ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 339 อารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็วเหลือเกิน
หลินชิงเวยไม่รู้ว่ามาก่อนเลยว่ากลไกในยุคสมัยโบราณจะลึกลับถึงขั้นนี้
ทันใดนั้นสตรีชุดแดงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงท้าทายไม่ดังนัก “ได้ยินว่า เจ้าสนใจของเล่นชิ้นนี้ของข้า?”
น้ำเสียงนี้กลับทำให้หลินชิงเวยประหลาดใจอยู่บ้าง มันออกจะสวนทางกับใบหน้างดงามของสตรีตรงหน้า ในทางตรงกันข้าม น้ำเสียงนั้นกลับทุ้มต่ำ ก้อง งกังวานและน่าฟังยิ่งนัก
หลินชิงเวยอดหรี่ตาลงไม่ได้ แม้จะมองเห็นหน้าตาท่าทางของคนผู้นี้ไม่ชัดเจนนัก แต่ยังคงพินิจพิจารณาอย่างคร่าวๆ ได้ นางจึงพูดขึ้นว่า “หาก ไม่สนใจ ข้าคงไม่มาถึงที่นี่”
อีกฝ่ายหัวเราะ “แม่นางน้อยซื้อกล่องเครื่องประดับเป็นเรื่องถูกต้อง แต่กล่องเครื่องประดับกล่องนี้ไม่ค่อยเหมาะสมที่จะนำมาใส่เครื่องประดับ ด้วย ยราคาของมันสูงลิบลิ่ว มีเงินซื้อเจ้าสิ่งนี้ มิสู้ไม่ซื้อเครื่องประดับมากชิ้นสักหน่อย”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะนำมันมาใส่เครื่องประดับ?” หลินชิงเวยเอ่ยอย่างเห็นขัน “มันมีมูลค่าสูง มีความปลอดภัยสูง ข้านำมันมาเก็บตั๋วเงินไม่ ได้หรือไร? ไม่มีอันใดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม มีเพียงชอบหรือไม่ชอบ อย่างเช่นคุณชายชมชอบสวมอาภรณ์สีแดงชุดนี้ ข้ารู้สึกว่าไม่เหมาะสมนัก แต่ คุณชายชอบที่จะสวมเช่นนี้”
นิ้วเรียวยาวนั้นชะงักเล็กน้อย เขาค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมามองหลินชิงเวยด้วยรอยยิ้ม “สายตาของเจ้าไม่เลว”
“ประสาทการได้ยินของเจ้าก็ไม่เลว” ก่อนหน้าที่นางจะเข้ามา ลำพังแค่ฟังเสียงฝีเท้าของนางก็รู้ว่านางเป็นสตรี หลินชิงเวยเห็นหน้าตาท่าทางของ งเขาชัดเจนขึ้นในที่สุด นั่นเป็นหน้าตาแบบใดกันนะ หากมิใช่เพราะหลินชิงเวยแน่ใจแล้วว่าคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามนั้นเป็นบุรุษคนหนึ่ง เกรงว่า านางจะเข้าใจว่าเขาเป็นโฉมสะคราญนางหนึ่ง
ชัดเจนยิ่งนักว่าใบหน้านี้ของเขาเป็นใบหน้าสตรี ไม่ว่าจะมองตรงหรือมองข้างล้วนงามทั้งสิ้น เป็นความงามที่พอเหมาะพอเจาะไม่เกินไปนัก หาไม่แ แล้วคงไม่อาจสวมอาภรณ์ชุดแดงอันร้อนแรงได้
หลินชิงเวยมองเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “กล่องใบนี้ของเจ้าเป็นงานฝีมือไม่สามัญ ในเมื่อวางไว้ในโรงรับจำนำแล้วต้องตาข้า ข้าย่อมต้องการซื้ อ คุณชายเสนอราคามาเถิด”
บุรุษชุดแดงมองนางแล้วพูดว่า “ที่จริงคิดจะขาย แต่ตอนนี้ข้ากลับไม่อยากขายแล้ว ไม่สิ พูดให้ถูกต้องคือข้าไม่อยากขายให้เจ้า”
หลินชิงเวยถาม “เหตุใดเล่า?”
บุรุษชุดแดงมองนางด้วยสายตาประเมิน “ข้ารู้ว่าเจ้ามีเงิน แต่สายตาของเจ้า ทำให้ข้าไม่ชอบใจนัก”
หลินชิงเวยกะพริบตาด้วยท่าทีไม่ได้รับความเป็นธรรม “สายตา? สายตาข้าเป็นอย่างไรเล่า?” เมื่อเห็นบุรุษในชุดแดงมีท่าทีหยิ่งผยอง นางอึ้งไปครู่หน นึ่งแล้วพูดอีกว่า “คุณชายท่านนี้ ใบหน้าของท่านทำให้ข้ารู้สึกไม่ใคร่พอใจนักเช่นกัน แต่ข้ามิได้กล่าวออกมา ข้ารู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าข้า กำลังทำการค้ากับปีศาจตนหนึ่ง ข้ามิใช่อดทนอดกลั้นเช่นกันหรอกหรือ?”
บุรุษชุดแดงได้ยินแล้วมีสีหน้าเคร่งขรึมลง เขาหรี่ตาลงกล่าวว่า “ถูกต้อง เจ้าใช้สายตาเฉกเช่นมองปีศาจมามองข้า ในเมื่อคิดจะซื้อสิ่งของของข้า า มิใช่เจ้าต้องเก็บงำสายตาเสียบ้างหรือ?”
หลินชิงเวยมีสีหน้าท่าทางจริงจัง “อ้อ ขออภัยด้วย ข้าจะพยายาม รบกวนถามคุณชายท่านนี้ กล่องใบนี้ ท่านต้องการขายในราคาเท่าใด?”
บุรุษชุดแดงยังคงมีท่าทีไม่พึงพอใจหลินชิงเวยอยู่นั่นเอง เขากลอกตาขาวให้นางครั้งหนึ่ง กล่องใบนั้นทำมาจากเหล็กย่อมมีน้ำหนักไม่น้อย เขากล ลับหิ้วมันด้วยมือเพียงข้างเดียวอย่างมิกินแรงแม้แต่น้อย เขาดึงขาที่ทอดออกไปนอกศาลากลับมา ค่อยๆ ลุกขึ้นใช้มืออีกข้างหนึ่งดีดชายอาภรณ์พร ร้อมกับเหยียดกายยืนตรง
เขาสูงกว่าหลินชิงเวยหนึ่งศีรษะเต็มๆ สีหน้าท่าทางของเขาหยิ่งผยองเมื่อมองหลินชิงเวยจากมุมสูง ร่างในอาภรณ์ชุดแดงของเขายืดตรงราวกับด้ามพ พู่กัน เหมาะสมกับรูปร่างของเขาอย่างยิ่ง ทุกอิริยาบถของเขาแฝงไปด้วยความเกียจคร้าน ยามนี้นางถึงกับรู้สึกว่าอาภรณ์ชุดแดงนี้ช่างเหมาะกับบุค คลิกของบุรุษผู้นี้อย่างมหัศจรรย์ใจ
ได้ยินเพียงเสียงจากริมฝีปากของเขาเอ่ยเน้นๆ ออกมาทีละคำว่า “อย่างไรก็ไม่ขายให้เจ้า เจ้าจะทำอะไรได้?”
หลินชิงเวยมองกล่องในมือของเขา นางรู้สึกว่ายิ่งดูก็ยิ่งชอบใจ อีกทั้งเสียงกลไกของกุญแจที่อยู่ข้างในนั้นทำให้นางชมชอบเหลือเกิน หลินช ชิงเวยพลันรู้สึกว่าบุรุษเบื้องหน้านี้มีหน้าตาอัปลักษณ์ยิ่งนัก ไฉนจึงน่าชิงชังเช่นนี้นะ นางพูดว่า “เจ้ากล้าแสดงโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาไหมเล่ า?”
บุรุษชุดแดงถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด
หลินชิงเวยกล่าวอีกว่า “อย่าได้กล่าวโทษข้าที่เห็นเจ้าเป็นปีศาจ แต่เป็นเพราะหน้ากากหนังมนุษย์ของเจ้าคุณภาพย่ำแย่เกินไป คาดว่าคงไม่แนบติด ดไปกับผิวและไม่ระบายอากาศแน่นอน หากใช้หน้ากากหนังมนุษย์ชนิดนี้เป็นเวลานานไปจะไม่ดีต่อผิวพรรณ และยังทำให้เกิดผดผื่นได้อีกด้วย” นางพูดไป ปพร้อมกับมองดูท่าทีของบุรุษชุดแดงที่ยื่นมือออกมาสัมผัสแตะต้องกับใบหน้าของตนเอง ปลายเล็บนั้นตัดแต่งเป็นทรงกลมสวยงาม ปลายนิ้วนั้นเป็นสีช ชมพูอ่อน นิ้วมือของเขางดงามชวนมองยิ่งยวด น่าจะได้รับการดูแลอย่างดี “ข้าดูแล้วเจ้าน่าจะเป็นคนให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกอย่างยิ่งคนหนึ่ ง ทำเช่นนี้เท่ากับทำลายรูปโฉมของตนเองโดยแท้”
บุรุษชุดแดงมองหลินชิงเวยด้วยสายตาเคร่งเครียด “เจ้าดูออกได้อย่างไร?”
หลินชิงเวยก้าวเข้าไปสองก้าว เขย่งเท้ายื่นมือไปลูบกรอบหน้าของเขา แล้วหัวเราะเบาๆ “เพราะข้าเป็นยอดฝีมือในด้านนี้น่ะสิ”
ราวกับบุรุษชุดแดงคาดไม่ถึงว่าหลินชิงเวยจะก้าวเข้ามาประชิดเขาเช่นนี้ ใกล้ถึงขั้นที่เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมที่คล้ายมีคล้ายไม่มีบนร่างของ งนาง เขาจึงได้แต่จ้องมองใบหน้าเล็กเพียงฝ่ามือเบื้องหน้าตนด้วยความตื่นตะลึง คิ้วตาประดุจภาพวาด ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเปี่ยมความมั่นใจ ส่งผล ลให้คนมิอาจเลื่อนสายตามองผ่านไปได้
หลินชิงเวยอาศัยขณะที่เขากำลังตะลึงงันนั้น ใช้ปลายนิ้วคลำไปตามกรอบใบหน้าของเขา จากนั้นฉวยโอกาสที่เขาไม่ทันป้องกัน กระชากเต็มแรง
หน้ากากหนังมนุษย์นั้นถูกติดแนบตึงไปกับผิวหน้า ได้ยินเสียงแควกกกดังขึ้น ถูกหลินชิงเวยกระชากขาดอย่างไร้ปรานี
บุรุษชุดแดงไม่ทันได้ป้องกันพลันรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ความรู้สึกนั้นราวกับกระชากผิวหนังบนใบหน้าของเขาออกไปชั้นหนึ่งอย่างไรอ อย่างนั้น เขาเจ็บเสียจนต้องสูดปากขบฟันยกมือขึ้นกุมหน้า ร้องด่าออกไปทันที “ให้ตายเถอะ นี่ต้องทำให้เปียกน้ำเสียก่อนจึงจะดึงออกมาได้! ! เจ้าสตรีน่าชังคนนี้ ข้าเจ็บแทบตาย!”
หลินชิงเวยมองหน้ากากหนังมนุษย์ในมือ ได้ยินเขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด่าทอแล้วมุมปากกระตุกขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ บุคลิกเช่นนี้เปลี่ยนแปลงเร็ว เกินไปแล้วนะ…
เมื่อนางช้อนตาขึ้นมองอีกครั้ง ครานี้เป็นนางบ้างที่ต้องตะลึงพรึงเพริด
รูปโฉมของบุรุษตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้งหนึ่ง เขาไม่ได้มีใบหน้าเป็นโฉมหน้าของสตรีอีกแล้ว ทว่าคล้ายกับยิ่งดึงดูดสายตายิ่งกว่าสตรีโฉมงามนางใ ใด ใบหน้านี้ยากแก่การบรรยายยิ่ง คิ้วประดุจหมึก ดวงตาราวกับดวงดารา สันจมูก ริมฝีปาก องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าล้วนเป็นองค์ประกอบอันไร้ที่ต ติ หางตาข้างนั้นถึงกับยังมีไฝน้ำตาสีแดงอยู่เม็ดหนึ่ง
นี่ใช่บุรุษจริงๆ หรือ? อย่างไรหลินชิงเวยก็ไม่เคยพบเห็นบุรุษงดงามปานนี้
ที่แท้เขาเจตนาทำให้ตนเองขี้เหร่ใช่หรือไม่
ยามนี้เมื่อมองประเมินเขาอีกครั้ง พบว่าจากศีรษะจรดปลายเท้าของเขาไม่มีส่วนใดที่ไม่ตื่นตะลึงตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฝน้ำตาเม็ดนั้นของเขารา าวกับย้อมด้วยโลหิตสีแดงสด
หลินชิงเวยถามสัพยอก “เจ้าคงมิใช่สวมหน้ากากหนังมนุษย์สองชั้นกระมัง?”
บุรุษผู้นั้นยังคงไม่คลายโทสะ เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงโมโหแทบเต้น “นี่คือของจริงมีมูลค่าสูง ผู้มีสายตาเช่นหนูตัวหนึ่งอย่างเจ้าแจ่มแจ้งหรือไ ไม่! ไม่เชื่อเจ้าลองลูบดูก็ได้ เจ้าลองลูบดู!” พูดแล้วก็เอนศีรษะเข้ามาใกล้ ให้หลินชิงเวยตรวจสอบว่าเขาไม่ได้สวมหน้ากากหนังมนุษย์อีกชั้นห หนึ่ง
หลินชิงเวยกล่าวอย่างเห็นขัน “ข้าไม่ลูบ พวกเราควรจะกลับเข้าเรื่องเสียที กล่อง…”