ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 335 ในใจข้า ไม่มีผู้ใดทั้งสิ้น
หลินชิงเวยดื่มสุราภายในอึกเดียวแล้วพูดทั้งหรี่ตา “เข้าปากแล้วให้รสชาติหวาน กลิ่นหอม มีกลิ่นของดอกหลีอยู่จางๆ จริงๆ”
“รสชาติของสุราแรงหรือไม่?” เซียวจิ่นถาม
“ไม่เท่าใด”
เซียวจิ่นพูดกลั้วหัวเราะ “หากเป็นเช่นนี้ ดูแล้วน่าจะเหมาะสมสำหรับให้สตรีดื่ม”
สุรากาหนึ่งมีไม่กี่ถ้วย ถูกหลินชิงเวยและเซียวจิ่นดื่มจนเกลี้ยง หลินชิงเวยมิใช่คนชอบดื่มสุรา ในทางกลับกัน นางไม่ชอบสุราฤทธิ์แรงแผดเผาลำคอ ทว่าสุราสาเกบางๆ เช่นนี้กลับถูกใจนาง
ด้านนอกหน้าต่างแสงจันทร์ส่องสว่าง หมากในกระดานประดุจหยก อีกทั้งร่ำสุราไปด้วยทำให้หลินชิงเวยอารมณ์ดีขึ้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
นางเดินหมากกับเซียวจิ่นและดื่มสุราเป็นพักๆ ทั้งสองต่างเดินหมากติดพัน สุราหมักดอกหลีถูกหลินชิงเวยดื่มราวกับเป็นเครื่องดื่มอย่างไรอย่างนั้น “เปลี่ยนถ้วยใบใหญ่มา ถ้วยเล็กเช่นนี้ดื่มอย่างไรกัน ไม่พอดับกระหาย”
เซียวจิ่นเห็นนางคีบหมากตัวหนึ่งระหว่างนิ้วมือ ใช้ข้อนิ้วเท้าคางเบาๆ ด้วยท่าทีครุ่นคิด หลินชิงเวยจมอยู่ในความคิดของตน เซียวจิ่นกลับมองนางอย่างลุ่มหลง เขากล่าวขึ้นว่า “เมื่อก่อนไม่เห็นว่าเจ้าจะคอแข็งเช่นนี้”
หลินชิงเวยเงยหน้าขึ้นมองเขา แววตานั้นกลอกไปมา นางใคร่ครวญแล้วตอบว่า “ข้าจำได้ว่าพวกเรามักจะดื่มชา เคยดื่มสุราด้วยกันเช่นนี้เมื่อใดกัน เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าดื่มสุราเก่งหรือไม่?”
เซียวจิ่นหลุดหัวเราะ ข้อนิ้วของเขาเคาะลงบนกระดานหมาก สั่งการกับคนด้านนอก “เปลี่ยนถ้วยสุราใบใหญ่มาสองใบ”
เพียงไม่นานนางกำนัลก็นำถ้วยสุราใบใหญ่เข้ามาสองใบ สุราถ้วยหนึ่งมีปริมาณเทียบเท่ากับถ้วยใบหนึ่ง เซียวจิ่นรินสุราให้หลินชิงเวยอีกครั้ง เขาไม่อาจใช้กาสุราดินเผานั้นอีก เซียวจิ่นใช้กระบวยตักสุราตักขึ้นมารินใส่ถ้วยสุรา อย่างไรก็สะดวกกว่า
ปรากฏว่าเมื่อหลินชิงเวยรับไป นางเงยหน้าดื่มอึกๆ หมดถ้วย…
เซียวจิ่นกะพริบตาปริบๆ “ชิงเวย เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังดื่มน้ำเปล่าหรือไร?”
หลินชิงเวยยื่นถ้วยสุรามาวางเบื้องหน้าเซียวจิ่น ยกมือขึ้นสะบัดเส้นผมบริเวณข้างลำคอ นางหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง “ข้าอึดอัดมานานเกินไปแล้ว สุราต้องดื่มเช่นนี้จึงจะดับกระหายได้ รินมาให้ข้าอีกหนึ่งถ้วย”
เซียวจิ่นมองแววตาของหลินชิงเวย แม้จะกำลังยิ้ม แต่ข้างในกลับซ่อนความรู้สึกมากมายที่คนนอกไม่รู้ ยามปกตินางปิดบังอำพรางเป็นอย่างดี หากมิใช่เวลานี้ดื่มสุราลงไปเล็กน้อย จึงทำให้เห็นพิรุธบางอย่าง แม้กระทั่งเซียวจิ่นก็ยังยากที่จะพบเห็น
เซียวจิ่นกระจ่างแจ้งในใจดีว่าเรื่องที่นางเป็นทุกข์นั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ยามนี้ที่มองเห็นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ดวงตาของหลินชิงเวยวูบไหว แต่เบื้องหลังแววตาที่วูบไหวกลับเต็มไปด้วยความมืดหม่นและขมขื่น
เซียวจิ่นรินสุราให้นางสามถ้วยใหญ่ๆ ล้วนถูกนางดื่มอึกๆ หมดในคราเดียว เซียวจิ่นก้มหน้าลงมองกระบวยตักสุราในมือ “เจิ้นไม่ควรฟังเจ้าเลย เปลี่ยนถ้วยสุราใบใหญ่ ต่อให้เป็นสุราสาเกฤทธิ์เบากว่านี้ก็มิอาจห้ามไม่ให้เจ้าดื่มเช่นนี้”
หลินชิงเวยยกยิ้มริมฝีปากแดงสด นางเท้าคางพูดว่า “เจ้ากลัวว่าข้าจะเมามาย?”
สีหน้าของเซียวจิ่นปรากฏให้เห็นความปวดใจ เขามองหลินชิงเวยนิ่งๆ “เจิ้นกลัวว่าเจ้าจะเป็นทุกข์”
แววตาของหลินชิงเวยทอประกายวาบ รอยยิ้มบนริมฝีปากนั้นยิ่งสว่างไสว นางยันร่างของตนขึ้นมา มองกระดานหมากที่เดินผิดแล้วถามว่า “เมื่อสักครู่พวกเราเดินถึงไหนแล้ว?”
ดูเหมือนป่าด้านนอกจะมีเสียงร้องของจักจั่น เสียงนกร้องขึ้นท่ามกลางราตรี นางกำนัลด้านนอกยืนเฝ้าอยู่ตลอดเวลา ต่อมาหัวหน้าขันทีเข้ามาโบกมือให้กับนางกำนัลเหล่านั้น นางกำนัลทั้งหมดจึงค่อยๆ ถอยจากเรือน
ความปรารถนาในใจของฮ่องเต้ นางกำนัลและขันทีผู้ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดเหล่านี้ มีผู้ใดบ้างไม่รู้
ต่อมาเดินหมากจนวุ่นวายไปหมด หลินชิงเวยเอาจริงเอาจังผิดปกติ หมากตัวหนึ่งเดินซ้ำไปซ้ำมาสองสามหนจึงยอมวางลงบนกระดานหมาก เซียวจิ่นหัวเราะ “ไม่มีใครเดินหมากเช่นเจ้า เคราะห์ดีที่คู่ต่อสู้ของเจ้าเป็นเจิ้น เจิ้นยอมให้เจ้าได้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นคงคว่ำโต๊ะ ต่อยตีเจ้าแล้ว”
หลินชิงเวยทำปากเบ้ “ไม่แน่ว่าจะต่อยตีชนะข้าได้”
สุราสองไหถูกดื่มหมดโดยไม่รู้ตัว เมื่อเซียวจิ่นตักสุราเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเห็นก้นไหสุราเสียแล้ว เขาหันหน้ากลับมามองหลินชิงเวย หลินชิงเวยไม่ใส่ใจเขา นางเดินหมากกับตนเอง ปากพูดงึมงำอะไรก็สุดรู้
เซียวจิ่นส่ายหน้าด้วยรู้สึกศีรษะหนักอึ้ง เขารู้สึกเมามายอยู่บ้าง ท่าทางของหลินชิงเวยเหมือนจะสลักลงไปในสมองของเขาอย่างไรอย่างนั้น ลบอย่างไรก็ลบไม่ออก ยิ่งไม่อยากคิดกลับยิ่งหลงใหลคลั่งไคล้ ความรู้สึกกลางอกยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น มันเต้นโครมครามไม่หยุด
หลินชิงเวยพบว่าถ้วยสุราของตนว่างเปล่า นางจึงหยิบถ้วยสุราของเซียวจิ่นขึ้นมาดื่มอึกๆ
เซียวจิ่นค้ำไหสุรานั่งลงกับพื้น “ชิงเวย เจ้าเหมือนเจิ้นเมื่อครั้งนั้น คิดจะใช้สุรามอมเมาตนเองหรือไร? เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้?”
หลินชิงเวยพูดเสียงยานคาง “มอมเมา? สุรานี้ดื่มไม่เมา ข้าดื่มสุรามาตั้งมากไม่เคยเมามายสักครา แล้วจะพูดว่ามอมเมาได้อย่างไร แต่เจ้าฝังสุราเพียงแค่สองไหน้อยเกินไป ปีหน้าต้องฝังเพิ่มอีกสักสองไห”
พูดแล้วหลินชิงเวยเดินเข้ามานั่งลงบนพื้นเช่นกัน นางหยิบไหสุรามาจากมือของเซียวจิ่น ดื่มจากไหสุราโดยไม่ใช้ถ้วยสุรา เซียวจิ่นมองสุราขาวใสไหลออกมาจากมุมปากของหลินชิงเวยจนมาถึงปลายคาง ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างท่วมท้น “ดื่มเถิด เมาเถิด หากทำเช่นนี้แล้วเจ้าสบายใจขึ้น”
หลินชิงเวยหัวเราะ “ข้ามีความสุขดี”
เซียวจิ่นใช้ปลายแขนเสื้อของตนซับคราบสุราบริเวณมุมปากของหลินชิงเวย เขาพูดเสียงต่ำ “เจ้าเป็นเช่นนี้รังแต่ทำให้เจิ้นยิ่งปวดใจ หากเปลี่ยนเป็นเจิ้น เจิ้นย่อมมิอาจหักใจ ทำให้เจ้าต้องเป็นทุกข์แม้เพียงครึ่งส่วน แต่ต่อให้เจิ้นทุ่มเทกายใจทั้งหมดก็ไม่อาจเข้าไปอยู่ในใจของเจ้าได้ เพราะแต่ไรมาคนที่อยู่ในใจเจ้าไม่ใช่เจิ้น”
หลินชิงเวย “ฝ่าบาททรงล้อเล่นแล้ว ในใจข้า ไม่มีผู้ใดทั้งสิ้น”
เซียวจิ่น “เช่นนั้นหาที่ว่างให้เจิ้นได้หรือไม่? เจิ้นจะทะนุถนอมเจ้าราวกับไข่มุกสูงค่าที่สุดในปฐพี ประคองเจ้าเอาไว้ในฝ่ามือ ปกป้องเจ้า รักเจ้า เจิ้นจะให้เจ้าเป็นฮองเฮา เป็นมารดาของแผ่นดิน เป็นภรรยาเพียงคนเดียวของเจิ้น สตรีสามพันนางในตำหนักในเหล่านั้นล้วนมิใช่สิ่งที่เจิ้นปรารถนา สิ่งที่เจิ้นต้องการมีเพียงหัวใจของเจ้าเพียงคนเดียว”
หลินชิงเวยตะลึงงัน เส้นผมที่ตกลงมาข้างจอนผมบดบังใบหน้าด้านข้างของนาง นางยื่นมือกุมทรวงอก ที่นั่นค่อยๆ ร้อนระอุขึ้น เจ็บปวดเสียจนหายใจก็รู้สึกลำบาก หลินชิงเวยหัวเราะเบิกบานใจ “เพียงแต่น่าเสียดาย…ข้าไร้วาสนา”
“อันใดเรียกว่าไร้วาสนา?” นิ้วมือเย็นเยียบนั้นยื่นออกมา ค่อยๆ สัมผัสเส้นผมของหลินชิงเวย ปลายนิ้วลูบไล้ใบหน้าของนางเบาๆ เซียวจิ่นพูดว่า “ใต้หล้านี้มีเจ้าเพียงคนเดียวที่มีวาสนานี้”
หลินชิงเวยค้ำฝ่ามือลงบนโต๊ะ คิดจะยืนขึ้น คาดไม่ถึงว่ากระดานหมากและหมากที่เดินเอาไว้เลอะเทอะนั้นจะตกลงบนพื้นดังเปาะแปะ เสียงนั้นใสกังวานราวกับไข่มุกตกลงบนกระดานหยก
ความรู้สึกของหลินชิงเวยยังพอมีสติอยู่บ้าง ทว่าร่างกายของนางเมามายไปนานแล้ว นางลดปราการป้องกันตัวเอง ร่างของนางไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย เมื่อนางคิดจะลุกขึ้นยืนจึงพบว่าร่างของตนอ่อนยวบราวกับสำลีก็ไม่ปาน ร่างกายของนางไม่ฟังการควบคุมของตน