ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 340 ผู้มีวาสนาต่อกัน
หลินชิงเวยหัวเราะ “เป็นของทำใหม่ หากเจ้ารับปากขายกล่องใบนั้นให้ข้า ข้าจะทำให้เจ้าสามชุด เป็นอย่างไร?”
“เจ้าทำอาชีพอะไร?” บุรุษถามอย่างดูแคลน
หลินชิงเวยได้ยินคำพูดของเขาแล้วในใจพลันรู้สึกตงิดๆ ขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ใส่ใจ “หมอ เจ้าล่ะอาชีพอะไร?”
เขาหัวเราะ “ที่แท้เป็นหมอ อายุรกรรมหรือศัลยกรรม?”
“…” หลินชิงเวยกระจ่างแจ้งในใจทันใดว่าความรู้สึกตงิดๆ เมื่อสักครู่เกิดขึ้นจากตรงไหน ด้วยอาชีพหมอที่แบ่งเป็นอายุรกรรมและศัลยกรรมนั้น ยัง งไม่ปรากฏในยุคสมัยนี้!
บุรุษผู้นั้นยังไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินชิงเวย เขาเลิกคิ้วราวกับเป็นไก่ตัวผู้ “ข้าถามว่าเจ้าถนัดการรักษาแบบใด?”
ต่อมาหลินชิงเวยหัวเราะ รอยยิ้มบนใบหน้านางตรึงตาตรึงใจผู้คนยิ่งนัก เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริง ดวงตาทั้งคู่โค้งลงเล็กน้อย ทำให้รูปโฉมคุ ณชายน้อยที่นางอำพรางตนอยู่ก็มิอาจบดบังความสดใสบนใบหน้าของนางได้ หลายวันมานี้ ดูเหมือนวันนี้เป็นครั้งแรกที่นางเบิกบานใจเช่นนี้
ในสายตาของบุรุษรูปโฉมของหลินชิงเวยไม่อาจนับได้ว่าเป็นหญิงงามปานล่มเมือง หากนางแต่งกายอย่างอิสตรี อย่างมากที่สุดก็คือเป็นความงามสบา ายตา แต่บัดนี้เมื่อเห็นรอยยิ้มของนางประดุจบุปผาบนกิ่งหลิ่ว อีกทั้งเหมือนดอกท้ออย่างไรอย่างนั้น บุรุษผู้นั้นกล่าวว่า “นี่ อย่าได้ลืมต ตัวเชียว เจ้าคงมิได้ชมชอบข้าเข้าแล้วหรอกนะ ข้ารู้ว่าใบหน้าของข้านี้เป็นภัยแก่ตัวยิ่ง ทว่าชัดเจนยิ่งนักว่ารูปโฉมของเจ้ามิคู่ควรกับบุ คลิกและหน้าตาของข้าแม้แต่น้อย ข้าไม่มีทางชอบเจ้าหรอก” เขาทางหนึ่งคิดในใจว่าสตรีนางนี้ดูแล้วบริสุทธิ์ไร้พิษสง ทว่ากลับเจ้าเล่ห์เพทุบาย ยิ่ง นางถึงกับกล้าฉีกหน้ากากหนังมนุษย์ของเขา บัญชีนี้เขาไม่มีทางปล่อยผ่านไปเช่นนี้หรอก เขาจะต้องคิดบัญชีเอาคืนนางให้ได้!
ดังนั้นบุรุษผู้นั้นฉวยโอกาสที่หลินชิงเวยไม่ทันระวังตัว ยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมบนศีรษะของนาง เส้นผมนุ่มลื่นประดุจเส้นไหมทิ้งตัวแผ่สยาย ลงมาในชั่วพริบตา
หากเป็นเมื่อก่อนแล้วละก็ หลินชิงเวยจะต้องสั่งสอนเจ้าหนุ่มคนนี้ให้หลาบจำแน่นอน แต่ใครใช้ให้เวลานี้นางอารมณ์ดีสุดๆ เล่า นางจึงยกมือขึ้น นเกี่ยวผมข้างหูที่ตกลงมา ทุกๆ อิริยาบถของนางมีเสน่ห์เย้ายวนใจยิ่งยวด ราวกับมองทะลุปรุโปร่งถึงความคิดในใจของบุรุษ นางพูดกลั้วหัวเราะ “ข ข้าฉีกหน้ากากหนังมนุษย์ของเจ้า เจ้าดึงปิ่นปักผมของข้า เช่นนั้นพวกเราถือว่าหายกัน”
บุรุษผู้นั้นมองนางอย่างจนด้วยคำพูด
น้ำเสียงของหลินชิงเวยอ่อนโยน รอยยิ้มเจิดจ้า “นี่ เจ้าชื่ออะไร?”
บุรุษเอ่ยขึ้นว่า “จะตกลงการค้าก็ตกลงการค้า เจ้าถามชื่อของข้าเพื่ออันใด?”
“เพื่อเป็นการสะดวกในการมาหาเจ้า เพื่อทำการค้ากับเจ้าในครั้งต่อไปไงเล่า”
“ข้าชื่อ หลีเช่อ” บุรุษผู้นั้นตวัดสายตามองหลินชิงเวยอย่างรังเกียจ “ข้ายังคงรู้สึกว่าเจ้าชอบข้าอยู่นั่นเอง”
หลินชิงเวย “…” นี่เป็นคนหลงตัวเองคนแรกที่นางเคยพบเห็น แต่นางกลับรู้สึกเป็นกันเองเหลือเกิน…นางกล่าวอย่างเห็นขัน “หลีเช่อ เจ้ากับข้ านับว่ามิใช่ไม่รู้จักกันแล้ว ในเมื่อเจ้าชอบใส่หน้ากากเช่นนี้ ข้าทำให้เจ้าเจ็ดชุดก็แล้วกัน เป็นอย่างไร เจ้าจะทำการค้ากับข้าหรือไม่?”
อย่างนี้เจ้าก็สามารถเปลี่ยนหน้ากากได้ทั้งสัปดาห์โดยไม่ซ้ำหน้ากัน
หลีเช่อมองหลินชิงเวยด้วยสายตาคลางแคลงใจ “หน้ากากของเจ้าดีเช่นนั้นจริงๆ หรือ?”
หลินชิงเวยเลิกคิ้ว “ข้าบอกแล้วว่าหน้ากากของข้าระบายอากาศได้ดี เบา บาง นำพืชมาแช่ในน้ำยา ยังทำให้ผิวของเจ้าชุ่มชื้นอีกด้วย เจ้าไม่เชื่อ ข้า?”
หลีเช่อยังคงระแวงยิ่งยวด “ไฉนเจ้าจึงเปลี่ยนมาพูดจาง่ายดายเช่นนี้เล่า นี่คงไม่มีลูกไม้อะไรกระมัง?”
หลินชิงเวยพูดกลั้วหัวเราะ “อาจเป็นเพราะข้าคือผู้มีวาสนาคนนั้น? หากเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าจะฝากกล่องใบนี้ไว้ที่เจ้า รอจนกว่าเจ้าจะได้ทดลอ องสวมหน้ากากแล้วค่อยมอบกล่องให้ข้าก็ได้”
หลีเช่อมองนางทางหางตา “เห็นแก่ที่เจ้ามีความจริงใจเช่นนี้ กล่องใบนั้นมิใช่ว่าจะขายให้เจ้าไม่ได้ หนึ่งหมื่นตำลึง ข้าจะสอนวิธีการเปิดมัน ให้กับเจ้าด้วย นอกจากรูกุญแจแล้ว ยังมีรหัสลับ หลังจากเจ้าเปลี่ยนรหัสลับแล้ว บนโลกนี้ก็มีเพียงเจ้าที่เปิดมันได้”
หลินชิงเวย “ตรงกับความคิดของข้า” ประจวบเหมาะกับวันนี้นางมีเงินมากพอ นางจึงชำระเงินให้กับหลีเช่อเป็นตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงทันที
หลีเช่อหยิบตั๋วเงินเหล่านั้นมาดูแล้วดูอีก ราวกับยังคงไม่เชื่ออยู่นั่นเอง เขาเพียงแค่เรียกราคาส่งเดชไปเช่นนั้นเอง สตรีนางนี้ไม่แม้แต่จะ ะต่อราคา กลับควักเงินออกมาจ่ายให้เขาทันที?
หรือนางเป็นคนมีเงินผู้โง่เขลาในตำนานจริงๆ?
กล่องใบนี้วางขายอยู่ในโรงรับจำนำมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ไม่มีลูกค้าถามไถ่มาโดยตลอด อย่าได้เอ่ยถึงว่าหนึ่งหมื่นตำลึง กระทั่งห้าพันตำลึงก็ยั งไม่มีผู้ใดยอมซื้อ ผู้ใดจะยินยอมควักเงินออกมาซื้อกล่องเครื่องประดับที่ทั้งดำทั้งขี้เหร่และยังหนักยิ่งยวดใบนี้เล่า? อีกทั้งข้างในนั้น นยังมีกลไกปิดอยู่ คนธรรมดาสามัญย่อมไม่อาจเข้าใจได้ คนยุคสมัยโบราณผู้นิยมอวดรู้ล้วนไม่ยินยอมรับสิ่งใหม่ๆ!
หลีเช่อเก็บเงินด้วยความรู้สึกปลื้มเปรมใจเล็กน้อยแล้ววางกล่องใบนั้นลงบนเก้าอี้ยาวภายในศาลาหลังนั้น เขากระดิกนิ้วเรียกหลินชิงเวย “เจ้า ามานี่ ข้าจะสอนวิธีการใช้ให้เจ้า”
ดังนั้นคนทั้งสองจึงนั่งยองๆ ลงข้างๆ เก้าอี้ยาวตัวนั้น หลีเช่อหยิบลูกกุญแจที่เขามีเพียงดอกเดียวออกมาส่งให้หลินชิงเวย “เจ้าลองเปิดดู”
หลินชิงเวยใช้กุญแจสอดเข้าไปในแม่กุญแจแล้วบิดไปมา รู้สึกได้ว่าโลหะที่ทำจากเหล็กข้างในเชื่อมต่อถึงกันชั้นแล้วชั้นเล่า พวกมันส่งเสียงสั นสะเทือนผ่านกุญแจที่นางถือ กระทั่งส่งผ่านมาถึงมือของนาง นางยิ้มตายิบหยี “ให้ความรู้สึกดียิ่ง เป็นลักษณะที่ข้าชมชอบ เจ้าเป็นคนทำของ สิ่งนี้?”
หลีเช่อ “ถูกต้อง แม่กุญแจนี้เป็นข้าที่ทำเพิ่มเข้าไปในภายหลัง แต่ข้าไม่ได้เป็นคนทำกล่องใบนี้ขึ้นมา”
หลินชิงเวยถาม “เจ้ามีอาชีพอะไร?”
หลีเช่อเห็นว่าตัวนางเองได้บอกว่าประกอบอาชีพอันใดแล้ว ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “เมื่อก่อนเป็นวิศวกรเครื่องกล ช่างเถิด มันเป็นอาชีพที่ต้องใช ช้ความชำนาญอย่างยิ่งยวด พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ”
หลินชิงเวยพูดคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ก็คือนายช่างกระมัง”
หลีเช่อกลอกตาขาวใส่นางอย่างไม่พอใจ “เก่งกาจกว่านายช่างของที่นี่มาก เจ้าไม่เข้าใจ ข้าก็ไม่โทษเจ้า”
หลังจากหลินชิงเวยเปิดกุญแจแล้ว หลีเช่อดึงแผ่นโลหะข้างล่างออกแผ่นหนึ่ง กุญแจรหัสลับฝีมือประณีตและโบราณพลันปรากฏให้เห็นแก่สายตา ปลายนิ้ วของหลีเช่อพลิ้วลงบนกุญแจรหัสลับ ได้ยินเพียงเสียงสะท้อนของโลหะภายในกล่องใบนั้นดังพ่างๆๆ กระทั่งกุญแจทั้งเก้าชั้นเปิดออกทุกชั้น เสี ยงดังกล่าวจึงได้เงียบลง
หลีเช่อ “เปิดออกดูสิ ไม่ทำให้เจ้าผิดหวังหรอก”
หลินชิงเวยเปิดกล่องใบนั้น บรรยากาศที่ครอบคลุมขณะนั้นราวกับลืมเลือนเวลาไปสิ้น ข้างในมีกลไกลับอีกชั้นหนึ่ง แต่ละชั้นเรียงรายออกมาคล้ายกำล ลังต้อนรับเจ้าของคนใหม่ของมัน
หลินชิงเวยยื่นนิ้วออกไปลูบไล้ พยายามควบคุมความรู้สึกของตนเอง
“เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าพอใจหรือไม่?”
หลินชิงเวย “เงินหนึ่งหมื่นตำลึงนี้คุ้มค่า”
หลีเช่อลอบกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ คนในยุคสมัยโบราณหลอกง่ายจริงๆ เพียงแต่น้อยนักที่จะเป็นสตรีในวัยดรุณีเช่นคนนี้ นางเป็นคนมีเงินคนหนึ่ง ง ย่อมปล่อยนางไปไม่ได้!
หลินชิงเวยเงยหน้าพรึ่บ เก็บงำสายตาและความรู้สึกของหลีเช่อไว้ในก้นบึ้งของแววตา หลินชิงเวยหัวเราะเปิดเผย “ต่อไปหากมีของดีให้เรียกหาข้า กล่องใบนี้ข้าจะนำไปด้วย เมื่อข้าทำหน้ากากเสร็จแล้วจะส่งมาให้เจ้า”
หลีเช่อเก็บงำอารมณ์และความรู้สึกบนใบหน้า “เฮ้อ เช่นนั้นข้ารอฟังข่าวดีของเจ้า ถึงเวลานั้นเจ้ารู้นี่ว่าจะหาข้าได้อย่างไร ถูกต้องแล้ว เจ้ าชื่ออะไร?”