ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 336 เหตุใดจึงอยู่ด้วยกันไม่ได้?
ปรากฏว่าไหสุราถูกขาของนางเตะจนล้มลง เสียงกลิ้งกุกกักๆ ไปหยุดอยู่ใต้โต๊ะ ส่วนตัวนางเองนั้นยืนไม่มั่นคง จึงได้แต่ล้มลงไปนอนบนพื้น
ก่อนที่ร่างของนางจะสัมผัสกับพื้น เคราะห์ดีที่เซียวจิ่นตาไวมือไว ยื่นมือออกไปคว้าร่างของนางเข้ามาสู่อ้อมกอดของตนได้อย่างทันท่วงที
เส้นผมนุ่มละเอียดมีกลิ่นหอมจรุงไหลผ่านฝ่ามือของเขา เซียวจิ่นสัมผัสเส้นผมของหลินชิงเวยที่แทรกผ่านร่องนิ้วมือของตน เขาถึงกับหักใจไม่ได้ด้วยต้องการจับให้มั่น
เหตุใดในใจของนางจึงมีเพียงผู้อื่น?
แก้มของหลินชิงเวยแดงก่ำ ดวงตาทั้งคู่ของนางก้มต่ำ รู้สึกเวียนศีรษะตาลาย จึงยกมือขึ้นประคองหน้าผากของตนพร้อมกับอาเจียนลมออกมา
กลิ่นหอมของสุราเมื่อผสมผสานกับกลิ่นกายหอมเย้ายวนใจของสตรี ราวกับเป็นยาพิษชนิดหนึ่งที่แทรกเข้ามาในจมูกของเซียวจิ่น ส่งผลให้เขาลุ่มหลงจนมิอาจควบคุมความรู้สึกได้
เซียวจิ่นได้แต่พูดในใจว่า ลืมเขาไปเถิด เป็นสตรีของเจิ้น เจิ้นจะไม่ทำให้เจ้าต้องน้อยเนื้อต่ำใจแม้เพียงครึ่งส่วน
เพียงแต่หลินชิงเวยไม่ได้ยิน
นิ้วมือของเซียวจิ่นสั่นน้อยๆ ยื่นออกไปแล้วดึงกลับมาหลายครั้ง ในที่สุดก็ลูบไล้สัมผัสใบหน้านางเบาๆ ความรู้สึกที่ท้องนิ้วได้รับคือความชีวิตชีวาและเนียนลื่น ถูกอกถูกใจเขาจนแทบไม่อยากละมือ ปลายนิ้วของเขาหยุดลงที่ริมฝีปากของนาง จากนั้นค่อยๆ ละเลื่อนลงไป สัมผัสกับลำคอบางระหง
เขามองสตรีในอ้อมกอดด้วยสายตาคลั่งไคล้ ความรู้สึกและปฏิกิริยาตอบสนองที่บุรุษควรมีล้วนถูกกระตุ้นออกมาจนหมด ชิงชังเหลือเกินที่ไม่อาจทำให้สตรีนางนี้เข้ามาอยู่ในเลือดเนื้อและกระดูกของตนแล้วใช้เรี่ยวแรงและกำลังทั้งหมดที่มีของตนรักและทะนุถนอมนาง
หลินชิงเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนนางกำลังตกอยู่ในสภาวะหลับลึก ทว่าท่ามกลางความมึนงงนั้น นางรับรู้ได้ว่ามีคนสัมผัสนางแผ่วเบา คล้ายผ้าโปร่งบางๆ ผืนหนึ่งลูบไล้ผ่านแก้มของนางอย่างไรอย่างนั้น ให้ความรู้สึกเย็นและปลอดโปร่งโล่งสบาย
เมื่อปลายนิ้วของเซียวจิ่นมาหยุดอยู่บริเวณลำคอของหลินชิงเวย นางกำลังเข้าสู่ห้วงฝัน นางมิยินยอมหันกลับไปนางมองไม่เห็นอนาคต นางตกอยู่ท่ามกลางความสับสน แยกแยะทิศทางใดๆ ไม่ออกทั้งสิ้น
สุดท้ายเซียวจิ่นยังคงค่อยๆ โน้มเอวลงไปโอบกอดหลินชิงเวยแล้วแนบชิดใบหน้าของนาง ริมฝีปากของนาง
เขาไม่รู้ว่าตนเองมีสติอยู่หรือกำลังเมามาย หากนี่เป็นความผิดพลาดอย่างหนึ่งเขาปรารถนาให้ผิดพลาดต่อไป หรือพรุ่งนี้เมื่อตื่นขึ้นนางจะรู้สึกเกลียดชังเขา เขาก็จะใช้เวลาชั่วชีวิตของตนมาชดเชยให้กับนาง
หากนางยินยอม
คืนนี้ให้พวกเขาทั้งสองถลำลึกซึ่งกันและกันเถิด
เซียวจิ่นสัมผัสริมฝีปากหลินชิงเวยสมปรารถนา
นาทีนี้หลินชิงเวยคิดถึงเซียวเยี่ยนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ดวงตาทั้งคู่ของหลินชิงเวยลืมขึ้นพรึ่บ ที่สะท้อนเข้ามาในคลองจักษุของนางคือใบหน้าของเซียวจิ่น ทว่านางกลับมองหาตัวเองไม่เจอ เซียวจิ่นตะลึงงัน ต่อมาเขาถูกหลินชิงเวยกระชากคอเสื้อแล้วพลิกกายรอบหนึ่ง หลินชิงเวยกดร่างของเขาลงกับพื้น
สายตานั้นกระจ่างใสและคมปลาบยิ่งยวด ราวกับฤดูหนาวในช่วงเดือนสิบสองอันหนาวเหน็บก็ไม่ปาน ทำให้หัวใจของเซียวจิ่นหนักอึ้งยิ่งขึ้น
หลินชิงเวยรู้สึกตัวแล้วเงื้อฝ่ามืออีกข้างหนึ่งขึ้นเตรียมจะตวัดลงบนใบหน้าของเซียวจิ่น ต่อมานางเห็นใบหน้าของเซียวจิ่นชัดเจน มือขาวๆ นั้นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศ
ร่างของคนทั้งสองแข็งเกร็ง บรรยากาศภายในห้องแตกต่างจากเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง
อาภรณ์สีขาวของเซียวจิ่นระลงกับพื้น เส้นผมดำขลับราวกับน้ำหมึก ใบหน้าอบอุ่นประดุจหยกนั้นกลายเป็นสีแดงก่ำในเวลานี้ เขาอ้าปากหอบหายใจมองหลินชิงเวยด้วยสายตาปวดร้าว พูดทั้งหัวเราะเสียงขื่น “เจ้ารังเกียจสัมผัสของเจิ้นถึงเพียงนี้?”
สายตาหลินชิงเวยเย็นเยียบ ต่อให้เป็นเซียวจิ่น นางก็ไม่เกรงใจ ดูเหมือนนางเมามายเสียจนกลายเป็นดินโคลนก้อนหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นกลับกระจ่างใสมีสติเต็มเปี่ยมราวกับถูกล้างด้วยหยดน้ำค้างอย่างไรอย่างนั้น ในที่สุดนางมิได้ตวัดฝ่ามือนั้นลงไป ทว่าค่อยๆ ดึงมือของตนกลับมา “ล่วงเกินข้าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากข้า ก็คือการล่วงละเมิด ต่อให้เจ้าเป็นฮ่องเต้ ข้าก็จะไม่เกรงใจเจ้าเช่นกัน”
หลังจากหลินชิงเวยพูดประโยคนี้นางปล่อยร่างของเซียวจิ่นแล้วลุกขึ้นยืนโงนเงน เซียวจิ่นลุกขึ้นนั่งแล้วจับมือของหลินชิงเวย “เจ้าเมามายจนเป็นเช่นนี้แล้วยังจะกลับไปอีกหรือ?”
หลินชิงเวยนวดคลึงหัวคิ้วหนักอึ้งของตน “หากข้าค้างแรมที่นี่ จะเป็นการทำผิดกฎเกณฑ์”
เซียวจิ่นเห็นนางยืนกรานเช่นนี้จึงไม่ได้รั้งนางเอาไว้อีก เขากล่าวเพียงว่า “แต่เจ้าเดินยังไม่มั่นคง อีกประเดี๋ยวเจิ้นให้คนส่งเจ้ากลับไป”
หลินชิงเวยหันหน้ากลับมา หลบตาลงมองเขาเรียบๆ หลังเมาสุรากระบอกตาของนางแดงก่ำ แต่สติของนางกระจ่างแจ้งราวกับเข้าถึงก้นบึ้งหัวใจของผู้อื่น นางพูดเรียบๆ ว่า “ไม่จำเป็น ข้ากลับเองได้ คืนนี้ขอบพระทัยสุราเลิศรสของฝ่าบาท หม่อมฉันดื่มหนำใจยิ่งนัก”
พูดแล้วก็ปัดมือเซียวจิ่นที่กุมมือของนางแล้วเดินจากไป
เซียวจิ่นมองเงาร่างด้านหลังของนาง ไม่รู้เหตุใด อาจเป็นเพราะตกอยู่ในสภาวะครึ่งมีสติ ครึ่งเมามาย และอาจเป็นเพราะได้รับการกระตุ้นจากฤทธิ์ของสุรา เขาจึงพูดอย่างน้อยอกน้อยใจว่า “หลินชิงเวย เจ้าก็แค่ไม่ยอมรับว่าเจ้าเป็นคนมีบาดแผลในใจ เจิ้นเป็นคนมีบาดแผลในใจคนหนึ่งเช่นกัน เหตุใดพวกเราสองคนจึงไม่อาจอยู่ด้วยกันได้?”
หลินชิงเวยไม่ได้ตอบเขา นางเปิดประตูตำหนักบรรทมแล้วเดินออกไป
สายลมยามราตรีพัดโคมไฟกระเบื้องจนดับมอดลง หลินชิงเวยเดินออกมาจากตำหนักซวี่หยาง สายลมที่พัดผ่านร่างทำให้นางได้สติขึ้นมาสองส่วน ทว่าในสมองของนางราวกับถูกคนใช้ตะเกียบกวนไม่หยุดหย่อน นางเวียนหัวเหลือเกิน
สุราหมักดอกหลีนั้นดื่มไม่เมา แต่มิใช่ให้หลินชิงเวยดื่มครั้งละสองไหเช่นนี้
ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหว โผร่างเข้าหาต้นไม้ใหญ่ข้างทาง อาเจียนสุราในคอทั้งหมดออกมา นางไม่รู้ว่าตนเองกลับมาถึงตำหนักฉางเหยี่ยนได้อย่างไรเช่นกัน นางเดินเข้าประตูใหญ่ของตำหนักฉางเหยี่ยนอย่างมึนงง กระทั่งกลับไปถึงเรือนของตนเองด้วยย่างก้าวสะเปะสะปะ ทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา ทว่าการเดินกลับมาถึงตำหนัก ทำให้นางได้สติจากอาการเมาสุราไม่น้อย
ยามนี้นางเหลือเพียงความรู้สึกยากจะทานทน ในกระเพาะปวดแสบปวดร้อนไปหมด ปวดหัวราวกับสมองขาดน้ำ ริมฝีปากของนางแห้งผาก เวลานี้นางสามารถดื่มน้ำสองกาใหญ่ได้เลยทีเดียว
เพียงแต่ทันทีที่นางก้าวเข้าไปในเรือน นางพบว่าภายในเรือนมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่
เซียวเยี่ยนยืนรออยู่ในลานเรือนเงียบๆ นานแล้ว วันนี้เขารู้จากปากนางกำนัลว่าเซียวจิ่นเชิญหลินชิงเวยไปดื่มสุราที่ตำหนักซวี่หยาง เขาถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับ
หลินชิงเวยดื่มสุราไม่เป็น อีกทั้งกลางดึกเงียบสงัดไร้ผู้คน นางยังไม่กลับมา เขาจึงมารอที่นี่ถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆ
ยามนี้หลินชิงเวยกลับมาพร้อมกลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั้งตัว เซียวเยี่ยนอดขมวดคิ้วไม่ได้
หลินชิงเวยเพิ่งจะเดินเข้ามาได้สองก้าวก็หยุดลง นางหรี่ตาลง เห็นเงาร่างของคนที่อยู่ใต้แสงจันทร์ ยังคิดว่าเป็นตนเองที่จินตนาการไปเอง หลังจากแน่ใจแล้วว่าเงาร่างที่เห็นนั้นเป็นความจริงมิใช่จินตนาการ หลินชิงเวยหมุนกายเดินออกไปด้านนอกเรือน พูดกับตนเองว่า “ข้าถึงกับมาผิดที่”
เซียวเยี่ยนพูดขึ้นด้านหลัง “เจ้าไม่ได้มาผิดที่”
หลินชิงเวยหยุดกึกจากนั้นหมุนกายกลับไป นางใช้มือเคาะหน้าผากตนเองพร้อมกับถามขึ้นว่า “อ้อ ข้ายังคิดว่าที่นี่ไม่ใช่ตำหนักฉางเหยี่ยนเสียอีก เช่นนั้นเซ่อเจิ้งอ๋องมาที่นี่ในเวลาดึกดื่น เป็นเพราะคืนนี้แม่นางสุ่ยไม่สบายหรือ? ไม่สบายก็ต้องอดทน รอให้ข้าสร่างเมาในเช้าวันรุ่งขึ้นค่อยไปตรวจดูอาการให้ เชิญเซ่อเจิ้งอ๋องกลับเถิด”