ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 11 บทที่ 328 ความซาบซึ้งใจเป็นเพียงลมปากเท่านั้น
- Home
- ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง
- เล่มที่ 11 บทที่ 328 ความซาบซึ้งใจเป็นเพียงลมปากเท่านั้น
หลินชิงเวยลูบม้าที่ได้รับความตื่นตกใจ นางมองศพบนพื้นและพูดกับคนที่อยู่ในที่มืดว่า “ครั้งหน้าหากข้าเห็นเจ้าตามข้าอีก ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าเฉกเช่นเดียวกับพวกเขา”
พูดแล้วหลินชิงเวยไม่รอให้เขาตอบคำ นางพลิกกายขึ้นหลังม้า ควบพุ่งไปข้างหน้า ท่ามกลางความมืดในยามราตรี เส้นผมดำขลับของนางปลิวสะบัดเต็มไปด้วยความเยียบเย็นที่ปกคลุม
คนชุดผู้นั้นมองเงาร่างของหลินชิงเวยที่วิ่งห่างออกไปไกล อดที่จะเงยหน้าขึ้นไปบนชายคาเรือนมองคนชุดดำหลายคนที่เหินกายลงมา ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ
คำพูดของหลินชิงเวยเมื่อสักครู่พวกเขาต่างได้ยินแล้ว ดูท่าแล้วนางรู้แต่แรกว่าพวกเขาลอบสะกดรอยตามนาง เมื่อสักครู่อันตรายเช่นนั้นนางกลับกล้าวิวาทกับบุรุษหลายคน เพราะรู้ สึกว่าตนเองมีความสามารถรับมือได้หรือบีบให้พวกเขาปรากฏตัวขึ้นกันแน่?
นายท่านมีคำสั่งไม่ให้หลินชิงเวยรู้ตัวว่าพวกเขาสะกดรอยตาม หากนางพบกับอันตรายให้เฝ้าดูอย่างสงบและดูสถานการณ์ หากหลินชิงเวยคลี่คลายสถานการณ์ได้ด้วยตนเอง พวกเขาไม่จำเป็นต ต้องยื่นมือเข้าช่วย หากไม่อาจคลี่คลายได้ พวกเขาจำต้องปรากฏตัวขึ้นเพื่อคุ้มกันนาง
ดูท่าแล้วภารกิจล้มเหลว
เมื่อหลินชิงเวยกลับถึงวังหลวงเป็นเวลาพอดิบพอดีกับที่นางบอกกับซินหรูเอาไว้ ซินหรูนั่งยองๆ อยู่หน้าประตูรอคอยการกลับมาของนาง เห็นคนกลับมาอย่างไม่ง่ายดายนัก ซินหรูจึงพ พรูลมหายใจโล่งอกออกมาเฮือกหนึ่ง
ซินหรูวิ่งเข้ามาด้วยดวงตาเปล่งประกายฉ่ำน้ำ อ้าปากคิดจะพูดสิ่งใด ไหนเลยจะคาดคิดว่าหลินชิงเวยจะหยิบพุทราเชื่อมไม้หนึ่งยัดเข้ามาในปากนาง นางหยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วหยิบพุ ทราเชื่อมมาเลียกินเงียบๆ
หลินชิงเวยถาม “อร่อยหรือไม่?”
ซินหรูพยักหน้า “อร่อยเจ้าค่ะ ข้ากลัวเหลือเกินว่าพี่สาวออกจากวังคนเดียวจะไม่ปลอดภัย”
“นั่นอาจเป็นคนอื่นที่ไม่ปลอดภัยเช่นกัน” หลินชิงเวยมองพุทราเชื่อมอีกไม้หนึ่งในมือ แล้วส่งเข้าปาก
ซินหรูดูสีหน้าของหลินชิงเวยแล้วถามว่า “พี่สาว พุทราเชื่อมอร่อยหรือไม่เจ้าคะ?”
หลินชิงเวยลองชิมดูอย่างจริงจัง “ไม่เท่าใดนัก นี่เป็นของที่เด็กผู้หญิงชอบกิน”
“เหตุใดท่านจึงปล่อยผมกลับมาเล่า?”
“ไม่ทันระวัง ปิ่นปักผมหักกลางทาง”
“อ้อ”
ผ่านการบำรุงร่างกายพักหนึ่ง โรคของสุ่ยฉ่ายชิงดีขึ้นมาก สีหน้าดูแล้วดีขึ้นไม่น้อย ก่อนหน้านี้ระยะเวลาส่วนใหญ่ของนางล้วนต้องนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง บัดนี้นอนบนเตียงน้อยล ลง ซ้ำยังออกมาเดินเล่นข้างนอกได้มากขึ้น
วันนี้สุ่ยฉ่ายชิงมาเยือนตำหนักฉางเหยี่ยน
เมื่อซินหรูได้ยินนางกำนัลเข้ามารายงานนางมีสีหน้าบึ้งตึงทันที “นางป่วยถึงเพียงนั้น แล้วยังมาที่นี่ทำอันใดกัน? คงไม่ใช่อยากมาโอ้อวดกระมัง หรือว่ากลับไปแล้วล้มป่วยหนักอีกค ครั้งให้เซ่อเจิ้งอ๋องมาสร้างความยุ่งยาก?”
นางกำนัลเงียบงัน “เช่นนั้น แม่นางจะพบหรือไม่พบเจ้าคะ?”
หลินชิงเวยกำลังตรวจนับสิ่งของที่นำกลับมาจากนอกวัง ของกินเล่นมอบให้ซินหรูไปจัดการ หากนางอารมณ์ดียังแบ่งปันให้กับเหล่านางกำนัลที่ปรนนิบัติรับใช้หลินชิงเวยเล็กน้อย
แม่นางน้อยทั้งหลายล้วนชอบกินของกินเล่นทั้งนั้น
หลินชิงเวยพลันนึกขึ้นได้ว่านางซื้อสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งจากร้านเครื่องประดับ บัดนี้จึงหยิบสร้อยข้อมือออกมาส่องดูกับแสงตะวัน เห็นว่างดงามประณีตไม่เลว หลินชิงเวยวางสร้อยข้อม มือนั้นลงบนข้อมือซินหรูพร้อมกับกล่าวกับนางกำนัลว่า “สวมให้นาง”
ซินหรูก้มหน้าลงมองแล้วตะลึงงัน มือทั้งคู่ของนางนี้มักจะช่วยหลินชิงเวยทำงาน แม้จะไม่ใช่งานชั้นแรงงานแต่อย่างใด อีกทั้งชีวิตในวังหลวงอยู่ดีกินดี ข้อมือของนางขาวผ่องเป็น ยองใย มาบัดนี้เมื่อสวมใส่สร้อยข้อมือเส้นหนึ่งกลับเหมาะสมกับนางอย่างยิ่งยวด
หลินชิงเวยเลิกคิ้ว “เครื่องประดับในวังหลวงโดยส่วนใหญ่มักจะเป็นของผู้ใหญ่คร่ำครึ บังเอิญเห็นสิ่งนี้เข้าเมื่อผ่านทาง มันเหมาะสมกับเจ้า เป็นอย่างไรเล่า ไม่ชอบหรือ?”
ซินหรูลูบไล้หยกทรงกลมเนื้อเรียบลื่น ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ชอบ! ชอบจะแย่แล้วเจ้าค่ะ!”
เมื่อหลินชิงเวยไปห้องโถงหน้า สุ่ยฉ่ายชิงไม่ได้มีท่าทีแปลกที่เหมือนครั้งแรกที่มาเยือน นางมีความคุ้นเคยขึ้นสองส่วน เวลานี้กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงพร้อมกับดื่มน้ำชาร้อนๆ ไปหล ลายคำ
เห็นหลินชิงเวยเข้ามานางจึงค่อยๆ ลุกขึ้นทักทายคำหนึ่ง “แม่นางหลิน” มาบัดนี้หลินชิงเวยและสุ่ยฉ่ายชิงมีสถานะเดียวกัน คือพำนักอยู่ในวังหลวงเป็นการชั่วคราว ไม่มียศศักดิ์และฐาน นะใดๆ จึงไม่จำเป็นต้องมีการแสดงการคารวะระหว่างกัน
“นั่ง” หลินชิงเวยกล่าวขึ้นเมื่อเดินผ่านร่างของนาง นางนั่งลงอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะพร้อมกับมองสุ่ยฉ่ายชิง “สีหน้าของแม่นางดูแล้วไม่เลวเลยทีเดียว”
แววตาของสุ่ยฉ่ายชิงฉ่ำวาวไปด้วยละอองน้ำชั้นหนึ่ง นางคลี่ยิ้มอ่อนโยน “นี่ยังต้องขอบคุณแม่นางหลิน หากมิใช่แม่นางหลินยอมยื่นมือช่วยเหลือ ข้าไหนเลยจะมีวันนี้ได้ ข้าคิดมาต ตลอดว่าโรคชนิดนี้ของข้าคงอีกไม่นาน อย่างไรก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่กี่ปี ชีวิตนี้สิ่งที่เสียดายที่สุดคือมิอาจอยู่ข้างกายเยี่ยนให้มากสักหน่อย ข้าไม่ขอสิ่งใดเพียงแต่ ต้องการมีเวลาร่วมกันกับเยี่ยนสั้นๆ ข้าก็พอใจแล้ว บัดนี้แม่นางหลินมีวิชาแพทย์ล้ำเลิศ จึงทำให้โรคของข้าได้รับการรักษา ทำให้สมปรารถนาในชีวิต”
เมื่อนางพูดสิ่งเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเอ่ยถึงเซียวเยี่ยน สีหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยน หลินชิงเวยทางหนึ่งดื่มน้ำชา ทางหนึ่งมองนางยิ้มๆ ไม่ปฏิเสธหรือตอบรับ
สตรีที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นและมีความรักลึกซึ้งเช่นนี้ ไม่แปลกที่เซ่อเจิ้งอ๋องจะชมชอบ
น้ำชานี้รสชาติขมเล็กน้อย หลังจากความขมผ่านไป ที่เหลือทิ้งไว้ในปากคือความฝาดเฝื่อน
หลินชิงเวย “แม่นางสุ่ยมีความรักลึกซึ้งต่อเซ่อเจิ้งอ๋องเช่นนี้ เกรงว่าหากเขาล่วงรู้เข้าจะซาบซึ้งจนต้องร่ำไห้”
สุ่ยฉ่ายชิงตะลึงงัน “ทำให้แม่นางหลินเห็นเป็นเรื่องขบขันแล้ว” พูดแล้วนางลุกขึ้นยืนยอบกายคารวะหลินชิงเวย “แม่นางหลินเป็นผู้มีพระคุณของฉ่ายชิงและเยี่ยน วันนี้ฉ่ายชิงจึงมา าที่นี่เพื่อขอบคุณแม่นางหลินโดยเฉพาะ ในเมื่อชีวิตนี้ของข้าเป็นแม่นางหลินที่ยื้อกลับมา รอให้โรคของข้าหายดีแล้วได้อยู่ร่วมกับเยี่ยน ข้าปรารถนาให้แม่นางหลินอยู่เป็นพย ยานด้วย” พูดแล้วมีท่าทีขวยอาย อีกทั้งหัวเราะอย่างทำตัวไม่ใคร่ถูก “ดูเหมือนข้าจะพูดมากเกินไปแล้ว แม่นางโปรดอย่าได้ถือสา”
หลินชิงเวย “ที่ไหนกัน ได้ยินมานานแล้วว่าแม่นางสุ่ยและเซ่อเจิ้งอ๋องรักใคร่ปรองดอง เมื่อครั้งยังเยาว์วัยล้วนเป็นคู่สวรรค์สร้าง บัดนี้ แม้เวลาจะผ่านมาหลายปีเช่นนั้นแต่ไม่น นับว่าสายเกินไป ข้าเองปรารถนาให้แม่นางสุ่ยและเซ่อเจิ้งอ๋องแต่งงานกันโดยเร็ว ส่วนเรื่องอยู่เป็นพยานนั้น หากข้ามีเวลา ข้าย่อมต้องอยู่ ในเมื่อแม่นางสุ่ยและเซ่อเจิ้งอ๋อง งคนหนึ่งอ่อนโยนประดุจสายน้ำ อีกคนหนึ่งหนักแน่นเชื่อมั่นมีคุณธรรม เหมาะสมกันอย่างยิ่งยวด” คำพูดนี้พูดเสียจนสุ่ยฉ่ายชิงขัดเขิน ดูเหมือนนางอายุไม่น้อยแล้วกลับแทบจะทนรอไม่ ได้ที่จะแต่งให้เซ่อเจิ้งอ๋อง ทั้งๆ ที่สีหน้าของหลินชิงเวยไม่มีความไม่ยินดีสักกระผีก ดูแล้วตรงไปตรงมา หลินชิงเวยพูดอีกว่า “อ้อ ถูกต้องแล้ว แม่นางสุ่ยบอกว่ามาขอบคุณข้าเ เป็นการเฉพาะ คิดจะขอบคุณอย่างไรเล่า? หรือมาแค่พูดๆ ว่าขอบคุณเท่านั้น”
สุ่ยฉ่ายชิง “…” นางพลันมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจทันที อย่างไรนางก็คิดไม่ถึงว่าหลินชิงเวยจะเอ่ยถามนางอย่างเปิดเผยถึงการแสดงความขอบคุณของนาง ในใจพลันบังเกิดความรู้สึกยุ่งยาก กซับซ้อน ทว่าสิ่งที่เอ่ยออกไปกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและใจกว้าง “เป็นฉ่ายชิงที่มาอย่างกะทันหัน ฉ่ายชิงคิดว่าแม่นางหลินย่อมเข้าใจได้หากมาขอบคุณด้วยความจริงใจเต็มหัวใจ ทว ว่ากลับลืมไปว่าแม่นางหลินเป็นท่านหมอ รักษาช่วยชีวิตคนต้องเก็บเงินค่ารักษา”
หลินชิงเวยหัวเราะออกมาเบาๆ สองครั้ง ในแววตาพลันปรากฏให้เห็นความดูเบาอย่างไม่ตั้งใจ ปลายนิ้วของนางลูบไล้ขอบถ้วยน้ำชาแล้วพูดเรียบๆ ว่า “แม่นางสุ่ยเป็นเทพเซียนที่ไม่กิ นอาหารเหมือนมนุษย์บนโลกนี้หรือ มิน่าเล่าคำพูดนี้จึงได้ออกจากปากของเจ้า เช่นนี้มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ต้องมีใจเมตตาราวกับพระโพธิสัตว์เช่นเดียวกับแม่นางสุ่ยใช่หรือไม่? และท่า านหมอทุกคนบนโลกนี้ควรมีใจเวทนาสงสารและไม่ต้องการค่าตอบแทนจากการรักษาคนไข้? เช่นนั้นท่านหมอไม่ต้องหิวตายหรือไร ไหนเลยจะยังมีท่านหมอรักษาโรคให้แม่นางสุ่ยอยู่อีก?”
สุ่ยฉ่ายชิงสะอึก