ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 11 บทที่ 323 ไม่มีค่า
ซินหรูรับคำแล้วรับไปนับอย่างละเอียดถี่ถ้วน เงินค่ารักษาประเภทนี้ ห้ามขาดไปแม้แต่ครึ่งตำลึง
ซินหรูนับอยู่อึดใจหนึ่งจึงเงยหน้าขึ้น “พี่สาว ครบเจ้าค่ะ”
หลินชิงเวยยกยิ้มมุมปากคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ดีมาก นำกลับไปเก็บรักษาไว้ให้ดี” ซินหรูถือตั๋วเงินไว้ในมือทว่ากลับลังเลใจไม่ยอมออกไป นางกลัวว่าทันทีที่นางออกไปหลินชิงเว วยต้องเจ็บช้ำน้ำใจอีกครั้ง
หลินชิงเวยก้มหน้า แววตานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางยื่นมือออกไป ปลายนิ้วเรียวเล็กนั้นมีหยกประดับเอวสีม่วงชิ้นหนึ่ง พู่ห้อยข้างบนนั้นกำลังขยับไหวไปมาน้อยๆ หลินชิงเวยกล่าวว่ า “นี่เป็นสิ่งของแทนตัวของเซ่อเจิ้งอ๋อง เมื่อก่อนข้าครอบครองตามอำเภอใจโดยไม่ละอาย บัดนี้สิ่งของนี้กลับคืนสู่เจ้าของ อ้อ ถูกต้องแล้วยังมีสิ่งนี้อีก” นางยกมืออีกข้างหนึ่ง งขึ้นมาดึงหยกรัดผมที่นางห้อยคอไว้ตลอดเวลาออกมาหมุนอยู่รอบปลายนิ้วมือของนาง
หยกรัดผมสีเขียวนั้นใส่ติดตัวแนบกับผิวของนางมาเป็นเวลานาน ดูเหมือนกลับส่องประกายโปร่งแสงขึ้นกว่าเดิม สีเขียวอ่อนท่ามกลางแสงตะวันนั้นสะอาดบริสุทธิ์ดึงดูดสายตา
ทว่ากลับทำให้แววตาของเซียวเยี่ยนวูบไหว เขาค่อยๆ ละสายตามาตกลงบนใบหน้าของหลินชิงเวย กลับพบเพียงรอยยิ้มบนใบหน้าที่เขาไม่เห็นช่องโหว่ให้โจมตีแม้แต่น้อย
หลินชิงเวยหมุนสิ่งของสองสิ่งนั้นเล่นเบาๆ นางเลิกคิ้วและพูดว่า “เซ่อเจิ้งอ๋องไม่ยินดีรับกลับไป? มิใช่บอกว่าหยกประดับเอวสีม่วงนี้ สำหรับเซ่อเจิ้งอ๋องแล้วสำคัญยิ่งนักหรือ ? หากไม่ต้องการ เช่นนั้นข้าคงได้แต่นำออกไปแลกเปลี่ยนในโรงรับจำนำนอกวัง”
สุดท้ายเซียวเยี่ยนกล่าวว่า “หยกสีม่วงนั้นเปิ่นหวางเก็บไว้ หยกสีเขียวนั้นแล้วแต่เจ้าจะจัดการ”
พูดแล้วเขายื่นมือออกมารับ ขณะที่กำลังจะสัมผัสถูกมือของหลินชิงเวย นางกลับผ่อนปลายนิ้วปล่อยให้หยกสีม่วงนั้นตกลงกลางฝ่ามือของเซียวเยี่ยน ฝ่ามือของเซียวเยี่ยนชะงักค้างพ พลันได้ยินหลินชิงเวยพูดกลั้วหัวเราะ “เซ่อเจิ้งอ๋องไม่ยินดีรับหยกสีเขียวนี้คืน? ให้ข้าจัดการเองจริงๆ หรือ?”
“อืม”
หลินชิงเวย “หลายวันนี้ข้าตรวจนับสิ่งของในห้องเก็บของ พบว่ามีสิ่งของล้ำค่าหายากไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อก่อนข้าคิดว่าหยกสีเขียวชิ้นนี้เป็นสิ่งของล้ำค่าถึงกับสวมติดกายตลอ อดมา เวลานี้ดูแล้วมันไม่ได้เป็นของล้ำค่าอันใดเลย ไม่แปลกที่เซ่อเจิ้งอ๋องจะไม่ต้องการ เช่นนั้นข้าจัดการเองก็แล้วกัน” พูดแล้วหมุนกายไปเห็นขันทีคนหนึ่งกำลังกวาดลานเรือนอย ย่างตั้งอกตั้งใจ นางจึงกวักมือเรียกเขา ขันทีเข้ามาหยุดเบื้องหน้า นางยื่นหยกสีเขียวชิ้นนั้นให้เขา “นี่เป็นสิ่งของที่เซ่อเจิ้งอ๋องให้รางวัลเจ้า”
สำหรับขันทีแล้วนั้นย่อมเป็นสิ่งของล้ำค่า ขันทีผู้นั้นตะลึงงัน เขาเพียงแต่กวาดพื้นตามหน้าที่ เหตุใดจึงให้รางวัลเขาด้วยสิ่งของมีค่าเช่นนี้? ดังนั้นเขาไม่กล้ารับ
เซียวเยี่ยนมองนางแล้วพูดเสียงต่ำ “สิ่งของนี้สำหรับเจ้าแล้ว ไม่มีค่าเช่นนี้จริงๆ หรือ?”
หลินชิงเวย “มีค่าหรือไม่ มิใช่เซ่อเจิ้งอ๋องตัดสิน หากข้ายินดีต่อให้เป็นดินก้อนหนึ่งก็เป็นสิ่งของล้ำค่า เงินพันตำลึงก็กลายเป็นเพียงเศษดินได้เช่นกัน เมื่อสักครู่มิใช่เพิ่ง งรับเงินจากเซ่อเจิ้งอ๋องห้าสิบหมื่นตำลึงหรือ เวลานี้สิ่งที่ข้ามีคือเงิน อย่างไรเล่า เซ่อเจิ้งอ๋องไม่เห็นด้วย?”
เซียวเยี่ยมเม้มปาก สุดท้ายยังคงรับหยกสีเขียวนั้นกลับคืนมา “ช่างเถิด”
หลินชิงเวยพูดกลั้วหัวเราะ “นับแต่นี้ต่อไป ท่านกับข้าไม่มีอะไรติดค้างกันอีก บัดนี้มีเพียงความเกี่ยวข้องเป็นหมอและผู้ป่วยเท่านั้น เชิญเซ่อเจิ้งอ๋องกลับเถิด ขอเวลาข้าเตรียม มตัวสักหน่อย พรุ่งนี้ข้าจะไปทำการรักษาแม่นางสุ่ย”
ก่อนหน้าที่นางจะไล่เซียวเยี่ยน นางได้หมุนกายอย่างรวดเร็วและไม่หันกลับมามอง
วันรุ่งขึ้น หลินชิงเวยสะพายล่วมยาไปตำหนักซวี่หยางด้วยตนเอง เวลานี้ซินหรูติดตามนางไม่ยอมห่างแม้เพียงครึ่งก้าว ขอเพียงหลินชิงเวยอยู่ในวัง ไปที่ไหนนางล้วนไปด้วยทั้งสิ้น อีกทั้งไปตำหนักอวี้หลิงซึ่งอยู่ในตำหนักซวี่หยาง ซินหรูจะไม่ไปด้วยได้อย่างไร
ตำหนักอวี้หลิงมีกลิ่นอายความมีชีวิตชีวามากขึ้นด้วยการมาถึงของสุ่ยฉ่ายชิง เมื่อก่อนเซียวเยี่ยนพำนักอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว ยามกลางวันยากนักที่จะเห็นนางกำนัลสักคน มาบัดนี้ท ทั้งนอกในตำหนักล้วนมีนางกำนัลเฝ้าปรนนิบัติ
เข้ามาในห้อง ภายในจุดเครื่องหอม มีนางกำนัลสองนางยืนเฝ้า เซียวเยี่ยนปลีกตัวหาเวลากลับมาเช่นกัน เวลานี้เขายืนอยู่ข้างเตียงของสุ่ยฉ่ายชิง ในมือมีถ้วยเปล่าหนึ่งใบ ดูท่าแ แล้วน่าจะเพิ่งป้อนนางดื่มยา
สุ่ยฉ่ายชิงเห็นหลินชิงเวยเข้ามาจึงพยายามฝืนกายลุกขึ้นเพื่อแสดงการคารวะ หลินชิงเวยกลับพูดว่า “แม่นางสุ่ยไม่ต้องมากพิธี บัดนี้ข้าไม่ใช่เจาอี๋ เป็นเพียงหมอชาวบ้านธรรมดาคน นหนึ่ง มาที่นี่เพื่อทำการรักษาแม่นางเท่านั้น”
ใบหน้าของสุ่ยฉ่ายชิงปรากฏให้เห็นรอยยิ้มบางๆ “แม่นางหลินมีน้ำใจแล้ว ได้ยินว่าวิชาแพทย์ของแม่นางหลินล้ำเลิศ มารักษาฉ่ายชิงด้วยตัวเอง ฉ่ายชิงซาบซึ้งยิ่งนัก”
หลินชิงเวยหัวเราะ “แม่นางสุ่ยยิ่งไม่ต้องเกรงใจ ข้าเป็นหมอ รับเงินของผู้อื่นแล้วย่อมต้องทำงานตอบแทน นี่เป็นเรื่องถูกต้องทำนองคลองธรรมอยู่แล้ว อีกทั้งเซ่อเจิ้งอ๋องยินดีออก กค่ารักษาห้าสิบหมื่นตำลึงเพื่อให้ข้ารักษาแม่นาง ตั้งแต่ข้าเป็นหมอยังไม่เคยพบเห็นผู้ใดมีจิตใจกว้างขวางเช่นนี้มาก่อน โรคนี้ข้าไฉนจึงไม่รักษาเล่า”
สุ่ยฉ่ายชิงตกตะลึง รอยยิ้มบนใบหน้านางเกร็งค้างเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นมองเซียวเยี่ยน นั่นเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยจริงๆ เขาถึงกับหักใจมอบให้หลินชิงเวยได้ เพื่อรักษาโรคให ห้กับนาง ส่ายฉ่ายชิงพลันรู้สึกซาบซึ้งใจและมีความรู้สึกบางอย่างในขณะเดียวกัน
ต่อให้เป็นผู้ใดที่ปากใหญ่ราวกับพยัคฆ์ก็มิอาจเรียกเงินค่ารักษาในราคาสูงเสียดฟ้าห้าสิบหมื่นตำลึง เงินห้าสิบหมื่นตำลึงนั้นดูเหมือนเป็นเงินของนางเองอย่างไรอย่างนั้น ไยไม ม่ปวดใจเล่า
เพียงเวลานี้มองไปเห็นเซียวเยี่ยนหลุบตาลงครึ่งหนึ่งกำลังมองหลินชิงเวย ในแววตานิ่งลึกนั้นสับสน มิใช่แววตาที่ใช้มองคนทั่วไป
หลินชิงเวยส่งเสียง “เชิญแม่นางสุ่ยยื่นมือออกมา”
สุ่ยฉ่ายชิงยื่นมือขาวราวกับหิมะออกมา หลินชิงเวยตรวจชีพจรของนาง ถามไถ่อาการของโรคในเวลาปกติรวมไปถึงเมื่อแรกที่เป็นโรคนี้
หลินชิงเวย “แม่นางสุ่ยเป็นโรคหอบเพราะตกลงไปในน้ำ คิดว่าน้ำในปอดยังไม่ได้รับการขับออกมาจนหมด จึงทำให้ร่างกายได้รับความเย็น ในส่วนของปอดจึงยังหลงเหลือสิ่งของไม่สะอาด เมื่อเวลาผ่านนานไปย่อมทำให้หลอดลมและปอดภายในร่างกายถูกครอบคลุมด้วยน้ำ ทำให้เกิดเป็นอาการของโรค”
นี่สำหรับหลินชิงเวยแล้วไม่ได้เป็นโรคที่รักษายากแต่อย่างใด เพียงแต่ร่างกายของสุ่ยฉ่ายชิงอ่อนแอ ทันทีที่โรคหอบกำเริบจึงดูเหมือนแทบจะคร่าชีวิตนาง
คนลักษณะเช่นนี้ จึงจะสมควรมีค่าพอให้คนยิ่งต้องปกป้องคุ้มครองกระมัง
หลินชิงเวยหันหน้าไปมองเตากำยานแวบหนึ่ง “แม่นางสุ่ยชอบใช้เครื่องหอม?”
สุ่ยฉ่ายชิง “เพียงแต่เนิ่นนานไปจึงกลายเป็นความเคยชินเท่านั้น”
การใช้เครื่องหอมเป็นเรื่องที่นิยมแพร่หลายในแผ่นดินต้าเซี่ย
หลินชิงเวยเลิกคิ้ว “ระหว่างที่แม่นางสุ่ยออกไปพักฟื้นร่างกายข้างนอกรวมไปถึงหลังจากกลับเข้ามาในวัง ท่านหมอข้างนอกและหมอหลวงในวังล้วนไม่ได้เตือนแม่นางสุ่ยมาก่อนเลยหรือว่ า การจุดเครื่องหอมส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของแม่นางอย่างง่ายดาย ทำเช่นนี้ไม่ส่งผลดีกับโรคของแม่นางแม้แต่น้อย”
สุ่ยฉ่ายชิงตะลึงงัน “ไม่มี…”
หลินชิงเวยกำลังก้มหน้า ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหรี่ตาเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของสุ่ยฉ่ายชิง
แค่เพียงชั่วพริบตา นางกระจ่างแจ้งแก่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดปด
หลินชิงเวยยิ้มให้สุ่ยฉ่ายชิงอย่างรู้ทัน ทว่าไม่ได้เปิดโปงนาง ในทางตรงข้ามกลับเห็นสีหน้าของสุ่ยฉ่ายชิงซีดขาวลงสองส่วน
ระหว่างที่สุ่ยฉ่ายชิงพักฟื้นร่างกายอยู่ข้างนอก ล้วนมีท่านหมอมีชื่อในละแวกใกล้เคียงคอยดูแลอยู่เสมอ การมีโรคเช่นนาง ต่อให้เป็นหมอธรรมดาต่างรู้ดีว่า ระบบทางเดินหายใจและ ะหลอดลมไม่อาจได้รับการกระตุ้น หาไม่แล้วจะทำให้โรคกำเริบขึ้นอย่างง่ายดาย