี้แนะก็กระจ่างแจ้ง เข้าถึงแก่นแท้ สิ่งที่เซียวเยี่ยนชี้แนะแก่นางไปแล้วไม่จำเป็นต้องให้เขาพูดซ้ำสอง
กระบวนท่าของเพลงกระบี่ชุดนี้ค่อนไปทางอ่อนโยนจริงๆ กระบี่ในมือของหลินชิงเวยกวัดแกว่งอยู่กลางอากาศ ชายกระโปรงสะบัดพลิ้วไปตามท่วงท่าของนาง เส้นผมดำขลับปลิวอยู่กลางอากาศ เป็นรัศมีวงกลมและไหลลื่น ดูเหมือนนางไม่ได้ฝึกกระบี่ ทว่าเหมือนรำกระบี่มากกว่า
ท่วงท่าของนางมิได้ไม่มีพลัง กระบี่ชุดนี้อ่อนนอกแข็งใน แม้จะดูไปแล้วเหมือนไม่รุนแรง ทว่าที่จริงแล้วซ่อนพลังเอาไว้
หลินชิงเวยรับรู้ได้ถึงคมกระบี่ที่แหวกอากาศ ทิ้งไว้เพียงเสียงที่ดังขึ้นเบาๆ ร่างของนางเคลื่อนไหวและหมุนบนพื้นหิมะ คมกระบี่ตวัดผ่านพื้น ส่งผลให้หิมะกระจายขึ้นมา นางงดงามประหนึ่งเทพเซียนท่ามกลางหิมะ
ฝึกกระบี่ไปหลายรอบ ร่างของหลินชิงเวยเริ่มออกเหงื่อเล็กน้อย แต่นางรู้สึกว่าเมื่อได้ฝึกกระบี่ส่งผลให้ร่างกายดูเหมือนถูกทะลวงด้วยลมปราณ ไม่รู้สึกหนาวเหน็บอีกต่อไป อีกทั้งยังรับรู้ได้ถึงกระแสความอบอุ่นที่วิ่งวนอยู่ในร่างกายของนาง
หลินชิงเวยบังเกิดความคิด ฝีเท้าของนางจึงหยุดชะงักตามไปด้วย เมื่อนางหันกลับมาโจมตีเซียวเยี่ยน