ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 11 บทที่ 330 ซักเสื้อผ้าให้เขา
เมื่อหลินชิงเวยมาเยือนตำหนักอวี้หลิง เห็นสุ่ยฉ่ายชิงไม่ได้พักผ่อนอยู่ในห้องแต่กลับนั่งอยู่ในลานเรือน เบื้องหน้ามีกะละมังใส่น้ำหนึ่งใบ ในกะละมังนั้นมีอาภรณ์หลายตัวแช่อย ยู่ในนั้น
อาภรณ์นั้น หลินชิงเวยมองเพียงแวบเดียวก็มองออก
สุ่ยฉ่ายชิงถึงกับซักเสื้อผ้าให้เซียวเยี่ยน
หลินชิงเวยรู้สึกว่าเป็นภาพที่ทิ่มแทงสายตาอย่างที่สุด ความทรงจำที่ถูกนางปิดล็อกเอาไว้พลันปรากฏขึ้นมาเย้ยหยันนางในสมอง นางยืนอยู่หน้าประตูเรือน มองสุ่ยฉ่ายชิงซักเสื้อผ ผ้าเงียบๆ
ฤดูกาลนี้น้ำที่ตักออกมาจากบ่อน้ำไม่เย็นนักแล้ว กลับให้ความรู้สึกเย็นสบายอยู่บ้าง มือทั้งคู่ที่ขาวราวกับหิมะของสุ่ยฉ่ายชิงแช่อยู่ในน้ำ ช่างละเอียดอ่อนราวกับดอกฝูหรงที อยู่กลางน้ำอย่างไรอย่างนั้น ราวกับแค่เพียงใช้แรงนิดเดียวก็ทำให้มันแตกหักออกจากกันได้
เรื่องที่หลินชิงเวยยินดีทำให้เซียวเยี่ยนในอดีต มาบัดนี้มีคนอีกคนหนึ่งยินยอมทำให้เขาแล้ว
ค่ำคืนนั้นพวกเขาพำนักอยู่ในจวนศาลาว่าการ หลังจากหลินชิงเวยอาบน้ำชำระกายแล้วน้ำสะอาดจึงถูกส่งมา ท่ามกลางแสงจันทร์สีเงินยวง นางซักเสื้อผ้าให้เขา เขายืนมองนางจากกรอบประตู เส้นผมดำขลับของหลินชิงเวยห้อยตกลงมาบนหน้าอก นางถูเจ้าเจี่ยวในน้ำซักผ้าจนสะอาดจากนั้นให้เขาทำหน้าที่ตากผ้า
นางบอกว่าชั่วชีวิตนี้ของนางยังไม่เคยสักผ้าให้บุรุษคนใดมาก่อน และมิใช่ซักเสื้อผ้าให้เขาเปล่าๆ ปลี้ๆ เงินในถุงเงินย่อมต้องตกเป็นของนาง
เขาตอบว่าในนั้นไม่มีเงินมากเท่าใดนัก หากนางต้องการก็มอบให้นางทั้งหมด
หลินชิงเวยยกยิ้มมุมปากคลี่ยิ้มบางๆ เวลานั้นเขาคิดอย่างไรกันแน่นะ คิดว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่แล้วเพราะเขาจ่ายเงินแล้วหรือ?
ที่เขาซาบซึ้งที่สุด ทะนุถนอมที่สุด ควรจะเป็นสตรีเบื้องหน้านางนี้ ทั้งที่ป่วยหนักก็ยังยินดีที่จะซักเสื้อผ้าให้เขากระมัง มิใช่เหมือนนางที่ซักผ้าให้เขาเพียงไม่กี่ตัวก็ร้ องขอค่าตอบแทนจากเขา
ดังนั้น หลินชิงเวยคิดว่านั่นไม่มีค่าคู่ควรพอที่จะให้เขาจดจำได้ตลอดไป
หลินชิงเวยหลุบตาลงต่ำแล้วคิดอีกว่า ตัวนางเองอยากได้ค่าตอบแทนจากเขาจริงๆ หรือ? นางเพียงแต่…ไม่ต้องการให้เขารู้สึกมีภาระ นางเพียงแต่ปรารถนาว่าวันหน้าอาจมีสักวันหนึ่งท ที่นางจะได้อยู่ร่วมกับเขาเช่นนี้ รับรู้ถึงเวลาที่ผ่านพ้นไป รับรู้ถึงเวลาที่จะชราภาพไปด้วยกัน นางยินดีซักเสื้อผ้าให้เขาตลอดชีวิต ดังนั้นหัดเรียนรู้ไปก่อนจะมีอันใดเล่า?
เพราะตลอดมาล้วนเป็นนางที่เป็นฝ่ายกระตือรือร้นที่จะตามตื๊อเขา จนปัญญาที่ใครใช้ให้นางชอบเขาเล่า
ในเมื่อเป็นนางที่เป็นฝ่ายเข้าหาย่อมไม่อาจกล่าวโทษผู้ใดได้ หากจะกล่าวโทษก็ต้องโทษตัวนางเองกระมัง ผู้อื่นล้วนไม่มีใจให้ แต่นางกลับเข้าใจไปว่าเขามีใจ
เรื่องบางอย่าง เช่นความทรงจำ ผู้อื่นล้วนไม่นำมาใส่ใจ หลินชิงเวยกลับนึกขึ้นมาเมื่อไม่ตั้งใจ ช่างน่าตายนัก
ความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ นั้นเหมือนเลือดในหัวใจที่หยดลงบนพื้นทีละหยดๆ
นางไม่ร้องตะโกนออกมา ไม่ร่ำไห้ออกมา ไม่ได้หมายความว่านางไม่รู้จักเจ็บปวด
ยิ่งเป็นเวลาที่นางเจ็บปวดทุรนทุรายอย่างร้ายกาจ นางจะยิ่งยิ้มอย่างเจิดจ้าสว่างไสว อย่างเช่นยามนี้
สุ่ยฉ่ายชิงชูมืออ่อนนุ่มทั้งคู่ขึ้นมาจากน้ำ ท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่องบนหยดน้ำ ยิ่งขับให้มือของนางโปร่งแสงราวกับอัญมณีอย่างไรอย่างนั้น นางซักผ้าจนเหน็ดเหนื่อยแล้วจึงใช้แข ขนซับเหงื่อที่ผุดออกมาตามขมับ พร้อมกับหอบหายใจเบาๆ หลายครั้ง นางช้อนตาขึ้นมองโดยไม่ตั้งใจ เห็นหลินชิงเวยกำลังก้าวเข้ามา จึงยิ้มอ่อนโยน “แม่นางมาแล้ว รอสักครู่ได้หรือไม่ ข้าซักผ้าเสร็จเดี๋ยวนี้แล้ว”
หลินชิงเวยจับจ้องดวงตาของนาง รู้สึกว่านางปรารถนาให้ตนเองถามสักประโยคสองประโยคเป็นแน่ ดังนั้นหลินชิงเวยจึงถามไปอย่างนั้น “นี่เป็นอาภรณ์ของเซ่อเจิ้งอ๋อง? ในวังหลวงมีแผนกซ ซักล้างโดยเฉพาะ เหตุใดแม่นางสุ่ยต้องลงมือซักเองเล่า”
สุ่ยฉ่ายชิงหัวเราะเขินอาย “ข้าพักผ่อนอยู่ในเรือนนานแล้ว ไม่มีอะไรทำ อาภรณ์เหล่านี้หากส่งไปแผนกซักล้างย่อมต้องใช้เวลา ไม่สู้ข้าซักให้เยี่ยนที่นี่แล้วตากให้แห้ง ข้าไม่อา าจทำสิ่งใดให้เขาได้ มีเพียงการซักเสื้อผ้าให้เขาก็พอใจมากแล้ว”
หลินชิงเวยมองมือสุ่ยฉ่ายชิงอีกครั้ง พลันพูดเสียงเบา “ซักเสื้อผ้าให้เขาชั่วชีวิต เจ้ายินดีหรือไม่?”
แววตาของสุ่ยฉ่ายชิงเต็มไปด้วยความอ่อนโยนราวกับจะคั้นน้ำออกมาได้ “ย่อมต้องยินดี”
หลินชิงเวยหัวเราะเบาๆ “เช่นนั้นน่าเสียดายมือขาวๆ ผิวพรรณละเอียดทั้งคู่ของแม่นางสุ่ยแล้ว แช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานย่อมทำให้มือเปื่อยอย่างเลี่ยงได้ยาก ยามนี้ฤดูกาลเช่นนี้ ยังดี หากเป็นฤดูหนาวแล้วยังต้องซักเสื้อผ้าให้เซ่อเจิ้งอ๋องด้วยตนเอง เกรงว่ามือทั้งคู่อาจมีแผลเปื่อยจากการได้รับความหนาวเย็นมากเกินไปได้ ผิวพรรณก็จะหยาบ กระทั่งข้อกร ระดูกจะเด่นชัดและใหญ่ขึ้น ถึงเวลานั้นไม่มีความงดงามหลงเหลือแม้เพียงครึ่งส่วน”
สุ่ยฉ่ายชิงตะลึงงัน สีหน้านั้นแปรเปลี่ยนไปหลากหลายอารมณ์
หลินชิงเวยพูดอีกว่า “เล็บที่แม่นางสุ่ยตัดแต่งจนแหลมเล็กนั้น ทำให้ได้รับความยุ่งยากไม่น้อยกระมัง”
สุ่ยฉ่ายชิงตอบเสียงแห้ง “ข้าไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านั้น”
“จริงหรือ”
ต่อมาหลินชิงเวยมองดูอยู่ข้างๆ สุ่ยฉ่ายชิงซักเสื้อผ้าของเซียวเยี่ยนในน้ำสะอาดหลายครั้ง การกระทำเช่นนี้ทำให้นางหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า นางไม่อาจอาศัยเรี่ยวแรงของตนใน การนำเสื้อผ้าขึ้นตากได้ ปรากฏว่ายังไม่ทันได้บิดผ้าสักกี่ครั้ง ทันทีที่ไม่ระวังเล็บของนางก็หักแล้ว
สุ่ยฉ่ายชิงสูดปากด้วยความตกใจ เสื้อผ้าในมือจึงตกลงไปในน้ำอีกครั้ง นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างรีบก้าวเข้ามาดู
หลินชิงเวยยกยิ้มมุมปากพูดว่า “เล็บของแม่นางสุ่ยล้ำค่ากว่าอาภรณ์ของเซ่อเจิ้งอ๋องมากมายนัก” นางเดินผ่านร่างของสุ่ยฉ่ายชิงแล้วพูดขึ้นเรียบๆ “แม่นางสุ่ยมีความรักลึกซึ้งต่อ เซ่อเจิ้งอ๋องเพียงใด ข้าไม่สนใจใคร่รู้ ทำงานเสร็จแล้วเชิญเข้ามาด้านในเถิด ข้ายังรอตรวจชีพจรให้แม่นางสุ่ย ขอแม่นางสุ่ยอย่าได้ทำให้ข้าเสียเวลาอีกเลย”
สุดท้ายเสื้อผ้าเหล่านั้นยังมิใช่นางกำนัลร่วมแรงร่วมใจกันบิดแล้วนำขึ้นตากด้านนอก
แม้บัดนี้หลินชิงเวยจะมิใช่เจาอี๋ แต่ในตำหนักในยังไม่มีใครกล้าล่วงเกินนาง นางยังคงเป็นประมุขของตำหนักฉางเหยี่ยน บนล่างล้วนเคารพนอบน้อมต่อนางอย่างยิ่งยวด
แต่เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ถูกแพร่ออกไป ผู้ใดจะควบคุมปากมากมายที่อยู่ด้านนอกได้
หลินชิงเวยในฐานะของบุตรีสายตรงคนโตแห่งจวนมหาเสนาบดี ถูกลดขั้นจากตำแหน่งเฟยมาเป็นเจาอี๋ในคราแรก บัดนี้ดียิ่งนัก ถึงขั้นถูกลดให้เป็นสามัญชน นี่จะให้มหาเสนาบดีหลินเอ อาหน้าไปไว้ที่ใด
ส่วนภายในจวนเซี่ยนอ๋อง เซียวอี้รู้ข่าวนี้แต่แรก เขานั่งอยู่กลางห้องหนังสือของตน ยกขายาวทั้งคู่พาดลงบนโต๊ะน้ำชาริมหน้าต่าง แสงแดดเจิดจ้าด้านนอกสาดส่องลงบนใบหน้าคม มสันของเขา ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าจึงมีสีสันสดใสขึ้นหลายส่วน มือข้างหนึ่งของเขาพาดไปบนเก้าอี้ด้านหลังอย่างเกียจคร้าน มืออีกข้างหนึ่งกำลังลูบปิ่นหยกชิ้น หนึ่งเล่น
นั่นมิใช่หยิบออกมาจากเส้นผมของหลินชิงเวยขณะที่นางไม่รู้ตัวหรอกหรือ
กำลังอำนาจในวังหลวง เซียวอี้ย่อมมีหูตาของตนเอง เขากระจ่างแจ้งอย่างยิ่ง สุ่ยฉ่ายชิงมาเยือนวังหลวง นั่นจึงจะเป็นคนที่ในใจเซียวเยี่ยนคิดถึงตลอดเวลา ท่าทีของหลินชิงเวยมิได ด้ทำให้เขาผิดหวัง บัดนี้นางแตกหักกับเซียวเยี่ยนแล้ว
แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่สมควรยินดี แต่ทุกครั้งที่เซียวอี้คาดเดาว่าหลินชิงเวยกำลังรู้สึกอย่างไร เขามักจะรู้สึกไม่ค่อยดี
ในความทรงจำของเขา เขาไม่รู้ว่าหลินชิงเวยกลายเป็นคนรักแรงเกลียดแรงเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด สตรีที่กระทำตามใจตนอย่างเปิดเผย ไม่เพียงแต่วิชาแพทย์สูงส่ง ยังเรียกใช้งูได้อีกด้วย ย ซ้ำยังขวัญกล้าเทียมฟ้า กล้าหาญเด็ดขาด สตรีที่มีความหยิ่งทะนงในตนเองแทบจะเสียดฟ้าเช่นนี้ กลับยินดีที่จะขึ้นภูเขามีด ลงทะเลเพลิงเพื่อเซียวเยี่ยน ต้องเผชิญหน้ากับความเป็น นความตายมากี่ครั้ง มาบัดนี้นางถูกเซ่อเจิ้งอ๋องทอดทิ้ง จะเป็นอย่างไรบ้างนะ?