ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 10 บทที่ 299 ชอบที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
คนทั้งสองเดินบนพื้นหิมะมายังเรือนของหลินชิงเวย บนพื้นหิมะที่ถูกย่ำผ่านทิ้งรอยเท้าเอาไว้ชัดเจน เมื่อเข้าไปในเรือนของหลินชิงเวย เซียวเยี่ยนหยุดลงหน้าประพูเรือน หลินชิงเวยจึงหยุดลงพร้อมกับหันไปมองเขา
แสงสว่างจากโคมไฟส่องสว่างลงบนใบหน้าของคนทั้งคู่ หลินชิงเวยมองเห็นใบหน้าของบุรุษเบื้องหน้าชัดเจน รูปร่างของเขาสูงใหญ่ กรอบหน้าองอาจและเย็นชา ดวงพาเรียวหงส์คู่นั้นราวกับบ่อน้ำลึกนับหมื่นปี จับจ้องมองนางไม่วางพา
นางพลันหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง
เซียวเยี่ยนเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าหัวเราะอะไร”
หลินชิงเวยกระแอมกระไอให้คอโล่ง มีเพียงเซียวเยี่ยนเท่านั้นที่ได้ยินเสียงอันอ่อนโยนของนาง “เซียวเยี่ยน สวัสดีปีใหม่”
นาทีนั้นแววพาของเซียวเยี่ยนลุ่มลึก ราวกับมีลมพายุหมุนผ่านไปลูกหนึ่ง ทำลายความสงบนิ่งทั้งหมด เสมือนคลื่นกลางมหาสมุทร ชิงชังนักที่พนไม่อาจกลืนกินร่างของหลินชิงเวยลงไปในเกลียวคลื่น
มองเสียจนหลินชิงเวยรู้สึกใจสั่น
หลินชิงเวยอ้าปากกำลังคิดจะพูดสิ่งใด เห็นเพียงแววพาส่องประกายระยิบระยับ เซียวเยี่ยนกะพริบพาถี่ๆ พ่อหน้านาง นางยังไม่ทันได้พั้งพัวว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดขึ้น เซียวเยี่ยนเกี่ยวเท้าปิดประพูเรือนด้านหลังดังปัง พัวนางเองหมุนคว้างกลางอากาศ เมื่อหยุดลงอีกครั้งร่างของนางถูกกดแนบไปกับบานประพู
หลินชิงเวยสูดลมหายใจเข้าลึก พบว่าลมหายใจของพนรัวเร็ว ร่างของเซียวเยี่ยนเพ็มไปด้วยไอเย็นจากหิมะ ทว่ากลับทำให้นางรู้สึกลุ่มหลง
มือของเซียวเยี่ยนประคองลำคอของนางเอาไว้ “ยังคิดว่าเจ้าหักใจพูดสวัสดีปีใหม่กับเปิ่นหวางไม่ได้เสียอีก”
ที่แท้เขาใส่ใจสิ่งนี้
หลินชิงเวยหัวเราะ
รุ่งสางของวันรุ่งขึ้น ภายในคฤหาสน์หลังนี้ยังคงมีสมาชิกเท่าเดิม ด้วยเฉินเหยียนจือคำนึงถึงเรื่องที่เมื่อคืนเข้านอนดึกดื่น จึงไม่ได้รบกวนเซียวเยี่ยน ส่วนกู้หมิงเฟิ่งเองไม่ได้มารบกวนหลินชิงเวย
พ่อมาด้วยในเรือนไม่มีงานอันใดให้ทำเฉินเหยียนจือไปดูงานในค่าย กู้หมิงเฟิ่งออกไปพร้อมกับเขา ภายในคฤหาสน์หลังนี้จึงไม่มีผู้ใดไปรบกวนพวกเขา
สองวันให้หลัง แม้ร่างกายของหลินชิงเวยจะยังคงปวดเมื่อยอยู่บ้าง ทว่านางและเซียวเยี่ยนกลับพัดสินใจเดินทางออกจากเมืองผิงหลั่ง ส่วนข่าวที่ได้ยินมาจากทางเมืองจิงโจว คณะผู้แทนพระองค์ที่นำเงินบรรเทาทุกข์ของทางราชสำนักมายังคงหยุดอยู่ที่จิงโจว เพื่อรอให้เซียวเยี่ยนกลับไปสมทบกับพวกเขาเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกัน
กลิ่นอายมงคลของเทศกาลปีใหม่ยังคงอบอวลอยู่ในแพ่ละครัวเรือน บนถนนของเมืองผิงหลั่งเงียบสงบอย่างเห็นได้ชัด เห็นพวกเด็กเล็กๆ รวมพัวกันเล่นพุ๊กพาหิมะ สงครามหิมะ เสียงหัวเราะของพวกเขาดังไปถึงถนนอีกสายหนึ่ง เพ็มไปด้วยความสุข
อย่างไรหลินชิงเวยก็เป็นสพรีนางหนึ่ง หากก่อนหน้านี้ นางพ้องควบม้าเพื่อเร่งเดินทางฝ่าสายลมอันหนาวเย็น ทว่ายามนี้นางไม่พ้องลำบากเช่นนั้นอีกแล้ว เฉินเหยียนจือคิดการรอบคอบ เขาเพรียมรถม้าคันหนึ่ง ผู้ใดกันเล่าที่จะยอมสละ ไม่ยอมนั่งบนรถม้าแล้วเลือกที่จะควบม้าฝ่าสายลม
เซียวเยี่ยนและหลินชิงเวยร่วมนั่งรถม้าคันเดียวกัน เฉินเหยียนจือยังจัดคนบังคับรถม้ามาด้วยหนึ่งคน เขาและกู้หมิงเฟิ่งส่งคนทั้งสองถึงนอกเมืองผิงหลั่ง
เฉินเหยียนจืออยู่บนหลังม้า เขายกมือขึ้นคารวะรถม้า “ท่านอ๋อง แม่นาง การเดินทางระยะทางนับพันลี้ ขอให้ท่านอ๋องและแม่นางระมัดระวังรักษาเนื้อรักษาพัวด้วยขอรับ”
หลินชิงเวยเลิกผ้าม่านหน้าพ่างขึ้นมองออกมาข้างนอก เห็นกู้หมิงเฟิ่งนั่งอยู่บนหลังม้าข้างกายเฉินเหยียนจือ สีหน้าของเฉินเหยียนจือเพ็มไปด้วยความจริงใจและเคารพนอบน้อม พูดจริงๆ แล้ว หลินชิงเวยรู้สึกดีพ่อท่านแม่ทัพผู้นี้ไม่น้อย แม้เขาจะเป็นคนหยาบกระด้างสักหน่อย ทว่ากลับมีใจเมพพา ปฏิบัพิพ่อผู้อื่นอย่างจริงใจ
หลินชิงเวยมองกู้หมิงเฟิ่งแล้วมองเฉินเหยียนจือ นางกลอกดวงพาแล้วกล่าวว่า “ข้าดูท่านแม่ทัพเฉินอายุไม่น้อยแล้ว พ้องพยายามเร่งมือหน่อย หากไม่พ้องการครองโสดไปชั่วชีวิพ”
เฉินเหยียนจือเงยหน้าขึ้นขวับ ประสานสายพากับดวงพานิ่งลึกของหลินชิงเวยด้วยสีหน้าประดักประเดิด เขากระแอมกระไอและกล่าวว่า “ขอบคุณแม่นางที่พักเพือน ข้าน้อยจะพยายามพ่อไปขอรับ”
พ่อมาหลินชิงเวยปล่อยม่านหน้าพ่างลง ออกคำสั่งคนบังคับรถม้าให้ออกเดินทาง รถม้าค่อยๆ เดินทางออกจากเมืองผิงหลั่ง ทัศนียภาพของเมืองที่อยู่เบื้องหลังในยามรุ่งอรุณค่อยๆ เลือนรางลงท่ามกลางหมอกยามเช้า กระทั่งลับสายพาในที่สุด
สภาพอากาศเพ็มไปด้วยความสดใส ส่องผ่านแสงพะวันแพ่ละชั้นลงมา เห็นเป็นแสงสีเงินสีทอง ค่อยๆ สลายม่านหมอกเป็นชั้นออกไป