ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 11 บทที่ 314 กลัวนางจะคิดไม่ตกหรือ?
เพียงแต่นางรู้จักควบคุมและจัดการความรู้สึกของตนเอง เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นนางปิดบังไว้อย่างดี ไม่ให้ผู้อื่นเห็นพิรุธใดๆ ได้แม้แต่น้อย
เซียวจิ่นพานางไปต้อนรับเซียวเยี่ยนกลับวัง เมื่อได้เห็นกับตาว่าเซียวเยี่ยนประคองสตรีรูปโฉมงามปานล่มเมืองลงมาจากรถม้า ที่จริงแล้วเป็นการสาดเกลือลงบนบาดแผลของนางชัดๆ
ไม่ใช่ไม่เจ็บ เพียงแต่นางปิดบังได้ดี แทบจะทำให้ผู้คนคิดว่านางไม่รู้สึกอะไรจริงๆ
นางบอกว่าไม่มีใครทำร้ายความรู้สึกของนางได้ เป็นเช่นนี้จริงๆ หรือ?
ไม่ มนุษย์เรามีเจ็ดความรู้สึกหกปรารถนา[1] ขอเพียงมี ย่อมต้องได้รับความเจ็บปวด
เซียวจิ่นเสียใจ เขาไม่ควรทำเช่นนี้แต่แรก เขารู้สึกขึ้นมาเล็กน้อยว่าเพราะต้องการแก้แค้นหลินชิงเวยจึงตัดสินใจทำอย่างนั้น เขาต้องการบอกนางว่า เจ้าดูสิ ที่จริงในใจของคนที่เจ้ารัก เขามีคนอื่นตั้งนานแล้ว ไม่สู้เจ้าอย่าไปรักเขาเลย รักเขาเป็นการตัดสินเลือกที่ผิดพลาด ทั้งๆ ที่เจ้ายังมีตัวเลือกที่ดีกว่า
แต่เมื่อเห็นหลินชิงเวยเดินจากไปเงียบๆ ในใจเขาเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาไม่ได้รู้สึกมีความสุขจากการแก้แค้นแม้สักกระผีก เขามีเพียงความรู้สึกปวดใจต่อนางเท่านั้นเอง
เซียวจิ่นตาแดงก่ำ เขาไปเยือนตำหนักอวี้หลิง ที่นี่เงียบสงบ ไม่มีผู้ใดมารบกวน เซียวเยี่ยนอยู่ในตำหนักอวี้หลิงตลอดทั้งวันจึงไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้น
เมื่อเขาเห็นเซียวเยี่ยน ไม่รู้ว่าจิตใจของตนเองรู้สึกอย่างไร ทั้งๆ ที่ในใจเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวเยี่ยนกลับสงบใจลงได้ เขาถามขึ้นเรียบๆ ว่า “แม่นางสุ่ยเป็นอย่างไรบ้าง?”
เซียวเยี่ยน “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ใส่พระทัย เดินทางตรากตรำมาตลอดทาง นางอ่อนเพลียเล็กน้อยเพิ่งจะเข้านอน”
เซียวจิ่นจ้องเข้าไปในดวงตาของเซียวเยี่ยน “ในเมื่อแม่นางสุ่ยกลับเมืองหลวงแล้ว เวลานี้เจิ้นเชื่อว่าเสด็จอาคงไม่ปรารถนาให้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับชิงเวยกระมัง”
ร่างของเซียวเยี่ยนพลันแข็งค้าง เขาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
เซียวจิ่นพูดอีกว่า “เสด็จอา หลินชิงเวยหายตัวไป” หลังจากพูดประโยคนี้ เซียวจิ่นหันกายเดินจากไปโดยไม่รั้งรอ
หลินชิงเวยไม่ได้กลับตำหนักฉางเหยี่ยนสองวัน ในวังหลวงวุ่นวายจนแทบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ตำหนักในอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ในที่สุดก็มีเรื่องราวคึกคักครื้นเครง
กระทั่งตำหนักหลายแห่งภายในตำหนักในที่ถูกปิดตัวทิ้งร้างมานานหลายปีก็ยังถูกเซียวจิ่นถ่ายทอดคำสั่งให้ทำการค้นหา ดังนั้นความอ้างว้างวังเวงจึงถูกทำลายลง ร่มเงาจากต้นไม้ในป่าทึบที่ขึ้นมาปิดแผ่นฟ้าคลุมผืนดินจึงถูกคนเข้าไปรบกวน ตะไคร่น้ำแผ่นหนาที่ปกคลุมอยู่บนพื้นกระเบื้องมาเป็นเวลานานปีถูกคนเหยียบย่ำ ประตูใหญ่ของสวนไป่โซ่วถูกคนเปิดออก วัชพืชต้นไม้ใบหญ้าข้างในงอกเงยขึ้นเต็มพื้นที่ นอกจากสัตว์ป่าที่ยังมีชีวิตหลงเหลืออยู่ในนั้นแล้วไม่มีเงาร่างของมนุษย์แม้แต่คนเดียว
บนพื้นสนามหญ้าเขียวชอุ่มด้านหลังสวนไป่โซ่ว มีต้นเห็ดต้นใหญ่ราวกับต้นไม้ต้นหนึ่งดังเดิม แต่กลับไม่มีร่องรอยว่ามีผู้ใดเคยหยุดรั้งฝีเท้าไว้ที่นี่มาก่อน จะมีนกพิราบฝูงหนึ่งบินขึ้นจากที่นี่แล้วบินลงมาสู่พื้นสนามหญ้านั้นทุกวัน
ความมืดเริ่มโรยตัวลงมาให้ความรู้สึกเงียบสงัดวังเวง
ท่ามกลางแสงสลัวจากโคมไฟกระเบื้อง มีคนผู้หนึ่งถือโคมไฟค่อยๆ เดินเข้าไปในป่าทึบนั้น
ยามกลางวัน ป่าทึบแห่งนี้ถูกต้นไม้ใหญ่น้อยในป่าที่ขึ้นอย่างหนาแน่นบดบังแสงอาทิตย์ไม่ให้ลอดผ่านเข้ามาได้ เมื่อถึงยามกลางคืน ในป่าทึบแห่งนี้จึงมีเพียงความมืดมิดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น
ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเดินเข้าไปข้างในเป็นเวลานานเท่าใด และไม่รู้ว่าป่าทึบแห่งนี้มีขนาดใหญ่เพียงใด รู้เพียงว่ายิ่งเดินเข้าไปยิ่งลึก สภาพอากาศรอบตัวยิ่งอับชื้นยิ่งขึ้น สิ่งมีชีวิตเล็กๆ น้อย ๆ ภายในป่าเริ่มเคลื่อนไหว อาจเพราะได้กลิ่นจากร่างของเขาก็เป็นได้ อีกทั้งยังมีแสงสว่างจากโคมไฟในมือของเขา จึงค่อยๆ พากันหลบหลีกไปซ่อนตัว
เขาไม่รู้ว่าตามหาอยู่นานเท่าใดเช่นกัน ขณะที่เขากำลังคิดว่าหลินชิงเวยไม่ได้อยู่ในป่าแห่งนี้และคิดจะหันกายจากไป หางตาของเขาพลันเห็นเงาร่างของคนผู้หนึ่งอยู่ไกลออกไป จึงหันกายกลับมาอีกครั้ง เขายกโคมไฟขึ้นสูงอีกนิดอย่างไม่แน่ใจ เป็นเงาร่างของคนจริงๆ
หลินชิงเวยนั่งยองๆ อยู่ที่นั่น รอบกายของนางล้วนเป็นต้นไม้ใบหญ้า เคราะห์ดีที่ผู้ตามหานางมีสายตาเฉียบคม หาไม่แล้วคงเป็นไปได้อย่างมากว่าอาจจะมองไม่เห็นนาง
นางไม่ส่งเสียงสักแอะ เสื้อคลุมตัวนอกของนางวางอยู่บนพื้นข้างเท้านาง บนเสื้อคลุมที่กางออกบนพื้นมีสมุนไพรล้ำค่าหายากหลายชนิดที่นางเก็บได้ในป่าแห่งนี้ วินาทีนี้พลันมีงูปรากฏกายออกมา เมื่อเขายกเท้าก้าวเข้าไปในอาณาบริเวณของหลินชิงเวยและพวกมัน เสียงส่งสารขู่ฟ่อๆ ของมันดังก้องขึ้นมาทั่วบริเวณ ส่งผลให้รู้สึกขนลุกขนชัน
แขนของหลินชิงเวยวางอยู่บนเข่าตลอดเวลา แขนอีกข้างหนึ่งห้อยลงมา ไม่รู้ว่านิ้วมือของนางถูกสิ่งใดบาดเข้า เลือดกำลังหยดลงจากปลายนิ้วของนาง ชิงหลันขดกายนอนอยู่ใต้นิ้วมือนั้น มันกำลังอ้าปากดื่มกินเลือดที่หยดลงมาในปากของมัน
รอบกายเต็มไปด้วยงูที่มีลวดลายหลากหลายสีสัน ดูสภาพหลินชิงเวยแล้วเหมือนเป็นอาหารบนจานของพวกมัน ที่จริงเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์เพียงใดที่ดรุณีน้อยผู้เงียบขรึมผู้นี้มีความสามารถเรียกงูบริเวณใกล้เคียงมารวมตัวกันมากมายเช่นนี้
แสงจากโคมไฟส่องสว่างกรอบหน้าของหลินชิงเวย และส่องสว่างใบหน้าของผู้มาถึง
ผู้มาถึงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเสี่ยวฉี
เขาเห็นปลายนิ้วมือของหลินชิงเวยมีเลือดหยดออกมาไม่หยุดจึงขมวดคิ้วมุ่น “เจาอี๋เหนียงเหนียง ท่านได้รับบาดเจ็บต้องทำแผลขอรับ”
หลินชิงเวยไม่ได้ตอบเขา
เสี่ยวฉีพูดอีกว่า “ผู้คนข้างนอกกำลังตามหาท่าน เจาอี๋หายตัวไปสองวัน ซินหรูร้อนใจจนร้องไห้แล้วขอรับ” เสี่ยวฉีรออยู่นานจึงพูดขึ้นอีกว่า “เจาอี๋เหนียงเหนียง เชิญท่านกลับไปกับข้าน้อยเถิด”
ราวกับชิงหลันกินอิ่มแล้ว จึงเลื้อยเข้าไปในแขนเสื้อของหลินชิงเวยด้วยท่าทีเกียจคร้าน หลินชิงเวยก้มหน้าลงมองเลือดสดๆ บนปลายนิ้ว นางค่อยดูดซับเลือดจนแห้งสะอาด ท่าทีทุกๆ อิริยาบถนั้นทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาไปจากความงดงามตรงหน้าได้ ทั้งยังทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้สตรีเช่นนี้
อาจเป็นเพราะเสี่ยวฉีรู้สึกขัดหูขัดตาหลินชิงเวยแต่แรกพบ ขัดหูขัดตาที่นางกระทำตัวไม่เห็นแก่ลำดับอาวุโสและยศศักดิ์ ขวางหูขวางตาที่นางเกาะแกะเซ่อเจิ้งอ๋อง แต่เมื่อเวลาผันผ่าน ทำให้เขากระจ่างแจ้งในตัวตนของสตรีนางนี้ว่าเนื้อแท้ของนางเป็นคนอย่างไร ปากคมกล้าประดุจใบมีด ใจอ่อนราวกับเต้าหู้ เพื่อเซ่อเจิ้งอ๋องของเขาแล้ว นางยินดีที่จะเดินทางไกลนับพันลี้ บุกน้ำลุยไฟ นางรู้ว่าตนเองปรารถนาสิ่งใด และมุ่งมั่นเพียรพยายามพร้อมกับยืนหยัดด้วยสติสัมปชัญญะเต็มเปี่ยม ราวกับความงดงามอื่นใดล้วนไม่มีค่าเพียงพอที่จะให้นางหวั่นไหวได้นอกจากสิ่งของและคนที่นางตัดสินใจแล้วว่าดีที่สุด
เป็นเพราะสตรีเช่นนี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นเวลาสองวัน ยามนี้เสี่ยวฉีหาตัวนางพบแล้วในที่สุด เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้จึงรู้สึกบีบคั้นหัวใจเช่นกัน
หากเจ้านายของเขามาเห็นด้วยตาตนเอง เขายังเลือกที่จะทำร้ายจิตใจนางหรือไม่?
“หาข้า?” ในแววตาของหลินชิงเวยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ดวงตาของดำขลับราวกับท้องฟ้ายามราตรี นางถามเสียงเบา “หาข้าทำอันใด? กลัวข้าจะคิดไม่ตก?”
สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ในอดีตที่หลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนอยู่ด้วยกัน เวลานั้นนางถูกเสือไล่ตามมา มีอันตรายถึงชีวิต หากมิใช่เป็นเพราะเซียวเยี่ยนมาถึงทันท่วงที เกรงว่านางคงกลายเป็นอาหารในท้องเสือตัวนั้นไปแล้ว
มาบัดนี้เซียวเยี่ยนกลับให้เสี่ยวฉีมาตามหานางที่นี่?
เสี่ยวฉี “เหนียงเหนียง ไม่เพียงแต่ซินหรูที่เป็นห่วง ฝ่าบาททรงเป็นกังวลอย่างยิ่ง สองวันนี้เขาแทบจะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินทั่วทั้งตำหนักใน”
หลินชิงเวยพูดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ข้าเพียงแต่เข้ามาหาสมุนไพรในป่าแห่งนี้เท่านั้น มีอะไรต้องให้กังวลใจ?”
———————
[1] อารมณ์ความรู้สึกและความปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไป (ความรู้สึก 7 อย่าง คือ ความสุข ความโกรธ ความกังวล ความคิด ความเศร้า ความกลัว และความตกใจ ส่วนความปรารถนาหรือความอยากของมนุษย์นั้นก็มี 6 อย่างด้วยกัน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ)