ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 11 บทที่ 324 นางเพียงไม่อยากยุ่งยาก
เพียงแต่หมอหลวงอาวุโสในวังหลวงเหล่านี้ ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายมาโดยตลอด อีกทั้งในวังไม่มีผู้ใดเป็นโรคนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อพวกเขาทำการรักษาสุ่ยฉ่ายชิงจึงอาจจะมีบางเรื่อ องที่มองข้ามไปเป็นธรรมดา
หลินชิงเวยสั่งนางกำนัล “ไปดับเตากำยานเสีย เปิดหน้าต่างระบายอากาศ”
สตรีโดยส่วนใหญ่มักนิยมชมชอบเครื่องหอมเป็นที่สุด เมื่อจุดเครื่องหอมภายในห้องไม่เพียงให้กลิ่นหอม อีกทั้งเนิ่นนานไป กลิ่นหอมเหล่านี้จะติดตัวไปด้วย เพียงแต่บัดนี้สุ่ยฉ่ายชิงล้ม มป่วยก็ยังไม่ลืมจุดเครื่องหอมเพื่อให้เซียวเยี่ยนได้กลิ่นหอมแล้วสบายอกสบายใจ ยามนี้ได้ยินหลินชิงเวยพูดเช่นนี้ นางกำนัลได้แต่นำน้ำเย็นมาราดลงบนเตากำยานเพื่อดับกลิ่นเค ครื่องหอม แล้วจึงเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท
สายลมพัดเข้ามาในห้องทันใด อย่างน้อยก็ให้ความรู้สึกสดชื่นขึ้น
มีซินหรูเป็นผู้ช่วยหลินชิงเวยจึงใช้เวลาสั้นๆ เพียงชั่วหนึ่งก้านธูปก็สามารถทะลวงจุดเพื่อกระตุ้นชีพจรของสุ่ยฉ่ายชิง
หากต้องการรักษาโรคหอบของสุ่ยฉ่ายชิงให้หายขาด ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการรักษาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่อาจรักษาให้หายในครั้งเดียว หลินชิงเวยแบ่งช่วงการรักษาเป็นสามขั้นตอน โ โอสถที่นางปรุงไว้ก่อนหน้านี้จึงได้ใช้ประโยชน์ นางวางโอสถลงขวดหนึ่ง “ยานี้กินครั้งละสามเม็ด วันละสามครั้ง หากกินหลังอาหารโดยใส่ลงไปในยาน้ำจะยิ่งให้ผลดีขึ้น” พูดแล้วห หยิบพู่กันมาเขียนเทียบยาใบหนึ่งแล้วยกมือขึ้นโยนให้เซียวเยี่ยน อักษรบนนั้นเขียนด้วยลายมือหวัดวุ่นวายไปมา หากเป็นคนทั่วไปคงอ่านไม่ออก หลินชิงเวยไม่แม้แต่จะมองสบตาเซียว เยี่ยน นางพูดเรียบๆ ว่า “นี่คือเทียบยาใหม่ ไปจัดยาที่สำนักหมอหลวง ต้มและดื่มตามเวลาที่เขียนไว้” อีกด้านหนึ่งซินหรูเริ่มเก็บสิ่งของในล่วมยา ร่างเล็กๆ นั้นสะพายล่ว วมยาขึ้นไหล่ด้วยท่าทีทะมัดทะแมงยิ่งยวด หลินชิงเวยยืดกายลุกขึ้น “ต่อไปข้าจะมาทำการฝังเข็มให้แม่นางทุกๆ สองวัน หากแม่นางสุ่ยมีอาการใดๆ ต้องรีบบอกกับข้าทันที ไม่รบกวนท่า านทั้งสองแล้ว ขอตัวก่อน”
เซียวเยี่ยนมองเงาร่างด้านหลังของหลินชิงเวยแล้วพูดกับเสี่ยวฉีที่อยู่ด้านนอกประตูว่า “ส่งแม่นางหลินออกไป”
กำลังจะก้าวออกประตูไปเห็นเสี่ยวฉียืนเฝ้าอยู่ที่นั่นอย่างสงบตั้งแต่เมื่อใดก็สุดรู้ หลินชิงเวยยกเท้าก้าวเดินผ่านร่างของเขา ดวงตาทั้งคู่ของนางมองตรงไปยังทางที่กำลังเดิ น นางพูดขึ้นเรียบๆ “ไม่จำเป็นต้องส่ง ข้ารับไว้ไม่ไหว”
เสี่ยวฉีตะลึงงัน แต่ยังคงยืนกรานเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายไปส่งนางและซินหรู ซินหรูหันกลับมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าไม่ได้ยินหรือไร พี่สาวบอกแล้วว่าไม่ต้องส่ง พวกเรารั บเอาไว้ไม่ไหว”
เสี่ยวฉีชะงักเท้าอยู่กับที่อย่างอับจนปัญญา
ตำหนักอวี้หลิงอย่างไรก็ถือได้ว่าอยู่ในตำหนักซวี่หยาง เซียวจิ่นพำนักอยู่ในตำหนักซวี่หยางย่อมต้องพบกันเป็นบางครั้ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเจตนาหรือไม่ เมื่อหลินชิงเวยก้า าวออกมาจากตำหนักอวี้หลิงกลับพบเซียวจิ่นอยู่ในอุทยาน
ที่จริงเซียวจิ่นเจตนามารอนาง เขากำลังนั่งอยู่ข้างโต๊ะหิน บนโต๊ะหินอ่อนมีผลไม้ น้ำชา และของว่างวางอยู่
เดิมทีหลินชิงเวยคิดจะเดินอ้อมไป คิดไม่ถึงว่ากงกงผู้มีสายตาแหลมคมกลับวิ่งเหยาะๆ เข้ามา “แม่นางหลิน ฝ่าบาทเชิญท่านไปดื่มน้ำชาสักถ้วยขอรับ”
ย่างก้าวของหลินชิงเวยหยุดชะงัก นางช้อนตาขึ้นมองไปทางโต๊ะหินที่อยู่ใต้ต้นหลิ่ว เห็นเซียวจิ่นในอาภรณ์ทั่วไปกำลังนั่งอยู่ข้างโต๊ะหินเพียงลำพัง มือขาวสะอาดนั้นกำลังจับถ ถ้วยน้ำชา ต้นหลิ่วที่อยู่บนศีรษะนั้นไหวพลิ้วไปตามแรงลม ยิ่งขับให้เขาดูเหมือนคุณชายรูปงามอบอุ่นประดุจหยก
หลินชิงเวยมองซินหรู “เจ้านั่งพักที่นี่สักครู่ ข้าไปประเดี๋ยวเดียว”
ซินหรูได้แต่พยักหน้าหงึกๆ
หลินชิงเวยเดินตามกงกงท่านนั้นไปถึงในอุทยาน ขณะที่หลินชิงเวยกำลังจะถวายบังคม เซียวจิ่นหันหน้ามามองนางและพูดว่า “เจ้าไม่ต้องมากพิธี” รอยยิ้มที่เขามองหลินชิงเวยมักจะมีควา ามโดดเดี่ยวอ้างว้างอยู่เสมอ
ทั้งๆ ที่รักนางปานนั้นกลับไม่อาจไม่ผลักนางออกไปด้วยมือของตนเอง ทำได้เพียงมองนางยิ่งห่างไกลออกไปทุกที ความรู้สึกชนิดนั้นทำให้เซียวจิ่นเป็นทุกข์ มาบัดนี้เขาควบคุมมันได้ แล้วเช่นกัน รอยยิ้มบนใบหน้าจึงเป็นธรรมชาติ แลดูอบอุ่นอ่อนโยน
อย่างไรท้ายที่สุดเซียวเยี่ยนเองก็ไม่ได้นางมาครอบครองเช่นกันไม่ใช่หรือ
บางครั้งเขาทั้งเกลียดทั้งแค้นเซียวเยี่ยน ชิงชังที่ตนเองไม่อาจเปลี่ยนเป็นเซียวเยี่ยนได้ เช่นนี้แล้วเขาย่อมได้รับความรักของหลินชิงเวย เกิดอะไรขึ้นกับเซียวเยี่ยนกันแน่ เข ขาถูกสิ่งใดบดบังให้ดวงตามืดบอดถึงขั้นมองไม่เห็นคนที่ควรค่าแก่การทะนุถนอมเบื้องหน้าคนนี้
นี่คงเป็นเพราะวาสนาโชคชะตาล้วนกำหนดโดยเบื้องบน สตรีเบื้องหน้านางนี้ไม่เป็นของผู้ใดทั้งสิ้น อย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน
เดิมทีหลินชิงเวยคิดจะกล่าวคำว่า “ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ” แต่ถูกคำพูดเพียงประโยคเดียวของเซียวจิ่นที่ว่า “ไม่ต้องมากพิธี” จึงได้กลืนคำพูดนั้นกลับลงคอไป เซียวจิ่นพูดอีกว่า า “ชิงเวย นั่งเถิด”
หลินชิงเวยนั่งลงตรงข้ามเขา
เซียวจิ่นถามขึ้นว่า “เจิ้นรู้ว่าเจ้าเพิ่งออกมาจากตำหนักอวี้หลิง เข้าไปตรวจอาการของแม่นางสุ่ย?”
หลินชิงเวย “ไม่ใช่โรคที่ยากแก่การรักษาอันใดเพคะ เพียงดูแลรักษาสุขภาพให้ดีย่อมยากที่จะกำเริบขึ้นอีก หม่อมฉันเก็บเงินค่ารักษาจากเซ่อเจิ้งอ๋อง จะรักษาโรคให้นางก็ไม่กระไร รเพคะ”
เซียวจิ่นพยักหน้า “เรื่องเงินค่ารักษานั้นเจิ้นพอรู้อยู่บ้าง เสด็จอาขอพระราชโองการจากเจิ้น บอกว่าเป็นเงื่อนไขในการรักษาแม่นางสุ่ย บัดนี้นับว่าเจ้าสมปรารถนาแล้ว ได้รับอิส สระคืนมา”
หลินชิงเวยพูดกลั้วหัวเราะ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงส่งเสริมเพคะ”
เซียวจิ่นมองนางนิ่ง “เหตุใดเจ้าไม่มาด้วยตนเองเล่า? หากเจ้าเอ่ยปาก เจิ้นย่อมรับปากแน่นอน นี่เป็นเรื่องที่พวกเราได้ตกลงกันไว้แต่แรกแล้วมิใช่หรือ?”
หลินชิงเวย “ถูกต้องเพคะ เราได้ตกลงกันแล้ว แต่หากทำร้ายจิตใจกันน้อยลงได้ก็ควรทำมิใช่หรือ หม่อมฉันไม่ใช่คนใหญ่คนโต แค่เพียงพระราชโองการฉบับเดียวของฝ่าบาทก็คลี่คลายปัญหา าได้ ยังจะมีสิ่งใดให้หม่อมฉันต้องไปพูดกับฝ่าบาทด้วยตัวเองเพคะ”
เซียวจิ่น “เจ้าเกรงว่าเจิ้นจะเป็นทุกข์?”
หลินชิงเวย “ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันเพียงแต่กลัวความยุ่งยาก”
เซียวจิ่นจิบน้ำชาคำหนึ่ง เขายิ้มอ่อนโยน เขามองกิ่งหลิ่วที่ไหวพลิ้วอยู่เบื้องหน้า “ต่อไปไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใด ให้เจิ้นรู้ว่าเจ้าอยู่ที่ใดได้หรือไม่? ชิงเวย เจ้าวางใจเถิด เจิ้นไม่รบกวนเจ้า เจิ้นขอเพียงรู้ว่าเจ้ามีชีวิตที่ดีหรือไม่”
หลินชิงเวยหรี่ตาลง “แผ่นดินทั้งใต้หล้านี้เป็นของฝ่าบาท หากฝ่าบาทต้องการหาตัวหม่อมฉันจริงๆ ไหนเลยจะมีที่ให้หม่อมฉันซ่อนตัวได้เพคะ? ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย หม่อมฉันไม่หลบซ ซ่อนตัวเพคะ”
“เช่นนั้นก็ดี”
หลินชิงเวยลุกขึ้น “เวลาไม่เช้าแล้ว หม่อมฉันทูลลาเพคะ”
แววตาของเซียวจิ่นปรากฏให้เห็นความเจ็บปวด ราวกับช่องว่างระหว่างพวกเขากว้างขึ้นเรื่อยๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนา แต่เป็นตัวนางเองที่ทำตัวห่างเหินเช่นนี้
เซียวจิ่นพยักหน้า “เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด”
หลินชิงเวยถวายบังคมแล้วหันกายจากไป นางและซินหรูออกจากตำหนักซวี่หยางพร้อมกัน เซียวจิ่นมองเงาร่างด้านหลังของนางจนลับผ่านพุ่มไม้ สุดท้ายหายไปในอุทยานจนมองไม่เห็นคน
หลินชิงเวยและซินหรูกำลังจะเดินมาถึงประตูชั้นที่สองก็พบกับซีเฟยที่กำลังเดินมุ่งหน้ามาทางนี้ นางกำนัลข้างกายนางถูกเปลี่ยนใหม่ ดูแล้วเป็นนางกำนัลที่รู้หนักเบา หัวไวแ และสายตาแหลมคม
เมื่อซีเฟยเดินเข้ามาใกล้หลินชิงเวยก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยถือเป็นการทักทาย แววตาของซีเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย สุดท้ายได้แต่ทอดถอนใจเบาๆ
ย้อนคิดถึงเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ นางเพิ่งจะพูดจาเปิดอกกับหลินชิงเวย คิดไม่ถึงว่าผ่านมาไม่นานเซ่อเจิ้งอ๋องกลับวัง ข้างกายเขากลับมีสตรีอื่น ซ้ำเซ่อเจิ้งอ๋องยังประสงค์ให้ นางเข้านอกออกในทุกวันเพื่อทำการรักษาโรคให้กับสตรีในดวงใจ นี่สำหรับหลินชิงเวยแล้วจะเป็นความรู้สึกอย่างไรนะ
หลินชิงเวยไม่ใช่สตรีธรรมดาสามัญทั่วไป ความรู้สึกและอารมณ์ของนางไม่ปรากฏบนใบหน้าง่ายๆ กระทั่งซีเฟยก็ยังมองไม่เห็นร่องรอยใดๆ ไม่รู้ว่าในใจนางตอนนี้รู้สึกอย่างไร แต่อย่างไร รย่อมไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีแน่
ซีเฟย “ไม่เจอกันหลายวัน เจาอี๋…แม่นางดูเหมือนผอมซูบไปไม่น้อย”