ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 11 บทที่ 315 มันจะดีขึ้น
เสี่ยวฉีเห็นบนพื้นมีสมุนไพรที่หลินชิงเวยเก็บมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เขามองสีหน้าสงบนิ่งของหลินชิงเวยแล้วรู สึกสับสน
รอบกายหลินชิงเวยเย็นเยียบ ราวกับร่างของหลินชิงเวยถูกโอบล้อมด้วยปราการน้ำแข็งชั้นหนึ่ง รอบกายของนางเต็มไปด้วย ยงู นางเก็บสมุนไพรบนพื้น ชันมือกับหัวเข่าแล้วลุกขึ้น นางหันมามองเสี่ยวฉี “ต่อให้เจ้าไม่มา ข้าก็กำลังคิดจะก กลับไปพอดี”
เสี่ยวฉีขยับปาก ในที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป
ทว่าหลินชิงเวยกลับหันหน้าเดินเข้าไปในป่าลึกด้านใน เสี่ยวฉีจึงไม่อาจไม่ตามไป “เหนียงเหนียงยังต้องการจะไปที่ใด อีกขอรับ?”
“ข้าบอกว่าข้าจะกลับไป แต่ไม่ได้บอกว่าจะกลับไปพร้อมกับเจ้านี่นา”
“เหนียงเหนียงอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ข้าน้อยไม่วางใจขอรับ”
“ไม่วางใจ?” หลินชิงเวยพลันหยุดฝีเท้าหันมามองหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชาและคมปลาบ “ที่เจ้าควรไม่วางใจควรเป็นตัวเ เจ้าเอง”
ทันทีที่สิ้นเสียง กิ่งไม้เบื้องหน้าพลันมีงูลายตัวเล็กๆ เลื้อยออกมา มันกำลังแยกเขี้ยวขู่ เสี่ยวฉีถอยหลังหนึ่งก ก้าวทั้งยังคิดจะดึงกระบี่ออกมาตามสัญชาตญาณ
แววตาของหลินชิงเวยปรากฏให้เห็นรังสีสังหาร เสี่ยวฉีเห็นมันอย่างชัดเจน เขารู้ว่านางไม่ได้กำลังล้อเล่นกับตน น
หลินชิงเวยพูดเน้นทีละคำ “หากเจ้ายังกล้าก้าวเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง ตัวเจ้าเองจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้”
“เหนียงเหนียง…”
หลินชิงเวยพูดหน้าตาย “เปิ่นกงยังไม่ต้องถึงขั้นให้คนสนิทข้างกายเซ่อเจิ้งอ๋องมาเป็นห่วง ไสหัวไปซะ”
พูดแล้วหลินชิงเวยก็หันกายเดินเข้าไปด้านใน ไม่ว่าอย่างไรเสี่ยวฉีย่อมไม่กล้าตามนางเข้าไปอีก เขาตัดสินใจวาง โคมไฟในมือลงกับพื้นแล้วหันกายเดินกลับไปในที่สุด
แม้ในยามปกติเสี่ยวฉีจะซื่อราวกับท่อนไม้ แต่เขากระจ่างแจ้งเช่นกันว่าหลินชิงเวยเคียดแค้นเขาด้วยเขาเป็นข้างกา ายเซ่อเจิ้งอ๋อง
หลังจากเสี่ยวฉีกลับไป ได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าถ่ายทอดให้เซียวเยี่ยนฟัง ยามนั้นสีหน้าของเซ่อเจิ้งอ๋องยาก กที่จะคาดเดาว่ายอมรับหรือปฏิเสธ
เสี่ยวฉีพูดอีกว่า “ท่านอ๋อง เจาอี๋เหนียงเหนียงเป็นสตรีอ่อนแอเพียงคนเดียวอยู่ในป่า ย่อมไม่ปลอดภัย ข้าน้อยบัง งอาจเชิญท่านอ๋องไปดูสักหน่อยเถิด”
เนิ่นนาน เซียวเยี่ยนจึงพูดกับเขาว่า “นางมิใช่สตรีอ่อนแอ เจ้าออกไปเถิด”
หลังจากเสี่ยวฉีออกไปแล้ว เซียวเยี่ยนมองออกไปนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยความมืดสนิทไร้ขอบเขต เวลานี้สุ่ยฉ่ายชิงน นอนหลับสนิทอยู่อีกห้องหนึ่ง
นางพักฟื้นรักษาตัวอยู่นอกวังหลายปีเช่นนี้ แม้ในวังจะมีทุกอย่างสมบูรณ์ แต่กลางดึกเขายังคงได้ยินเสียงไอของนา างผ่านผนังกำแพงห้อง
เป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่ดีแน่
เซียวเยี่ยนยืนอยู่ข้างหน้าต่างครู่หนึ่งจึงออกไปจากห้อง เขามุ่งหน้าไปยังด้านหลังตำหนักใน เขาไปในป่าที่เสี่ยว วฉีเพิ่งไปเยือน ในป่ากว้างใหญ่เช่นนั้น เขาหาอยู่ค่อนคืนกลับไม่พบแม้แต่เงาร่างของหลินชิงเวย
เขาคิดว่าหลินชิงเวยกลับไปแล้ว
หลินชิงเวยกลับไปแล้วจริงๆ เมื่อนางกลับไปถึงตำหนักฉางเหยี่ยน นางกำนัลและขันทีในตำหนักฉางเหยี่ยนต่างรู้สึกยินด ดี
เป็นเวลาฟ้าใกล้สว่างแล้ว ซินหรูนอนไม่หลับ อายุน้อยแค่นี้แต่รู้จักเป็นห่วงหลินชิงเวยกระทั่งกินข้าวไม่ได้ ใบหน น้าจึงเต็มไปด้วยความอิดโรย
ซินหรูตื่นแต่เช้า นางออกจากเรือนเพื่อจะไปตามหาหลินชิงเวยอีก ไหนเลยจะคิดว่าทันทีที่เงยหน้าก็เห็นหลินชิงเวย ยยืนอยู่ในลานเรือน
ไม่พบกันสองวันหลินชิงเวยซูบผอมลงไปมาก ในมือหิ้วห่อผ้าที่ใช้เสื้อคลุมตัวนอกห่อ ราวกับเดินทางกลับมาจากสถาน นที่อันแสนไกล หัวไหล่และเส้นผม ยังคงเต็มไปด้วยความหนาวเย็นที่คล้ายมีคล้ายไม่มีปกคลุมอยู่
เวลานั้นซินหรูน้ำตาไหลพรากราวกับหยาดฝนพร้อมกับสะอื้นไห้ หลินชิงเวยขยับปาก ฝืนยิ้มอ่อนโยนให้นาง “พี่สาวไม่ใ ใช่เด็กเล็กๆ เสียหน่อย ต้องให้เจ้าเป็นห่วงเช่นนี้?”
ซินหรูสะอื้นฮัก ร่ำไห้เสียงดังลั่น จากนั้นโถมกายวิ่งเข้ามาหานาง กอดนางเอาไว้แน่นแล้วร้องไห้โฮ “ข้าเป็นห่วง งจะแย่แล้วเจ้าค่ะ หากพี่สาวเกิดเรื่องอันใดขึ้นแล้วทิ้งข้าเอาไว้เช่นนี้ ข้าคงรู้สึกเป็นทุกข์ เป็นทุกข์แสนสา าหัส เป็นทุกข์แทบตาย…”
หลินชิงเวยมองซินหรูที่กอดนางเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือ แววตาของนางไหววูบมีความทุกข์ใจลึกๆ พาดผ่าน นางปล่อ อยมือ ทิ้งห่อผ้าลงบนพื้น ลูบศีรษะซินหรูพร้อมกับค่อยๆ โอบกอดร่างของนางเข้ามาทีละน้อย สัมผัสได้ว่าร่างเล็ก กๆ ในอ้อมกอดของตนมีชีวิตและอบอุ่นนางพูดเสียงเรียบ “ข้าทดลองดูแล้ว รสชาติของการถูกคนที่ตนเองรักทอดทิ้งน นั้นไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นข้าจะหักใจทอดทิ้งเจ้าได้อย่างไรเล่า”
“พี่สาว พี่สาว…” ซินหรูร้องไห้ในอ้อมกอดของนางด้วยความเจ็บปวด สองวันนี้นางรู้แล้วว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น นางรู้เช่นกันว่าในใจของหลินชิงเวยนั้นชมชอบเซ่อเจิ้งอ๋อง ไม่ง่ายดายเลยกว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะกลับมา ทว่าเขากลับ บพาสตรีอีกคนหนึ่งกลับมาด้วย ตกลงเขาวางพี่สาวของนางไว้ในตำแหน่งใดกันแน่? ถึงกับทรยศต่อความจริงใจของพี่ส สาวที่มีต่อเขาเช่นนี้! ซินหรูพูดขึ้นว่า “พี่สาวแสนดีเช่นนี้ คนที่ทอดทิ้งพี่สาวล้วนเป็นคนมีตาหามีแววไม่! ! พี่สาว พี่สาวยังมีซินหรูนี่นา! ทุกอย่างจะดีขึ้นใช่หรือไม่เจ้าคะ? ทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอน...”
หลินชิงเวยหัวเราะเสียงต่ำ “เด็กโง่ เจ้าคิดว่าพี่สาวของเจ้าเป็นคนที่ถูกทำให้ล้มลงได้ง่ายเช่นนี้หรือ?”
“ไม่ใช่…ไม่ใช่เจ้าค่ะ…พี่สาวเป็นคนดีที่สุดในใต้หล้า เป็นคนที่ทำให้ล้มลงได้ยากที่สุด…” ซินหรูสะอึกสะอื น นางลูบมือของหลินชิงเวย ลูบไปตามอาภรณ์อับชื้น จึงเงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตาคลอ “พี่สาว ทำไมร่างของท่านจึงได้ เย็นเช่นนี้? แล้วยังสวมอาภรณ์บางเช่นนี้? ไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ ทิ้งไว้แบบนี้ต้องล้มป่วยแน่”
หลินชิงเวยกลับห้อง ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ซินหรูเตรียมน้ำอาบและอาภรณ์แห้งสะอาด นางลงไปแช่กายในน้ำร้อนเพื่อชำระ ะกาย ซินหรูต้มน้ำขิงร้อนๆ ให้นางดื่มถ้วยใหญ่ๆ
กระเพาะของหลินชิงเวยว่างโหวง นางจึงนั่งดื่มโจ๊กในห้องหนึ่งถ้วย
เพิ่งจะวางถ้วยลงก็ได้ยินเสียงวุ่นวายดังมาจากข้างนอก ต่อมาประตูห้องถูกคนเปิดออกอย่างแรง นางช้อนตาขึ้นมอง งเห็นเพียงเงาร่างสีเหลืองขมิ้นผ่านเข้ามาในคลองจักษุ
กลิ่นอำพันทะเลจางๆ เข้ามาในจมูก ทำให้สมองอันว่างเปล่าของนางรู้สึกมึนงงเล็กน้อย นางถูกคนกอดเข้าไปในอกแรง ๆ
เซียวจิ่นกอดนางเอาไว้ กระบอกตาของเขาแดงก่ำ ฝ่ามือขาวสะอาดสัมผัสผมยาวดำขลับบนหัวไหล่ของหลินชิงเวย แทบจะทำใ ให้นางหายใจไม่ออก
หลินชิงเวยช้อนตาขึ้นมอง เห็นซินหรูยืนอยู่หน้าประตูกำลังมองเข้ามา คิดดูแล้วซินหรูเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่ าเซียวจิ่นจะเสียกิริยาถึงเพียงนี้ ซินหรูคิดจะขัดขวางเขาและเข้ามารายงานสักคำก็ยังทำไม่สำเร็จ
หน้าอกของเซียวจิ่นกระเพื่อมไหวอย่างรุนแรง ความรู้สึกนับร้อยนับพันไม่อาจระบายออกมาได้ เกือบจะทำให้เขารู้สึก กแตกสลาย เขาพูดงึมงำข้างหูหลินชิงเวย “ชิงเวย เจิ้นผิดไปแล้ว เจิ้นผิดไปแล้ว…เจิ้นไม่ควรให้เจ้าไปพบพวกเขา เ เจิ้นไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเจ้า เจิ้นเป็นคนเห็นแก่ตัว! ชิงเวย เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว…เกือบจะทำให้เจิ้นตกใจตาย.. ..”
หลินชิงเวย “ทำให้ฝ่าบาทต้องเป็นห่วงข้า เดิมทีเป็นข้าที่ทำไม่ถูก ข้าเพียงแต่เข้าไปหาสมุนไพรในป่าลึกเท่านั้น น ไม่มีค่าคู่ควรให้ฝ่าบาทเป็นห่วงเป็นเช่นนี้”
เซียวจิ่นค่อยๆ ปล่อยตัวนาง มือของเขายังคงประคองไหล่ของนาง เขาจับจ้องมองนางนิ่งๆ ในแววตานั้นเอ่อคลอด้วย หยาดน้ำตา “เจ้าห้ามจากไปโดยไม่บอกไม่กล่าวกับเจิ้น”
หลินชิงเวยตกตะลึงไปครู่หนึ่งทว่าสุดท้ายยังคงตอบว่า “ได้”