ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 11 บทที่ 322 นับแต่นี้ไป นางเป็นอิสระ
เงาร่างเล็กบอบบางของนางเดินผ่านระเบียงทางเดินราวกับสายลมสายหนึ่ง ดูเหมือนชายแขนเสื้อสีแดงเลือดถูกซ่อนไว้ใน นแขนเสื้อโผล่ออกมาให้เห็นมุมสีแดงประดุจดอกไห่ถัง เงาร่างของนางโปร่งใส ชายกระโปรงถูกสายลมพัดโชยพลิ้วขึ้นมา ไม่รู้ว่าทำให้บุปผาในฤดูใบไม้ผลิงดงามขึ้นเท่าใด
เซียวเยี่ยนหลับตาลง ขับไล่ความทรงจำสิ่งละอันพันละน้อยที่ร่วมประสบด้วยกันมาออกจากสมองของตน เขากำมือแน่น ในมือ อของเขายังมีเส้นผมของหลินชิงเวย เขากำเส้นผมของนางหันกายเดินกลับไป
การเดินจากไปครั้งนี้ ยิ่งไปยิ่งไกล
สีหน้าของหลินชิงเวยซีดขาวเล็กน้อย ท่ามกลางแสงตะวันอันเจิดจ้าที่ทอดลงบนร่างของนาง ทำให้ใบหน้านางงดงามไร้ต ตำหนิ ประดุจกระเบื้องเคลือบสีขาว ทว่ากลับสง่างามจนตกตะลึง
ซินหรูเห็นนางกลับมา แขนเสื้อเต็มไปด้วยเลือดจึงตกใจจนหน้าขาว นางเห็นแววตาทั้งคู่ของหลินชิงเวยที่เต็มไปด้วย ความสดใสในยามปกติ บัดนี้หม่นหมองและแข็งค้าง ในใจจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกปวดใจที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ
ซินหรูสูดลมหายใจเข้าลึก ทว่าน้ำตายังคงเอ่อคลอออกมา นางรีบเข้าไปในเรือนหยิบยาออกมาทำแผลให้หลินชิงเวย “พี สาว นี่ทำอย่างไรกันเจ้าคะ? เซ่อเจิ้งอ๋องรังแกพี่สาวใช่หรือไม่? รอให้ข้าทำแผลให้พี่สาวแล้วจะไปคิดบัญชีกับเ เขา หากยังไม่ได้…หากยังไม่ได้พวกเราไปหาฝ่าบาท ให้ฝ่าบาททรงตัดสิน...”
หลินชิงเวยก้มหน้าลงมองซินหรูที่กำลังทำแผลให้ตนอย่างวุ่นวาย ซินหรูทางหนึ่งกล้ำกลืนก้อนสะอื้น ทางหนึ่งเช็ด ดน้ำตาเป็นพักๆ แววตาของนางขยับไปมา ความเจ็บปวดในใจเริ่มค่อยๆ ด้านชา ความอบอุ่นสายหนึ่งพลันแผ่กระจายออกมา นาง พูดเสียงต่ำ “ตัดแต่งดอกไม้ไม่ทันระวังเลยตัดถูกนิ้วมือ ไม่เป็นไร ไม่เจ็บ”
ซินหรูช้อนดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้น “จะไม่เจ็บได้อย่างไรเจ้าคะ ที่ถูกบาดนั้นเป็นเนื้อของพี่สาว ที่ไ ไหลออกมานั้นเป็นเลือดของพี่สาว หรือพี่สาวไม่มีความรู้สึกเจ้าคะ?”
หลินชิงเวยครุ่นคิด “อืม ไม่ค่อยรู้สึกอันใดนัก” เวลานี้ต่อให้มีคนเอาดาบเสือกเข้ามาในร่างของนางสักสองแผล น นางก็ยังคงไม่รู้สึกอะไร
เพราะมุมหนึ่งในหัวใจของนางเจ็บปวดทุรนทุรายเหลือเกิน
ซินหรูใส่ยาให้นางและพันแผลเรียบร้อย นางค่อยๆ จ้องมองปลายนิ้วที่ปรากฏให้เห็นรอยเลือดที่ซึมออกมาเป็นดวงๆ ห หลินชิงเวยกล่าวว่า “ซินหรู เจ้าไปตัดสมุนไพรทั้งหมดในแปลงสมุนไพรเถิด”
“เจ้าค่ะ” ซินหรูไม่ได้ถามอันใดให้มากความ หยิบเคียวได้ก็แบกตะกร้าขึ้นหลัง ย่อกายลงในแปลงสมุนไพร ใช้เคียวใ ในมือตัดสมุนไพรที่กำลังเติบโตเต็มที่ในแปลงทั้งหมด
เห็นพี่สาวต้องมีสภาพเช่นนี้ ซินหรูรู้สึกเป็นทุกข์ไม่ต่างกัน นางปรารถนาให้นางและพี่สาวออกไปจากสถานที่แห่งนี้ โดยเร็วที่สุด ชิงชังเหลือเกินที่ไม่อาจไปจากที่นี่ในวันพรุ่งนี้
หากเป็นเช่นนั้นย่อมไม่มีผู้ใดทำร้ายจิตใจพี่สาวให้ต้องเจ็บช้ำอีกแล้ว
หลินชิงเวยขลุกอยู่ในห้องโอสถตั้งแต่เช้ายันค่ำทั้งที่มือมีบาดแผล บางครั้งถึงเวลาอาหารก็ไม่ออกมา ซินหรูส่งอาห หารเข้าไปวางไว้ด้านข้าง นางกลับวางทิ้งไว้กระทั่งลืมกิน
นางปรุงยาออกมาสามขวด ทุกขวดล้วนมีสรรพคุณอ่อนและแรงแตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นโอสถทำความสะอาดปอด มีสรรพคุณ ณสลายพิษ
ซินหรูไม่พูดอันใดทั้งสิ้น แต่นางแจ่มแจ้งดีว่าเหตุใดหลินชิงเวยจึงเร่งเตรียมยาเหล่านี้
สามวันให้หลังเซ่อเจิ้งอ๋องมาเยือนตำหนักฉางเหยี่ยนอีกครั้ง มีกงกงท่านหนึ่งอยู่ข้างกาย กงกงท่านนั้นคือหัวหน้า าขันทีตำหนักซวี่หยาง
กงกงติดตามมาตำหนักฉางเหยี่ยนเพื่อประกาศราชโองการ
ส่วนหน้าพระราชโองการได้กล่าวถึงบารมีขององค์ฮ่องเต้ หลินชิงเวยไม่มีแก่ใจฟังสิ่งเหล่านี้ นางได้ยินกงกงท่านนั้น อ่านเพียงครึ่งหลัง “มัจฉามังกรมีบ่อน้ำ อินทรีย์มีปีก เมื่อปลากลายร่างเป็นนกย่อมออกท่องใต้หล้าเก้าหมื่นลี้ อ อุดมการณ์ของหลินซื่ออยู่นอกวัง ปรารถนาใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือคนทั่วหล้า แม้เจิ้นจะเลื่อมใสในคุณธรรมกลับมิอาจรั้ง งอยู่ข้างกายได้ จึงถอดถอนตำแหน่งเจาอี๋ของหลินซื่อเป็นชาวบ้านธรรมดาสามัญ ได้รับอิสระตั้งแต่บัดนี้ รับราชโองการ ร”
เซียวจิ่นยังนำคำว่า “เป็น” แทนคำว่า “ลดขั้น”
เมื่อมีพระราชโองการฉบับนี้ลงมา คนทั้งหมดในตำหนักฉางเหยี่ยนต่างตกตะลึงพรึงเพริด
มาตรว่าผู้ที่อยู่ในความสงบเมื่อได้รับพระราชโองการมีเพียงหลินชิงเวยและซินหรูเท่านั้น แม้พระราชโองการฉบับนี้ด ดูเหมือนจะน่าฟัง แต่ในความเป็นจริง ผู้ใดไม่รู้บ้างเล่าว่าเป็นการยึดตำแหน่งเจาอี๋คืนไป นับแต่นี้ต่อไปเป็นราษฎร สามัญคนหนึ่ง
หลังจากกงกงอ่านพระราชโองการแล้ว หลินชิงเวยโน้มกายลงกล่าวว่า “ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี”
กงกงย่อมรู้ถึงสาเหตุของเรื่องนี้อยู่ไม่มากก็น้อย เมื่อเห็นสายตาเรียบเฉยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของหลินชิงเวย ยแล้วจึงได้แต่ทอดถอนใจ เขาส่งมอบราชโองการให้ถึงมือหลินชิงเวย “แม่นางหลินลุกขึ้นเถิด ฝ่าบาทตรัสแล้วขอเพียงแม ม่นางหลินยินดี แม่นางสามารถเข้าออกวังหลวงแห่งนี้ได้ทุกเวลา ตำหนักฉางเหยี่ยนจะยังคงเก็บไว้ให้แม่นางหลินตลอดไป แม่นางยังต้องทำการรักษาโรคของแม่นางสุ่ยจึงยังออกจากวังหลวงไม่ได้ ให้พำนักอยู่ที่นี่ต่อไปเถิดจะได้ไม่ต้องวิ งเข้าออกนอกวังให้ยุ่งยาก นี่เป็นป้ายคำสั่งอนุญาตเข้าออกวังหลวง แม่นางโปรดเก็บรักษาไว้ให้ดี”
กงกงพูดแล้วหยิบป้ายคำสั่งโลหะสีทองแผ่นหนาหนักออกมาชิ้นหนึ่ง เซียวจิ่นมอบป้ายคำสั่งนี้ให้กับนางนั่นยอม หมายความว่าเขาไม่ป้องกันนางแม้แต่น้อย
นิ้วมือของหลินชิงเวยลูบไล้ไปตามลวดลายบนป้ายคำสั่งนั้น ในใจพลันรู้สึกใจหายอยู่บ้าง
กงกงเห็นเช่นนั้นจึงถอนใจอีกครั้ง “แม่นางรู้พระทัยฝ่าบาทดี เหตุใด…”
หลินชิงเวยช้อนตาขึ้นมองกงกงตรงๆ นางพูดขัดขึ้นว่า “หลินชิงเวยขอบคุณกงกงที่เป็นธุระให้ รบกวนฝากคำพูดกงกง งกลับไปว่าข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก ป้ายคำสั่งนี้ข้ารับเอาไว้”
เรื่องมาถึงขั้นนี้กงกงไม่อาจพูดอันใดได้อีก จึงได้แต่รับคำแล้วออกจากตำหนักฉางเหยี่ยน
หลินชิงเวยถือราชโองการไว้ในมือ น้ำหนักในมือนั้นกลับทำให้หัวใจของนางพลันรู้สึกหนักอึ้ง นางรู้ดีว่าขอเพียง งนางต้องการจากไปเซียวจิ่นย่อมรับปากนาง ในเมื่อนี่เป็นเรื่องที่ทั้งสองคนต่างได้ตกลงกันแล้ว มาบัดนี้เซียวเย ยี่ยนทูลขอราชโองการฉบับนี้แทนนาง นางจึงมิต้องไปทูลขอราชโองการเองให้กระอักกระอ่วน นางไม่ปรารถนาเพิ่มความเจ็บปว วดให้เซียวจิ่นอีก
เมื่อมีราชโองการฉบับนี้ นับแต่นี้ต่อไปนางเป็นไทแก่ตัวอย่างแท้จริง วังหลวงอันกว้างใหญ่แห่งนี้มิอาจกักขังนางได ด้อีก
เหล่านางกำนัลและขันทีต่างพากันถอยออกไป เหลือเพียงซินหรูรั้งอยู่ข้างกายหลินชิงเวยเงียบๆ ไม่ว่าอย่างไรนางก ก็ไม่ยอมให้เซ่อเจิ้งอ๋องรังแกพี่สาวอีก
เซียวเยี่ยนยืนอยู่เบื้องหน้านางนานมาก
หลินชิงเวยอดคิดถึงเมื่อก่อน นางเคยพูดไว้ใช่หรือไม่ว่าหากมีวันหนึ่งนางโบยบินออกไปสู่ท้องฟ้าและแผ่นดินอันกว้า างใหญ่ นางขอให้เซียวเยี่ยนอย่าปล่อยมือนาง หาไม่แล้วนางจะบินไปให้ไกลและไม่กลับมาอีกเลย
เวลานั้นเซียวเยี่ยนพูดอย่างไรแล้วนะ
ดูเหมือนเขาพูดว่า หากนางจะบิน เขาชิงชังนักที่มิอาจเด็ดปีกของนาง
เวลานั้นนางลอบคิดในใจว่าหากบุรุษคนนั้นเป็นเขาแล้วละก็ นางยินดีถูกเด็ดปีกรั้งอยู่ข้างกายเขาชั่วชีวิต
เวลานี้เมื่อคิดขึ้นมาแล้ว ช่างน่าขันและน่าเยาะหยันสิ้นดี
หลินชิงเวยเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของนางยังคงกระจ่างใสดังเดิม เพียงแต่ในแววตานั้นไร้ความอบอุ่นและสดใสอีกต่อไ ไป นางยังคงยิ้มแย้มดังเดิมและถามว่า “เซ่อเจิ้งอ๋องเชิญพระราชโองการมา คิดว่าคงได้เตรียมค่ารักษามาด้วยแล้ว ตั๋ว วเงินเล่า?”
ห้าสิบหมื่นตำลึง ย่อมไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ หากเซียวเยี่ยนรั้งตำแหน่งเซ่อเจิ้งอ๋องและชินอ๋องในอดีตอย่างซื่อสัต ตย์ เงินจำนวนห้าสิบหมื่นตำลึงนี้ถือได้ว่าเป็นมรดกส่วนหนึ่งของเขาได้เลยทีเดียว
เพียงแต่ต่อให้เงินจำนวนมากกว่านี้สำหรับเซียวเยี่ยนแล้วยังคงเป็นเพียงก้อนเมฆที่ลอยละล่อง ขอเพียงรักษาชีวิตขอ องสตรีที่เขารักได้ เขาล้วนไม่เสียดาย
เซียวเยี่ยนยื่นมือออกมาให้หลินชิงเวย ในมือนั้นเป็นตั๋วเงินปึกหนาปึกหนึ่ง หลินชิงเวยไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ ราวกับรังเกียจที่จะสัมผัสถูกเขา นางกล่าวเพียงว่า “ซินหรู นับดูว่าครบหรือไม่”