ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 11 บทที่ 306 เป็นนาง
หลินชิงเวยเลิกคิ้ว “แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่ทรงทราบหรือไร? ข้ายังคิดว่าฝ่าบาททรงมอบภารกิจอื่นให้เขาไปทำเสียอีก ดังนั้นเขาจึงจากไปโดยไม่ลาสักคำ” หลินชิงเวยยักไหล่ “ข้าไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปที่ใด”
เซียวจิ่นถาม “เสด็จอาหายตัวไปที่เมืองจิงโจวใช่หรือไม่?”
“อืม”
เซียวจิ่นสะดุดใจ เขาสามารถคาดเดาได้ถึงแปดเก้าส่วน “เขาอาจจะ…” พูดได้ครึ่งหนึ่งกลับไม่พูดให้จบประโยค
หลินชิงเวยรอฟังอยู่ครู่หนึ่งจึงถามขึ้นว่า “เขาอาจจะอะไร?”
เซียวจิ่นส่ายหน้าแล้วยิ้มบางๆ “ไม่มีอะไร เจิ้นคิดว่าเขาเพียงแต่ไปผ่อนคลายจิตใจกระมัง ไม่แน่ว่าเวลานี้อาจอยู่ระหว่างทางกลับมาแล้วก็เป็นได้”
มาถึงตำหนักฉางเหยี่ยน เซียวจิ่นส่งหลินชิงเวยเข้าวังอย่างเงียบเชียบ
เดิมทีซินหรูกำลังใส่ปุ๋ยให้สมุนไพรอยู่ในแปลง ได้ยินเสียงสนทนาและเสียงหัวเราะอยู่ข้างหลัง นางหันกลับไปเห็นหลินชิงเวยยืนอยู่หน้าประตูตำหนัก ซินหรูคิดว่าตนเองตาฝาด จึงอดที่จะขยี้ตาไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าจะถูกมือที่เปื้อนปุ๋ยเหล่านั้นทำให้แสบตาจนน้ำตาไหล นางโถมกายเข้าไปร่ำไห้ในอ้อมกอดของหลินชิงเวย ร้องไห้โฮใหญ่โต
หลินชิงเวยหรี่ตาลง นางลูบศีรษะซินหรู “เสี่ยวฉีรังแกเจ้าใช่หรือไม่?”
ซินหรูส่ายหน้าพูดทั้งสะอึกสะอื้น “พี่สาว ท่านกลับมาเสียที! ข้าคิดว่าท่านจะทิ้งข้าไว้ที่นี่ตลอดไปแล้ว!”
หลินชิงเวยมีสีหน้าเวทนา “พูดจาโง่งมอันใด จะทิ้งเจ้าได้อย่างไรกัน”
ทันทีที่เซียวจิ่นออกจากตำหนักฉางเหยี่ยน เขาออกคำสั่งยกเลิกการกักบริเวณตำหนักฉางเหยี่ยน
หลินชิงเวยกลับมาถึงตำหนักบรรทมที่ตนคุ้นเคย นางชำระกายผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนอื่น ซินหรูจัดเตรียมอาหารต้อนรับหลินชิงเวยอย่างดีอกดีใจ อาหารบนโต๊ะล้วนเป็นอาหารที่หลินชิงเวยโปรดปรานทั้งสิ้น
วันเวลาที่หลินชิงเวยใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกล้วนต้องกินอาหารหยาบๆ ทั้งสิ้น ไหนเลยจะสู้อาหารฝีมือประณีตจากห้องเครื่องได้ หลินชิงเวยเห็นแล้วท้องร้องทันที นางและซินหรูนั่งลง เริ่มกินอาหารเลิศรส
หลินชิงเวยกินไปพูดไป “ระยะนี้ในวังหลวงเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง?”
ซินหรู “ไม่ทราบเจ้าค่ะ ข้าอยู่ในตำหนักฉางเหยี่ยนทั้งวัน แต่ไม่ได้ยินนางกำนัลพูดถึงเรื่องซุบซิบนินทาของตำหนักอื่นนะเจ้าคะ”
“เสี่ยวฉีเล่า เขาดูแลเจ้าดีหรือไม่?”
“เขาหรือ? เขาดูแลแปลงสมุนไพรของพี่สาวได้ไม่เลวทีเดียว ก่อนหน้านี้เขามาทุกวันเจ้าค่ะ บางครั้งมากินข้าวเป็นเพื่อนข้า แต่วันนี้อาจเป็นเพราะรู้ว่าพี่สาวกลับมาแล้ว และเจ้านายของเขาคงกลับมาแล้วเช่นกัน จึงไม่มีเวลามากระมัง”
หลินชิงเวยขมวดคิ้ว “เขาจะมาหรือไม่ มิใช่ควรจะบอกกับเจ้าหรือ? นิสัยแย่เช่นเดียวกับเจ้านายของเขา”
ซินหรูเงียบขรึม นางลอบมองหลินชิงเวยพร้อมกับพุ้ยข้าวเข้าปากพลางเอ่ยถาม “อ้อ เซ่อเจิ้งอ๋องทำเรื่องใดที่บอกกล่าวกับผู้อื่นไม่ได้ เขาก็ไม่ได้บอกกับพี่สาวหรือเจ้าคะ?” ยามนี้ซินหรูยังไม่รู้ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องไม่ได้กลับมาพร้อมกัน นางมารู้อีกทีเมื่อผ่านไปอีกหลายวัน เวลานั้นจึงกระจ่างแจ้งในความหมายที่หลินชิงเวยพูดขึ้นเล็กน้อย
หลินชิงเวยมองนาง นางรีบคีบกับข้าวให้หลินชิงเวย “พี่สาว ไม่ต้องสนใจเจ้าค่ะ กิน!”
หลินชิงเวยหลุดหัวเราะแล้วเริ่มกินข้าวต่อ
หลังจากตำหนักฉางเหยี่ยนถูกยกเลิกคำสั่งกักบริเวณ เจ้านายของตำหนักอื่นๆ ต่างพากันเมียงมองมา พวกนางมิใช่ไม่เคยได้ยินว่าเมื่อก่อนหลินชิงเวยได้รับความโปรดปราน หากเวลานี้ยังคงได้รับโปรดปรานดังกาลก่อน เกรงว่าจะต้องไปผูกไมตรีเอาไว้ก่อน
ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นจึงมีบรรดาพระสนมชายาที่มียศศักดิ์ต่ำกว่าหลินชิงเวยมาเยือนตำหนักฉางเหยี่ยน หลินชิงเวยนอนเกียจคร้านเสียจนปวดเมื่อยไปทั้งตัว ทันทีที่ตื่นขึ้นก็ต้องมาพบกับเรื่องหงุดหงิดเช่นนี้ ประโยคแรกที่กล่าวออกมาคือ “ไม่พบ ไล่พวกนางกลับไปให้หมดเถิด บอกพวกนางว่าต่อไปไม่ต้องมาอีก”
บัดนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เมื่อก่อนหลินชิงเวยทำหน้าที่ดูแลตำหนักในระยะเวลาหนึ่ง ทุกวันต้องตื่นแต่เช้า เข้านอนดึกดื่น ต่อให้นางไม่อยากพบบรรดาสนมชายาก็ต้องตะเกียกตะกายตื่นขึ้นมารอพบทุกวัน บัดนี้นางไม่ใช่ประมุขของฝ่ายในอีกต่อไป เป็นเพียงเจาอี๋เล็กๆ คนหนึ่ง และอีกไม่นานกระทั่งตำแหน่งเจาอี๋เล็กๆ ก็ไม่ใช่ เหตุใดยังต้องลำบากตนเองด้วยเล่า?
บรรดาพระสนมชายาที่มาเยือนตำหนักฉางเหยี่ยน นั่งลงก้นไม่ทันร้อน ไม่เพียงไม่ได้พบหลินชิงเวย ซ้ำยังถูกนางกำนัลปฏิเสธให้กลับไปด้วยเหตุผลว่า “สุขภาพของเจาอี๋เหนียงเหนียงไม่ดีนัก ต้องการเวลาพักผ่อน”
บรรดาพระสนมชายาไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอันใดเมื่ออยู่ในตำหนักฉางเหยี่ยน ทว่าเมื่อออกมาจากตำหนักฉางเหยี่ยนแล้วย่อมอดมีโทสะไม่ได้ เป็นเพราะหลินชิงเวยวางโต อีกทั้งเป็นเจาอี๋ที่ไม่ได้รับความโปรดปรานแล้วอาศัยสิ่งใดถึงเย่อหยิ่งเพียงนี้
ไม่ว่าตำหนักอื่นจะพูดอย่างไร หลินชิงเวยปล่อยให้พวกนางพูดไป
วันนี้นางกำนัลเข้ามารายงานว่า “เหนียงเหนียง ซีเฟยเหนียงเหนียงมาเจ้าค่ะ”
เหล่านางกำนัลเห็นว่าตำแหน่งของซีเฟยนั้นสูงกว่าตำแหน่งของหลินชิงเวยขั้นหนึ่ง ผนวกกับเวลานี้นางเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ ไม่อาจไม่พบ จึงตัดสินเสี่ยงต่อการถูกดุด่าเข้ามารายงานต่อหลินชิงเวย
หลินชิงเวยกำลังถอนต้นกล้าสมุนไพรที่แตกหน่อออกมาใหม่ ได้ยินเช่นนั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาใด เพียงแค่เลิกคิ้วน้อยๆ ถามขึ้นอย่างใจลอยว่า “ซีเฟย ซีเฟยคนไหนกัน?”
ซินหรูที่อยู่ข้างกายพูดเสริมขึ้นว่า “อ้อ ก็คือซีเฟยคนนั้นอย่างไรเจ้าคะ เมื่อแรกพี่สาวเลือกตัวเข้าวัง ต้องการให้นางไปปรนนิบัติฝ่าบาทคนนั้นเจ้าค่ะ” หลินชิงเวยเงยหน้าขึ้น ปลายนิ้วเรียวประดุจหยกของนางเปื้อนเศษดินโคลนเล็กน้อย นางพูดราวกับจดจำได้ว่า “เป็นนางหรือ เช่นนั้นให้นางรอสักครู่”
นางกำนัลรีบหันกายไปบอกความ
หลินชิงเวยค้ำหัวเข่าของตนลุกขึ้น เข้าไปผลัดอาภรณ์ในเรือน
ซีเฟยกำลังรออยู่ในห้องโถง นางพานางกำนัลข้างกายมาด้วย เวลานี้รออยู่ในห้องโถงได้ครู่หนึ่ง สีหน้าของนางกำนัลนางนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทว่าซีเฟยกลับมีท่าทีเยือกเย็น
ก่อนหน้านี้นางยังพาขันทีมาจากตำหนักหลายคน ล้วนมาส่งสิ่งของทั้งสิ้น ยามนี้สิ่งของส่งเข้าไปด้านในแล้ว นางจึงให้ขันทีกลับไปก่อน
หลินชิงเวยและซินหรูเดินเข้ามาจากด้านนอก
ต้นไม้ด้านนอกห้องโถงแตกกิ่งก้านสาขาและหน่ออ่อน ท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านมา ทำให้พวกมันไหวเอนเล็กน้อย ริมทางเดินล้วนมีกระถางดอกไม้ที่ออกช่อดอกตูมเตรียมกำลังจะเบ่งบาน เพียงแค่สายลมวสันตฤดูพัดผ่าน พวกมันก็จะพากันบานสะพรั่ง
ซีเฟยเงยหน้ามองออกไป เห็นหลินชิงเวยสวมกระโปรงสีเขียวอ่อนทั้งชุด เรือนร่างบอบบางอรชร ให้ความรู้สึกน่ารักน่าถนอม ราวกับสตรีตรงหน้าเป็นอัญมณีก็ไม่ปาน ทัศนียภาพของกิ่งก้านสีเขียวและดอกไม้สีแดงยิ่งขับให้น่าดูยิ่งขึ้น
หลินชิงเวยก้าวเข้ามาในห้องโถง ซีเฟยลุกขึ้นยืนอย่างมีมารยาท นางยอบกายคารวะหลินชิงเวย
หลินชิงเวยเห็นสีหน้าของนางกำนัลข้างกายของนางเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ทว่าไม่อาจไม่ยอบกายคารวะตามนายของตน หลินชิงเวยหัวเราะเบาๆ “ซีเฟยเหนียงเหนียงหมายความอย่างไรกัน หากต้องยอบกายคารวะก็ควรจะเป็นข้าคารวะซีเฟยจึงจะถูกต้องกระมัง”
ซีเฟยกลับกล่าวว่า “เจาอี๋เหนียงเข้าวังมาก่อนข้า แม้พวกเราจะมีอายุไล่เลี่ยกัน ทว่าเจาอี๋เหนียงเหนียงนับได้ว่าเป็นผู้อาวุโสในวัง การคารวะนี้สมควรเป็นข้าคารวะเหนียงเหนียง”
หลินชิงเวยกวาดสายตามองไปเห็นสิ่งของวางอยู่ในห้องโถงไม่น้อย จึงนั่งลงดื่มน้ำชาและกล่าวว่า “เหนียงเหนียงกำลังทำอันใด?”
ซีเฟยเงยหน้าขึ้นมองนางและกล่าวว่า “เป็นเช่นนี้ ข้าได้ยินว่าเจาอี๋เหนียงเหนียงสุขภาพไม่ใคร่ดีนัก ข้าไม่อาจช่วยเหลือสิ่งใดได้ แต่ขอเพียงเป็นสิ่งที่ของที่มีประโยชน์ข้าล้วนนำมาแล้ว หวังว่าจะช่วยให้สุขภาพของเหนียงเหนียงดีขึ้น”