ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 11 บทที่ 326 รอเจ้าอยู่นานแล้ว
หลินชิงเวยมองเถ้าแก่แล้วยิ้มบางๆ “เถ้าแก่ ข้าไม่ใช่คนโง่เขลาที่ไม่รู้จักสินค้า แต่ในเมื่อเถ้าแก่เป็นคนทำการค้าย่อมพูดไม่ได้ว่านี่เป็นการหลอกลวง ราคานี้ข้าไม่พอใจ ในเ เมื่อเจรจาแล้วราคาไม่เป็นที่พอใจก็ไม่เป็นไร”
เถ้าแก่ผู้นี้เห็นนางเป็นคนมีเงินที่ไร้สติปัญญาหรือไร แม้โรงรับจำนำแห่งนี้จะเป็นโรงรับจำนำแห่งใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง แต่ยังมีโรงรับจำนำที่น่าเชื่อถือร้านอื่นอีกเช่นกัน พ พูดประโยคนี้จบ หลินชิงเวยลุกขึ้นไปยังโต๊ะคิดเงินเก็บห่อสัมภาระของตนเองกลับมา
เถ้าแก่เห็นเช่นนั้นจึงรีบกล่าวว่า “คุณชายช้าก่อน เรื่องใดๆ ย่อมปรึกษากันได้ หากคุณชายไม่พอใจในราคานี้ คุณชายเสนอราคาได้”
หลินชิงเวยหันหน้ากลับมายกยิ้มให้เถ้าแก่ “เพิ่มอีกหนึ่งเท่า สามหมื่น”
ใบหน้าของเถ้าแก่ผู้นั้นปรากฏให้เห็นความปวดใจในชั่วขณะ หลินชิงเวยพูดอย่างเห็นขัน “ต่อให้เป็นเงินสามหมื่น ข้าก็เชื่อว่าเถ้าแก่ยังทำกำไรได้อีกมาก ไม่ต้องรีบร้อน เถ้าแก ก่ค่อยๆ ใคร่ครวญ ให้ข้าไปเดินดูร้านอื่นก่อน ข้ายังมีสิ่งของอีกไม่น้อยต้องดูว่าเถ้าแก่มีความจริงใจหรือไม่แล้ว”
หลินชิงเวยสะพายห่อผ้าขึ้นไหล่หันกายกำลังจะเดินออกจากห้องโถงของโรงรับจำนำ อันธพาลหลายคนด้านนอกประตูรีบหลบไปด้านข้าง ทำทีราวกับเป็นผู้คนสัญจรไปมา
หลินชิงเวยเพิ่งจะก้าวเท้าออกนอกประตู เถ้าแก่ก็ไล่ตามหลังมากล่าวว่า “สามหมื่นก็สามหมื่น! ข้าดูแล้วคุณชายเป็นคนรู้จักสินค้าดีคนหนึ่ง ต่อไปเมื่อมีสิ่งของดีๆ อีกอย่าลืมมา าอุดหนุนเล่า”
หลินชิงเวยหันกลับมาพูดด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”
โรงรับจำนำทำงานอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชาก็เตรียมตั๋วเงินจำนวนสามหมื่นตำลึงเรียบร้อย มอบให้ถึงมือของหลินชิงเวยด้วยท่าทีเคารพนอบน้อม หลินชิงเวยรับตั๋วเงินสามหมื่ นตำลึง แล้วหยิบก้อนเงินมอบให้เสี่ยวเอ้อร์ผู้ทำหน้าที่ยกน้ำชา พูดเรียบๆ ว่า “ค่าน้ำชา รางวัลเจ้า”
นับว่าการต่อราคาโดยใช้วิธีต่อราคาครึ่งหนึ่งยังคงเป็นวิธีการต่อราคานับแต่โบราณมาไม่เปลี่ยนแปลง กระทั่งเถ้าแก่ผู้นั้นก็กระจ่างแจ้งในหลักการนี้
นับแต่หลินชิงเวยก้าวออกมาจากโรงรับจำนำก็ตกอยู่ในสายตาของผู้อื่น นางเดินอยู่ในตลาดเพียงลำพังครู่หนึ่ง ร้านเครื่องประดับ ร้านผงชาด ล้วนเป็นสถานที่ที่หญิงสาวในวัยรักสวย ยรักงามเช่นนางเดินเข้าเดินออก
นางเลือกสร้อยข้อมือหยกเส้นหนึ่งในร้านเครื่องประดับ ใช้เงินโบราณร้อยเป็นเส้น งานฝีมือถือได้ว่าละเอียดประณีต ดูแล้วน่ารักและสวยงาม
ทว่ากลับเลือกซื้อสิ่งของดีๆ ในร้านผงชาดไม่ได้ นางและซินหรูต่างไม่ใช้ผงชาด และเครื่องหอมที่เห็นไม่ใช่เครื่องหอมชั้นดี
ต่อมาหลินชิงเวยเข้าไปในร้านของกินเล่น ซื้อของกินเล่นเล็กน้อย สุดท้ายจึงหาหอสุราแห่งหนึ่งขึ้นไปบนชั้นสอง เลือกนั่งลงโต๊ะริมหน้าต่าง เสี่ยวเอ้อร์ยกน้ำชาเข้ามาพร้อมกับส่ง งรายการอาหารมาให้เล่มหนึ่ง
เวลานี้ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ณ ขอบฟ้าเห็นก้อนเมฆที่กำลังกลายเป็นสีแดงเรื่อ
หลินชิงเวยมือหนึ่งถือรายการอาหาร อีกมือหนึ่งเท้าคางของตน กวาดตามองผ่านแวบหนึ่ง สุดท้ายให้เสี่ยวเอ้อร์นำอาหารขึ้นชื่อของหอสุรามาชุดหนึ่ง
เสี่ยวเอ้อร์ฟังไปพร้อมกับจดไปด้วย สุดท้ายเขามีสีหน้าประหลาดใจอยู่บ้างจึงไม่อาจไม่เงยหน้ามองหลินชิงเวยแล้วถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “คุณชาย…มาคนเดียวจริงๆ ใช่หรือไม่ขอรับ?”
หลินชิงเวยเลิกคิ้ว ทว่าไม่ได้ช้อนตาขึ้นมอง “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้างกายข้ายังมีผีอีกสองตัวหรือไร?”
เสี่ยวเอ้อร์ “ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้นขอรับ เพียงแต่คุณชายสั่งอาหารทั้งหมดสิบสองอย่าง หากกินคนเดียว…อาจจะกินไม่หมดขอรับ”
หลินชิงเวยเพิ่งได้สติ “ข้าสั่งเยอะถึงเพียงนั้น?”
“ขอรับ”
นางรู้สึกตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย ทั้งๆ ที่ตนเองมาเพียงคนเดียว แต่นางกลับสั่งอาหารสำหรับสามคนกินโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อก่อนอยู่ในตำหนักซวี่หยาง ทุกมื้อมิใช่มีอาหารสิบสองอ อย่างหรือ หลินชิงเวยเงยหน้าขึ้นมองที่นั่งว่างเปล่าด้านข้างครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “เช่นนั้นสั่งอาหารสองอย่างแรกสุดก็แล้วกัน ข้าชอบกินเผ็ด”
ถึงเวลาอาหารแล้วลูกค้าอื่นๆ ล้วนมาหอสุราเพื่อดื่มกินกันสามคนห้าคนหรือเป็นกลุ่ม น้อยยิ่งนักที่จะมาคนเดียวและนั่งอยู่ริมหน้าต่างเช่นหลินชิงเวย
หอสุราเปลี่ยนเป็นคึกคักขึ้นมาทันที นางกินข้าวเสร็จ ชำระเงินแล้วออกมาจากหอสุรา
ตลาดกลางคืนเพิ่งจะเริ่มขึ้น พ่อค้าขายพุทราเชื่อมแบกพุทราเดินผ่านพร้อมกับส่งเสียงเรียกลูกค้า “ขายพุทราเชื่อม!”
หลินชิงเวยชะงักย่างก้าวของตน นางมองพุทราเชื่อมสดใหม่ลูกโต “ข้าต้องการสองไม้”
นางยังจดจำได้ ครั้งแรกที่นางออกจากวังหลวง นางได้ซื้อเจ้าสิ่งนี้ให้ซินหรู ซินหรูเป็นเด็กผู้หญิงย่อมต้องชอบมากแน่นอน เพียงแต่ต่อมาพบกับมือสังหาร พุทราเชื่อมล้วนตกอยู่ บนพื้นเปื้อนเลือดสดๆ
ภาพเหตุการณ์นั้นราวกับปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน นางยืนจ้องมองพุทราเชื่อมในมือบนถนนครู่หนึ่ง
กระทั่งมีคนเดินผ่านมากระแทกนางครั้งหนึ่ง ร่างของนางโผไปข้างหน้าเล็กน้อย นางจึงได้สติกลับมาสู่ความเป็นจริง
ในความเป็นจริงบนถนนยังคงเต็มไปด้วยความครึกครื้น ถนนสายยาวมีโคมไฟแขวนอยู่เป็นแถว คล้ายคลึงตำหนักซวี่หยางที่สองข้างทางเต็มไปด้วยดอกไห่ถังที่กำลังบานสะพรั่ง ที่นี่ไม่มีมือสัง งหาร ไม่มีร่วมเป็นร่วมตาย และไม่มี…บุรุษชื่อเซียวเยี่ยนที่คอยปกป้องนางไว้ข้างหลัง
มีนางคนเดียวเท่านั้น
นางเก็บพุทราเชื่อมลงในถุงกระดาษสำหรับใส่ของกินเล่น พ่อค้าขายพุทราเชื่อมเดินห่างออกไปไกลโยชน์ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเรียกลูกค้าของเขา
หลินชิงเวยก้มหน้าหัวเราะ นางช้อนตาขึ้นมา จูงม้าของตนมุ่งหน้าเดินต่อไป
กลับวังหลวงเวลานี้เป็นเวลาไม่เร็วไม่ช้า
เมื่อสิ้นสุดถนนอันคึกคัก เส้นทางมุ่งสู่วังหลวงเงียบสงบลงไม่น้อย สีสันของโคมไฟสองข้างทางไม่แดงสดเช่นเมื่อครู่ ผู้คนบนถนนมีไม่กี่คน
หลินชิงเวยยังไม่ทันขึ้นม้า คนบนถนนเหล่านั้นดูเหมือนพุ่งจากทุกทิศทางมาโอบล้อมนางเอาไว้ กระทั่งขวางทางไปของนาง
หลินชิงเวยช้อนตาขึ้นมอง เห็นบุรุษอันธพาลห้าหกคนขวางหน้าตน เสื้อผ้าบนร่างกายของพวกเขาล้วนเป็นผ้าเนื้อหยาบ ทั้งๆ ที่ยืนห่างจากพวกเขาสามถึงห้าก้าวแต่ยังคงได้กลิ่นอันไม ม่พึงประสงค์ที่กำจายออกจากร่างของพวกเขาได้
หลินชิงเวยมองพวกเขาด้วยสีหน้าไม่บอกความรู้สึก เห็นแววตาละโมบและความไม่ประสงค์ดีในแววตาของพวกเขาชัดเจน
บุรุษผู้เป็นหัวหน้าเดินขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พยักพเยิดปลายคางเล็กน้อย ตวัดสายตามองหลินชิงเวยยิ้มๆ “น้องชาย ข้าเห็นเจ้าหน้าตาผิวพรรณไม่เลวทีเดียว น่าจะไม่เคยเจอความลำบาก กกระมัง แต่มืดค่ำดึกดื่นเช่นนี้เดินทางไม่ปลอดภัยนัก” พูดแล้วแววตาก็แปรเปลี่ยน รอยยิ้มเต็มไปด้วยความโหดร้าย “หากรู้จักเอาตัวรอดก็มอบห่อผ้าและสิ่งของทั้งหมดออกมา ไม่แน่ว่า อาจจะปล่อยเจ้าไปโดยไม่บุบสลาย หาไม่แล้ว หึๆ ใบหน้าของเจ้านี้ หากนำไปขายให้กับหอโคมเขียวน่าจะได้เงินไม่น้อย”
หลินชิงเวยมองห่อสัมภาระบนไหล่ของตนเองแล้วมองคนที่กำลังพูดจา นางพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “พวกเจ้าน่าจะหาคนผิดแล้ว”
“หาคนผิด?” บุรุษหลายคนนั้นสบตากันแล้วยักไหล่หัวเราะขึ้นมา “พวกเราไม่ได้หาคนผิด วันนี้เจ้าไปโรงรับจำนำ จำนำสิ่งของดีๆ ไม่น้อย พวกเราล้วนได้ยินหมดแล้ว ตั๋วเงินจำนวนสามหมื นตำลึงนี่นา เงินเล่า? พี่ชายหลายคนรอเจ้าอยู่ที่นี่นานแล้ว”
ตั๋วเงินสามหมื่นตำลึงสำหรับพวกเขาแล้วเป็นเงินจำนวนมากเพียงใด อีกทั้งยังได้มาพบกับคนรูปร่างบอบบางไร้พิษสงเช่นนี้ นี่มิใช่สวรรค์มอบโอกาสมาให้ถึงมือพวกเขาหรอกหรือ ต่อกรก กับหนุ่มน้อยหน้ามน รูปร่างบอบบางเช่นนี้ แทบจะไม่ต้องลงแรงอะไรมากมาย!