ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 331 มีคนยินดีมีคนกลัดกลุ้ม
ระหว่างที่นางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นเวลาสองวันนั้น นางกำลังหาสถานที่หลบซ่อนตัวเพื่อแอบร้องไห้ด้วยหัวใจที่แตกสลายใช่หรือไม่?
ทุกครั้งที่เซียวอี้คิดเช่นนี้เขาบังเกิดโทสะแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ แม้บัดนี้เขาจะยังคงมียศศักดิ์เป็นเซี่ยนอ๋อง ทว่าหลังจากเซ่อเจิ้งอ๋องกลับสู่ราชสำนัก เขาเริ่มลิดรอนอำนาจของ งเซียวอี้ ทำให้อำนาจของเขาว่างเปล่า บัดนี้เขานั่งว่างอยู่ในเรือนทุกวัน เป็นท่านอ๋องแต่ในนามผู้ว่างงานอย่างแท้จริง กระทั่งเข้าวังหลวงก็ไม่สะดวกเหมือนในอดีต
มือของเซียวอี้ลูบคลำปิ่นหยกของหลินชิงเวย แววตานั้นเลื่อนลอยไปไกลราวกับมองเห็นร่างของหลินชิงเวย เขากำปิ่นปักผมของหลินชิงเวยไว้ในฝ่ามือ พูดเรียบๆ ว่า “เซียวเยี่ยน เจ้ าตาบอดหรือไร” ต่อมาเขาหัวเราะเสียงชั่วร้าย “แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี ข้าจะรับเวยเวยไว้เอง”
ต่อมาหลินเสวี่ยหรงได้ทราบข่าวจากบ้านเดิมของมารดาว่าหลินชิงเวยถูกริบตำแหน่งเจาอี๋ นางไม่ได้รับข่าวดีเช่นนี้มานานมากแล้ว และไม่ได้เบิกบานใจเช่นนี้มานานเช่นกัน นางชิงชังนั กที่มิอาจลุกขึ้นมาร่ายรำในเรือนได้
เมื่อครั้งหลินชิงเวยยังมียศศักดิ์เป็นเจาอี๋มีครั้งใดบ้างที่นางไม่หยิ่งผยอง โอ้อวดแสดงบารมีต่อหน้านาง ยามนี้ถูกริบตำแหน่งเจาอี๋คืนไป นางจะอาศัยสิ่งใดมาแสดงตัวว่าอยู่เหน นือตนขั้นหนึ่งได้อย่างไร? หลินเสวี่ยหรงดีชั่วอย่างไรก็ได้ชื่อว่าเป็นพระชายารองของเซี่ยนอ๋อง ต่อไปเมื่อหลินชิงเวยพบหน้านางยังต้องคารวะให้นาง!
ท้ายที่สุดมิใช่ตนเองเป็นผู้ชนะหรอกหรือ?
หลินเสวี่ยหรงยิ่งคิดยิ่งดีใจ นางแทบทนรอไม่ได้ที่จะไปปรากฏตัวต่อหน้าหลินชิงเวย อยากจะเห็นว่าไฉนนางจึงได้ตกต่ำเช่นนี้
ก่อนหน้าที่หลินชิงเวยจะแต่งเข้าวังหลวง หลินเสวี่ยหรงมักจะเข้าวังเสมอ เวลานั้นความสัมพันธ์ระหว่างไทเฮาและนางยังนับว่าไม่เลวนัก นางรู้จักเอาอกเอาใจไทเฮา ต่อมาไทเฮาจึงตัดส สินใจให้นางเข้าวัง เพื่อจะดึงนางมาเป็นคนข้างกายตน แต่นางคิดไม่ถึงว่าหลินเสวี่ยหรงจะมีใจปฏิพัทธ์ต่อเซี่ยนอ๋องแต่แรกแล้วให้หลินชิงเวยแต่งเข้ามาแทน
ไทเฮาไม่พึงพอใจต่อเรื่องนี้อย่างมาก แต่หลินเสวี่ยหรงพูดจาน่าฟังจึงค่อยๆ ปะเหลาะให้โทสะของไทเฮาบรรเทาเบาบางลงบ้าง
ยามนี้หลินเสวี่ยหรงไม่ได้เข้าวังเป็นเวลานานมาก นางยื่นเรื่องขอเข้าวังเข้าเฝ้าไทเฮา เวลาล่วงเลยมานานเช่นนี้ เดิมทีไทเฮาลืมไปแล้วว่ายังมีคนเช่นนางอีกคนหนึ่ง ด้วยเท้า าความเดิมของหมัวมัว นางจึงนึกขึ้นมาได้ว่าหลินเสวี่ยหรงเป็นน้องสาวของหลินชิงเวย จึงอนุญาตให้หลินเสวี่ยหรงเข้ามาพบตนเอง
ไทเฮารู้ดีว่าหลินชิงเวยและหลินเสวี่ยหรงไม่ถูกกันมาตลอด ตรองดูแล้วหลินเสวี่ยหรงเข้ามาเยี่ยมตนนั้นเป็นเรื่องเท็จ แต่มาเพื่อดูหลินชิงเวยจึงจะเป็นเรื่องจริง ในเมื่อเป็นเช่น นนี้มีเรื่องสนุกๆ ให้รอชมดูไฉนจึงไม่ทำเล่า
หลินเสวี่ยหรงตั้งใจแต่งกายอย่างพิถีพิถัน เมื่อเข้าวังมาแล้วนางไปคารวะเช้าที่ตำหนักคุนเหอก่อนเป็นอันดับแรก ภายในตำหนักคุนเหอไม่แตกต่างจากในอดีต ข้างในเต็มไปด้วยกลิ่น นหอมจากธูปหอม เมื่อหลินเสวี่ยหรงเห็นรูปโฉมไทเฮาชัดเจนยิ่งนักว่านางจำไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปี ไทเฮาถึงกับชราภาพจนมีลักษณะเช่นนี้
แม้ในใจไทเฮาจะรู้สึกไม่ยินยอมอย่างมาก แต่นางทำได้เพียงอดทนอดกลั้นแล้วพูดกับหลินเสวี่ยหรงว่า “สภาพเช่นนี้ของเปิ่นกง ทำให้เจ้าตกใจใช่หรือไม่?”
หลินเสวี่ยหรงรีบกล่าวว่า “หม่อมฉันมิกล้าเพคะ หม่อมฉันเพียงแต่…”
“เพียงแต่อันใด? เพียงแต่ประหลาดใจใช่หรือไม่?” ไทเฮาลูบไล้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของตน “ประหลาดใจที่ภายในระยะเวลาอันสั้น เปิ่นกงแก่ชราลงได้มากถึงเพียงนี้? ทั้งหมด ดนี้ล้วนเป็นฝีมือพี่สาวคนนั้นของเจ้า ไม่รู้พี่สาวเจ้าใช้เวทยมนตร์ปีศาจอันใด ทำให้เปิ่นกงมีใบหน้าแก่ชราในชั่วข้ามคืน!”
หลินเสวี่ยหรงเงยขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ แต่นางแน่ใจว่าไทเฮาเคียดแค้นชิงชังหลินชิงเวยนั้นมิใช่เสแสร้ง หลินเสวี่ยหรงพูดด้วยความคับแค้นใจเช่นกันว่า “ยามปกติพี่ใหญ ญ่เป็นคนมากเล่ห์เจ้าแผนการเพคะ คิดไม่ถึงว่านางถึงกับทำเรื่องที่ฟ้าดินไม่อาจอภัยให้ได้ต่อไทเฮา! ไทเฮาเหนียงเหนียงโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ หากมีโทสะจะเสียพระพลานามัยได้”
ไทเฮา “ช่างเถิด อย่างไรวันนี้หลินชิงเวยผู้นั้นได้กลายเป็นหญิงสามัญชนคนหนึ่ง นับได้ว่านางได้รับผลกรรมแล้ว เจ้าสองพี่น้องไม่พบหน้ากันนานแล้ว ในเมื่อวันนี้เข้าวังมาก็ไ ไปพบนางเสียหน่อยเถิด ประเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเปิ่นกงใจคอคับแคบ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ”
หลินเสวี่ยหรง “เพคะ เสวี่ยหรงจะเกลี้ยกล่อมพี่ใหญ่เองเพคะ ให้นางมาขอขมาต่อไทเฮา หากสามารถคืนรูปโฉมไทเฮากลับไปเป็นเช่นอดีตได้ จะต้องให้นางทำเต็มกำลังความสามารถจึงจะใช้ได้ เพคะ”
สีหน้าไทเฮาผ่อนคลายลง “เสวี่ยหรง เปิ่นกงรู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดีคนหนึ่งตลอดมา ไปเถิด”
ไทเฮาไม่ได้คาดหวังว่าหลินเสวี่ยหรงจะสามารถเกลี้ยกล่อมหลินชิงเวยคืนรูปโฉมให้นางกลับไปเป็นเหมือนเดิมจริงๆ นางเพียงแต่เปิดทางให้เสวี่ยหรงก้าวเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวเท่านั้นเอง อีกทั้งหากอาศัยแค่หลินเสวี่ยหรงเพียงลำพังคิดจะโค่นล้มหลินชิงเวยแล้วละก็เกรงว่านางยังต้องฝึกปรือฝีมืออีกหลายปี
สำหรับรูปโฉมของตน ไทเฮาแจ่มแจ้งดีว่าไม่อาจใจร้อนเกินไป นางจำเป็นต้องอดทนอดกลั้นจึงจะถูกต้อง ด้วยรักษาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับคำพูดเพียงประโยคเดียวของหลินชิงเวย
ทางด้านนี้เมื่อได้รับอนุญาตจากไทเฮา หลินเสวี่ยหรงมุ่งหน้าไปยังตำหนักซวี่หยางด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง นางมีอะไรให้ต้องเกรงกลัวอีก อย่างไรไทเฮาก็เกลียดชังหลินชิงเวยเช่นเด ดียวกันมิใช่หรือ
ระยะนี้ตำหนักฉางเหยี่ยนคึกคักยิ่งยวด รับแขกติดๆ กันถึงสองสามคน
อากาศร้อนแล้วหลินชิงเวยเกียจคร้านไปห้องโถงหน้ารับแขก ภายในลานเรือนมีชิงช้าตัวใหม่ที่เพิ่งจัดมา เป็นเซียวจิ่นที่สั่งให้คนทำขึ้น ชิงช้านี้มั่นคงแข็งแรง แขวนอยู่ใต้ร่มเงาขอ องต้นไม้ให้ความรู้สึกเย็นสบาย เมื่อไม่อยากนั่งอยู่ในเรือนก็สามารถออกมานั่งชิงช้าได้ ทั้งยังให้ความรู้สึกเย็นสบายอย่างยิ่ง
หลินชิงเวยพูดกับตนเอง “เดี๋ยวนี้ข่าวสารของนางตกต่ำถึงเพียงนี้หรือ ข้ายังคิดว่าวันรุ่งขึ้นที่ข้าถูกปลดออกจากตำแหน่งเจาอี๋ นางก็แทบทนรอไม่ไหวที่จะมาหัวเราะเยาะเย้ยข้า เสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าต้องให้ข้ารอเนิ่นนานเช่นนี้” พูดแล้วก็สั่งนางกำนัล “ไปพานางมาที่นี่”
นางกำนัลออกไปตามคำสั่งทันที
“พี่สาว เหตุใดท่านยังต้องพบพวกนางที่เป็นคนที่ท่านไม่ชอบด้วยเจ้าคะ?”
สายลมที่พัดผ่านจอนผมของหลินชิงเวย นางหรี่ตาลงกล่าวว่า “กินข้าวอิ่มแล้ว นอนพักสักครู่ อย่างไรก็ควรจะฆ่าเวลาบ้างเป็นครั้งคราวมิใช่หรือ เด็กดี โล้ชิงช้าให้สูงกว่านี้อีกเถ ถิด”
ซินหรูผลักชิงช้าพร้อมกับพูดว่า “โล้ชิงช้าสูงเกินไประวังอาหารไม่ย่อยนะเจ้าคะ” แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่นางยังคงเพิ่มแรงอีกสองส่วน ส่งให้ชิงช้าแกว่งสูงยิ่งขึ้นอีก
ขณะที่หลินชิงเวยกำลังนั่งอยู่บนชิงช้า หลินเสวี่ยหรงถูกพามาถึงลานเรือนด้านใน นางกำนัลด้านหลังถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ
หลินเสวี่ยหรงเดินเข้ามาในลานเรือนอันเงียบสงบ นางเห็นสตรีที่นั่งอยู่บนชิงช้า กระโปรงปลิวพลิ้ว เส้นผมส่ายไหว ใบหน้าซูบผอมนั้นงดงามประดุจหยกเนื้อดี แสงแดดที่ส่องทะลุผ่ านกิ่งไม้บนต้นไม้ ทำให้ร่างของนางกลายเป็นจุดๆ ราวกับส่องสว่างไปทั้งร่าง
ทันใดนั้นหลินเสวี่ยหรงพลันรู้สึกว่านี่มันไม่ถูกต้อง หลินชิงเวยที่นางมาพบเห็นไม่ควรจะมีท่าทีเช่นในยามนี้ นางมิใช่ควรจะตกต่ำ และอยู่ในสภาพอิดโรยหรือ
หลินเสวี่ยหรงมองไปรอบๆ แล้วเดินเข้ามาหาหลินชิงเวย “ข้ากำลังคิดว่าไฉนจึงไม่เห็นพี่ใหญ่อยู่ห้องโถงด้านหน้า ที่แท้พี่ใหญ่กำลังซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเรือน พี่ใหญ่ ไม่พบกันเสีย นานสบายดีกระมัง”
หลินชิงเวยช้อนตาขึ้นมองหลินเสวี่ยหรงตรงๆ พบว่านางสวมกระโปรงตัวยาวสีม่วงควันบุหรี่ ชายกระโปรงระไปกับพื้น ขับให้เรือนร่างยิ่งดูผอมเพรียว ใบหน้านั้นประทินโฉมเข้มไปสักหน่ อย แต่ยังคงขับให้ความงดงามและเป็นผู้ใหญ่ของนางโดดเด่นขึ้น
ไม่ได้พบน้องสาวนานแล้วจริงๆ กระทั่งคุ้นเคยกับสีหน้า “บาดแผลหายแล้วก็ลืมความเจ็บปวด” เช่นนี้