ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 337 อย่าโทษข้าที่เห็นท่านเป็นผู้บุกรุก
- Home
- ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง
- เล่มที่ 12 บทที่ 337 อย่าโทษข้าที่เห็นท่านเป็นผู้บุกรุก
นางพยุงร่างกับต้นไม้เมื่อเดินผ่านร่างของเซียวเยี่ยน เซียวเยี่ยนพูดขึ้นว่า “เหตุใดเจ้าต้องดื่มสุรามากมายเช่นนี้?”
หลินชิงเวยเดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ไม่แยแสคำพูดของเขา
เซียวเยี่ยนมองหลินชิงเวยเกาะเสาระเบียงทางเดินจนเกือบจะเข้าประตูห้องไป จึงพูดขึ้นอีกว่า “เหตุใดเจ้าต้องทรมานตนเองเยี่ยงนี้”
หลินชิงเวยหันหลังให้เซียวเยี่ยน นางเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ มือทั้งคู่ที่อยู่ใต้แขนเสื้อกำเป็นหมัดแน่น นางเกือบจะบันดาลโทสะด้วยทนไม่ได้ที่ต้องทนฟังคำพูดเช่น นนี้ของเขา
หลินชิงเวยพูดท้าทาย “ข้าทรมานตัวเอง? ท่านคิดว่าท่านเป็นใครกัน?” นางหันกลับมามองเขาอย่างสงบนิ่ง “เซ่อเจิ้งอ๋องบุกรุกเข้ามาในเรือนของข้าในยามวิกาล เพียงเพื่อต้องการพู ดเรื่องนี้กับข้า?” ดวงตาเรียวหงส์ใต้แสงจันทร์ของเซียวเยี่ยนหม่นแสงลง ร่างอ่อนยวบของหลินชิงเวยพิงกับเสาระเบียง นางหัวเราะเบาๆ “วันนี้ฝ่าบาทเชิญข้าไปดื่มสุรา สุราหมัก ดอกหลีรสชาติดีจริงๆ ข้าไม่ทันระวังจึงดื่มมากไปหน่อยเท่านั้นเอง” ในน้ำเสียงนั้นปนเปด้วยเสียงหัวเราะเบิกบานใจ แววตานั้นเปล่งประกายระยิบระยับ นางใช้หางตามองเซียวเยี่ยน “เซ่ อเจิ้งอ๋อง ท่านกลับอารมณ์ดียิ่งนัก ทิ้งโฉมสะคราญในห้องมาตากแสงจันทร์อยู่ในเรือนของเข้า อ้อ ถูกต้องแล้ว ไหนๆ ท่านก็มาแล้ว ข้ารบกวนฝากคำพูดไปถึงสุ่ยฉ่ายชิงสักประโยคหนึ่ ง ต่อไปไม่ว่าจะมีธุระก็ดี ไม่มีก็ช่าง ห้ามไม่ให้นางมาเยือนตำหนักฉางเหยี่ยนของข้าอีก ข้าชมชอบบุรุษรูปงาม แต่ไม่ชมชอบสตรีเลอโฉม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงงามที่ป่วยกระเสาะกระแสะม มาประกาศศักดาปาวๆ ต่อหน้าข้า”
เซียวเยี่ยน “ครั้งก่อนฉ่ายชิงมาที่นี่เพื่อขอบคุณที่เจ้ายื่นมือช่วยเหลือ หลังจากกลับไปไม่ทันระวังจึงต้องพิษไอเย็น เหตุใดเจ้าจึงไม่รับน้ำใจเล่า”
หลินชิงเวยหัวเราะเสียงต่ำสองครั้ง “ไม่มีเรื่องก็มาหาเรื่องให้ตนเองเดือดร้อน มารดานางไม่เคยสั่งสอนนางหรือไร ข้ายื่นมือช่วยชีวิตนางด้วยได้รับค่าตอบแทนเป็นค่ารักษา มาขอบคุณ เพียงประโยคเดียวจะมีค่าอันใด? ครั้งหน้าหากนางยังมาอีกละก็ ข้ารับรองเลยว่านางจะไม่ได้รับเพียงแค่พิษไอเย็นง่ายดายเช่นนั้น” นางช้อนดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมาจับจ จ้องเซียวเยี่ยนนิ่งๆ ไม่รอให้เขาพูดอันใดอีก นางร้องเสียงดังขึ้นว่า “เด็กๆ! มีผู้บุกรุก!”
แม้ภายในลานเรือนของหลินชิงเวยจะไม่มีขันทียืนเฝ้าอยู่ แต่ด้านนอกลานเรือนกลับมีขันทียืนเฝ้า ทันทีที่นางร้องตะโกน ไม่เพียงแต่ทำให้ซินหรูที่อยู่ในห้องถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ทั งยังทำให้ขันทีด้านนอกตื่นตกใจรีบรุดเข้ามาตรวจสอบว่าเกิดอันใดขึ้น
เซียวเยี่ยนเม้มริมฝีปาก แววตาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
หลินชิงเวยเบิกบานใจ นางพูดกับเขาว่า “ต่อไปหากเซ่อเจิ้งอ๋องยังลอบเข้ามาทำลับๆ ล่อๆ ในเรือนของข้าอีก ก็อย่าได้โทษว่าข้าเห็นเซ่อเจิ้งอ๋องเป็นผู้บุกรุก”
ยามนี้ขันทีกลุ่มใหญ่กำลังวิ่งเข้ามา เซียวเยี่ยนไม่อาจไม่รีบเหินกายจากไป เขาเป็นยอดฝีมือเพียงกระโดดข้ามกำแพงแล้วพุ่งออกไป หันกลับมามองหลินชิงเวยที่ยืนอยู่ใต้แสงจันทร ร์อีกแวบหนึ่ง
ซินหรูเห็นเงาร่างสีดำสายหนึ่งเช่นกัน ในใจจึงคาดเดาเรื่องราวได้พอประมาณ นางรีบวิ่งมายืนอยู่ข้างกายพี่สาวแล้วถามด้วยความเป็นห่วง “พี่สาว ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ? เป็นอะ ะไรหรือไม่!”
หลินชิงเวยนวดหว่างคิ้วและทอดถอนใจ “ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่ไม่ทันระวังดื่มมากไปหน่อย”
ซินหรูสะดุ้งโหยง “พี่สาวมิใช่ไปชิมสุราหรอกหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงดื่มสุราจนเมามายเยี่ยงนี้!”
คืนนั้นตำหนักฉางเหยี่ยนยากที่จะสงบลงได้ หลินชิงเวยสั่งให้ขันทีทั้งหมดตรวจค้นทุกซอกทุกมุมของตำหนักฉางเหยี่ยนแล้วจึงวางใจ เพียงแต่เมื่อถึงวันถัดมา เรื่องนี้มิได้เล็ดลอดออก กไปภายนอก แต่หลินชิงเวยกลับจัดระเบียบและคนเฝ้ายืนยามใหม่ทั้งหมด พร้อมทั้งให้กวดขันเข้มงวดกับการเข้าออกตำหนักอย่างแน่นหนา
อาการเมาสุราของหลินชิงเวยร้ายแรงไม่เบาทีเดียว นางปวดหัวอยู่สองวันจึงค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อนางได้สติเต็มที่อีกครั้ง พบว่าการเฝ้ารักษาการณ์ด้านนอกเรือนเปลี่ยนไป จึงอดถามซินหรู ไม่ได้ว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ? เหตุใดข้างนอกจึงมีคนมากมายเช่นนี้!”
ซินหรูเงียบงัน นางถามเสียงอ่อน “พี่สาวจำไม่ได้เลยหรือเจ้าคะ?”
หลินชิงเวยมองซินหรูหน้าตาย นางจำไม่ได้จริงๆ
ซินหรูพูดอย่างคับแค้นใจ “สองคืนก่อนมีผู้บุกรุกเจ้าคะ เกือบจะทำร้ายพี่สาว”
หลินชิงเวยครุ่นคิด “เกือบจะทำร้ายข้า? ผู้บุกรุกที่บุกเข้ามาในวังหลวงยามวิกาล มิใช่สมควรไปลอบสังหารฮ่องเต้หรือ? มาหาข้าทำอันใดกัน?”
ซินหรูอธิบายเช่นนี้ “เพราะพี่สาวมีวิชาแพทย์ล้ำเลิศ เขาไปลอบสังหารฮ่องเต้จะมีประโยชน์อันใดกัน อย่างไรพี่สาวก็สามารถถวายการรักษาฮ่องเต้ให้หายดีได้ ไม่สู้ลอบสังหารพี่สาว ครั งหน้าค่อยมาลอบสังหารฮ่องเต้ เช่นนี้ก็ไม่มีใครช่วยฮ่องเต้ได้แล้ว”
หลินชิงเวยมองซินหรู “เจ้าเข้าอกเข้าใจมือสังหารเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“ข้าเดาเอาเจ้าค่ะ”
ต่อมาหลินชิงเวยไม่ได้คิดอันใดมากเช่นกัน อย่างไรนางก็จำอะไรไม่ได้แล้ว สิ่งเดียวที่จำได้ก็คือสองวันก่อนนางไปตำหนักซวี่หยางในเวลาพลบค่ำ นางกินข้าวกับเซียวจิ่นจากนั้นดื มสุราเล็กน้อย ส่วนเรื่องราวข้างหลัง นางลืมไปจนหมดสิ้น
ต่อมาพวกนางใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบราบรื่น นับตั้งแต่วันนั้นไม่ว่าจะเป็นเซียวเยี่ยนหรือสุ่ยฉ่ายชิงล้วนไม่เคยมาเยือนตำหนักฉางเหยี่ยนอีก หลินชิงเวยเป็นท่านหมอที่เปี่ยมไปด้วย ความรับผิดชอบต่อหน้าที่คนหนึ่ง นางไปตรวจชีพจรและฝังเข็มให้สุ่ยฉ่ายชิงที่ตำหนักอวี้หลิงตามเวลา นางติดตามอาการป่วยพร้อมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาตามขั้นตอน
สุขภาพของสุ่ยฉ่ายชิงฟื้นฟูได้ไม่เลวนัก การรักษาในขั้นที่หนึ่งใกล้จะเสร็จสิ้น และกำลังจะเริ่มการรักษาในขั้นที่สอง
หลินชิงเวยออกจากวังหลวงครั้งที่สองในเวลากลางวัน ไม่ต้องสงสัยว่านางย่อมต้องนำสิ่งของมีค่าส่วนหนึ่งออกจากวังเพื่อไปแลกเปลี่ยน เดิมทีซินหรูคิดจะติดตามหลินชิงเวยไปพร้อมกันด้ว วย แต่หลินชิงเวยนึกขึ้นมาได้ว่าครั้งที่แล้วนางถูกคนจับตามอง หากนางไปคนเดียวคงไม่กระไรนัก ถ้านางพาซินหรูไปด้วยคงยากที่จะรับมือ
อย่างไรต่อไปเมื่อออกจากวังหลวงแล้ว ย่อมมีโลกอันกว้างใหญ่รอคอยให้ซินหรูไปทำความรู้จักมิใช่หรือ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปเผชิญโลกภายนอกในทันทีทันใด
หลินชิงเวยควบม้าออกจากวังหลวง มุ่งหน้าไปยังโรงรับจำนำครั้งที่แล้วอย่างรู้เส้นทางดี รอกระทั่งหน้าประตูโรงรับจำนำไม่มีบุคคลท่าทีน่าสงสัยอยู่อีก อีกทั้งยามนี้เป็นเวลาเที่ยง งตรง แสงแดดร้อนเปรี้ยง ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่เข้ามาในโรงรับจำนำจึงบางตาลง
เมื่อหลินชิงเวยยกเท้าก้าวเข้าไป เห็นเสี่ยวเอ้อร์กำลังนั่งค้ำโต๊ะสัปหงก หลงจู๊ด้านในมีอาการง่วงงุน
หลินชิงเวยตรงเข้าไปที่โต๊ะเก็บเงิน ยกมือขึ้นเคาะโต๊ะสองครั้งเพื่อปลุกหลงจู๊ให้ตื่นขึ้น หลงจู๊จับจ้องสายตาแล้วรีบยกมือขึ้นขยี้ตา ชัดเจนยิ่งนักว่าเขาจำหลินชิงเวยได้ “ “ที่แท้เป็นคุณชายนั่นเอง คุณชายรอสักครู่ ข้าจะไปเชิญเถ้าแก่ของพวกเราออกมาขอรับ”
เถ้าแก่เดินยิ้มแย้มออกมาถึงห้องโถงด้านหน้าในเวลาไม่นานนัก เขานำน้ำชาอย่างดีมาต้อนรับหลินชิงเวย สิ่งของที่นำออกมาในครั้งนี้ถูกหลงจู๊นำไปวิเคราะห์เพื่อตีราคา ครั้งแรกแปล ลกใหม่ ครั้งที่สองคุ้นเคย เถ้าแก่เสนอราคายุติธรรมมาให้ หลินชิงเวยใคร่ครวญดูแล้วไม่แตกต่างจากราคาในใจของตนจึงตอบตกลง
เถ้าแก่ให้คนไปเตรียมตั๋วเงินให้หลินชิงเวย หลินชิงเวยจึงเดินเล่นชมสินค้าในห้องโถงตามสบาย ในห้องโถงมีสินค้าแปลกๆ และของเก่าอยู่ไม่น้อย ล้วนเป็นสิ่งของที่ลูกค้าท่านอื่นนำม มาจำนำทั้งสิ้น ทันทีที่เลยกำหนด สิ่งของย่อมตกเป็นของโรงรับจำนำ เถ้าแก่สามารถนำสิ่งของออกมาขายพร้อมกับหาลูกค้าที่ต้องการซื้อไปครอบครอง
หลินชิงเวยเห็นกล่องใบหนึ่งวางอยู่ในมุมหนึ่ง กล่องใบนี้มีลักษณะธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง มีสีดำ มีขนาดราวๆ สามถึงสี่ฝ่ามือ ดูแล้วละเอียดอ่อนไม่ธรรมดา อีกทั้งยังให้ความรู้สึกว่ าเป็นของโบราณ
หลินชิงเวยยื่นมือออกไปสัมผัสลูกกระดิ่งบนแม่กุญแจทองเหลืองที่ปิดกล่องใบนั้น ไหนเลยจะคิดว่าแม่กุญแจทองเหลืองนั้นจะสัมผัสถูกกล่องใบนั้น ทำให้เกิดเป็นเสียงก้องกังวานหนักแน น่น เสียงนั้นดังสะท้อนเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของหลินชิงเวย
หลินชิงเวย “เถ้าแก่ กล่องใบนี้ท่านขายหรือไม่? เป็นเงินเท่าใด?”