ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 341 คู่แค้นบนทางแคบ
หลินชิงเวยกระตุกริมฝีปาก “ทั้งๆ ที่เจ้าอิจฉาตาร้อน เพราะเจ้าไม่มีเงินมากมายเช่นข้า ดังนั้นเจ้าจึงริษยา”
“ที่ไหนกัน!”
หลินชิงเวยหัวเราะเสียงดัง ยื่นมือออกไป “เอามา”
“อะไรเล่า?”
“ปิ่นปักผมของข้า”
หลีเช่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าปิ่นปักผมของหลินชิงเวยยังอยู่ในมือของเขา จึงส่งมันคืนให้นาง นางรวบเส้นผมยาวของตนเกล้าขึ้นไปบนศีรษะแล้วตรึงไว้ด้วยปิ่นปักผมอย่างชำนิชำนาญ นาง งยิ้มตาหยีให้หลีเช่อ “ข้าต้องไปก่อน พวกเราเจอกันใหม่ครั้งหน้า” นางหยิบสิ่งของของตนแล้วหมุนกายเดินจากไป
“ใช่แล้ว หน้ากากหนังมนุษย์ที่เจ้าทำให้ข้านั้นไม่จำเป็นต้องทำให้งามนักก็ได้ ด้วยตัวจริงของข้านั้นหล่อเหลามากอยู่แล้ว ข้าไม่ต้องการดูดีกว่านี้!” หลีเช่อไม่ได้รั้งนางเอาไว้ เ เขาเพียงแต่พูดไล่ตามหลังนางไปเท่านั้น หลินชิงเวยไม่ได้หันกลับมาเช่นกัน นางเพียงแต่ยกมือขึ้นส่งสัญญาณในความหมายว่าไม่มีปัญหา เขามองตามเงาร่างบอบบางของนางกระทั่งเงาร่างของนาง ลับหายไปจากลานเรือนด้านนอก เขายกมือขึ้นลูบคางของตนพร้อมเอ่ยอย่างครุ่นคิด “หลินชิงเวยคนนี้ หลินชิงเวย…ชิ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูเช่นนี้นะ เหมือนเคยได้ยินมาก่ อนอย่างไรอย่างนั้น”
หลินชิงเวยเข้ามาทางประตูเรือนด้านหลัง ย่อมต้องออกไปทางประตูเรือนด้านหลังเช่นกัน รถม้าสีดำคันนั้นยังรออยู่ที่เดิม มันรอหลินชิงเวยออกมาขึ้นรถม้าแล้วส่งนางกลับไปที่เดิม
หลินชิงเวยนั่งอยู่ในรถม้า ร่างของนางโยกไปมาตามจังหวะการก้าวเดินของรถม้า นางเอนกายพิงผนังของรถม้าแล้วหยิบกล่องใบนั้นออกมากอดไว้ในอ้อมกอด นิ้วมือลูบไล้เบาๆ พร้อมกับใบหน น้าเปื้อนยิ้ม
บัดนี้นางไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปจดจำเส้นทางอันใด คิดจะหาหลีเช่อนั้นเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง
คิดไม่ถึงว่าการออกจากวังหลวงมาในครั้งนี้จะทำให้นางได้อะไรกลับไปมากมายเช่นนี้ นี่อาจเป็นเพราะสวรรค์ยังคงมีความยุติธรรมอยู่บ้าง ให้นางสูญเสียบางสิ่งไป และให้นางได้รับบางอย่าง งกลับมาเช่นกัน
หลีเช่อคนนั้น น่าสนใจยิ่งนัก
หลินชิงเวยไหนเลยจะยอมปล่อยให้เจ้าหนุ่มที่สวรรค์ประทานลงมาให้จากเบื้องบนผู้นี้หลุดมือไปได้เล่า
รถม้าหยุดลงหน้าโรงรับจำนำ เถ้าแก่โรงรับจำนำออกมาต้อนรับด้วยตนเองอีกครั้ง เขามองหลินชิงเวยลงมาจากรถม้าด้วยสายตาสังเกตสังกาว่องไว เห็นบนหลังของหลินชิงเวยสะพายสิ่งของมีลักษณ ณะรูปทรงสี่เหลี่ยมจึงกล่าวแสดงความยินดีทันที “ขอแสดงความยินดีกับคุณชายจริงๆ ขอรับ ดูท่าแล้วคุณชายและสหายท่านนั้นของข้าตกลงทำการค้าในครั้งนี้สำเร็จ”
หลินชิงเวยกล่าวยิ้มๆ “ยังต้องขอบคุณที่เถ้าแก่แนะนำอย่างใจกว้าง ตามที่ข้าและคุณชายท่านนั้นตกลงนัดหมายกันไว้ ครั้งหน้าข้าจะมาอีกและคงต้องรบกวนเถ้าแก่อำนวยความสะดวก”
เถ้าแก่ยิ้มเต็มหน้า “พูดอันใดกันขอรับ นี่เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว”
ต่อมาหลินชิงเวยอำลาเถ้าแก่โรงรับจำนำ นางเดินอยู่ในตลาดเพียงลำพัง เวลานี้สภาพอากาศร้อนอบอ้าว ดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันทั้งแรงทั้งแผดเผา ร้านค้าสองข้างถนนล้วนกางเต็นท์ขึ้นมาทั้ งสิ้น
แสงตะวันเจิดจ้านั้นส่องสว่างเสียจนหลินชิงเวยแทบจะเปิดตาไม่ขึ้น แม้นางจะสวมอาภรณ์เนื้อบางสำหรับฤดูร้อน ทว่าเมื่อต้องเดินอยู่ใต้แสงแดดเป็นเวลานานก็ยังรู้สึกร้อนจนยากจะทาน นทน
เวลานี้เซียวอี้นั่งอยู่ในหอน้ำชาอย่างเบื่อหน่าย หอน้ำชาแห่งนี้ตกแต่งอย่างงดงามหรูหรายิ่งยวด ชั้นสองของหอน้ำชายังมีนักดนตรีเล่นดนตรีให้ฟังโดยเฉพาะ น้ำชาล้วนเป็นชาใหม่ชั้น นเลิศ ลูกค้าที่เข้ามาดื่มน้ำชาที่นี่ล้วนเป็นชนชั้นสูงที่มีฐานะมั่งคั่งพร้อมที่จะจ่ายค่าน้ำชาและให้รางวัลผู้คนทั้งสิ้น
ชัดเจนยิ่งนักว่าเซียวอี้เป็นลูกค้าประจำของหอน้ำชาแห่งนี้
น้ำชาบนโต๊ะกำลังส่งกลิ่นหอม ข้างกายเซียวอี้มีบุรุษสวมชุดรัดกุมสีดำคนหนึ่ง ท่าทางกระฉับกระเฉงเยี่ยงผู้ฝึกยุทธ์ของชายชุดดำยิ่งขับให้เซียวอี้ดูเกียจคร้านยิ่ง เขาฟังชายชุด ดดำรายงานเสียงเบาข้างหูหลายประโยค ปลายนิ้วของเซียวอี้เคาะลงบนขอบโต๊ะพร้อมกับพูดเสียงเบาว่า “ข้าไม่คิดว่านางจะมีสหายคนอื่นในเมืองหลวงแห่งนี้ เจ้าไปสืบประวัติเจ้าของคฤหา าสน์หลังนั้นมาให้ข้า”
“ขอรับ” ชายชุดดำรับคำ แล้วถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ
เซียวอี้นั่งอยู่ริมหน้าต่าง มือหนึ่งพาดลงบนกรอบหน้าต่าง หรี่ตามองลงไปบนถนนเบื้องล่าง ดูแล้วน่าจะเป็นเวลาประจวบเหมาะที่นางจะเดินผ่านมาทางนี้พอดี
เซียวอี้เกาะเปลือกถั่วลิสงเม็ดหนึ่ง บีบเปลือกส่งเมล็ดถั่วลิสงเข้าปากของตนด้วยรอยยิ้มประดุจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง
หลินชิงเวยไหนเลยจะสังเกตเห็นเหตุการณ์บนหอน้ำชาแห่งนี้ นางรู้สึกเพียงเวลานี้ตนทั้งร้อนทั้งกระหายน้ำ ต้องการหาหอน้ำชาสักแห่งเพื่อดื่มชาสักกา
บังเอิญอย่างยิ่งหอน้ำชาที่นางยืนอยู่ด้านนอกในขณะนี้ เมื่อนางกำลังจะยกเท้าก้าวเข้าไปด้านในพลันมีสิ่งของบางอย่างร่วงบนจากข้างบนตกใส่ศีรษะของนาง
นางขมวดคิ้วจับจ้องสายตามองไป ถึงกับเป็นเมล็ดถั่วลิสงสีแดงเม็ดหนึ่ง ตกลงมาจากศีรษะของนางลงบนพื้น มันกลิ้งขลุกๆ แล้วหยุดลงท่ามกลางแสงตะวัน
หลินชิงเวยเงยหน้ามองไปเห็นใบหน้าคุ้นเคยที่นางชิงชังนักกำลังยิ้มให้ตน
เซียวอี้ผู้นี้ไม่ปรากฏตัวให้นางเห็นมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว นางเกือบจะรู้สึกว่าคนผู้นี้หายไปจากโลกนี้ก็ไม่ปาน คาดไม่ถึงว่าจะได้พบเขาที่นี่อีกครั้ง
เซียวอี้ฟุบร่างอยู่บนหน้าต่าง ส่งยิ้มสว่างไสวให้นาง “เวยเวย ไม่เจอกันตั้งนาน สบายดีหรือไม่ ขึ้นมาสิ ข้าเลี้ยงน้ำชาเจ้า”
หลินชิงเวยยังไม่ลืมบุญคุณความแค้นระหว่างนางและเซียวอี้เมื่อครั้งร่วมเดินทางมุ่งลงหนานเจียง ตัวนางเองไม่ได้รู้สึกเคียดแค้นชิงชังเขามากนัก ในทางกลับกันเมื่อนางตกอยู่ในกำมือ อเขา นางไม่ได้เสียเปรียบมากมาย แต่สำหรับเซียวอี้แล้วแตกต่างออกไป นางทำลายแผนการใหญ่ของเซียวอี้ หลังจากกลับเมืองมาแล้วไม่เคยได้ยินว่าเซียวอี้มีบทบาทอันใดในท้องพระโรง คาด ว่าเขาน่าจะถูกลิดรอนอำนาจให้เป็นท่านอ๋องแต่ในนามอย่างแท้จริง หาไม่แล้วเซียวอี้ไหนเลยจะมีเวลาว่างมาดื่มน้ำชาที่นี่เล่า
เขาน่าจะเคียดแค้นชิงชังหลินชิงเวยจนแทบจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก็ว่าได้ ไม่รู้ว่ายามนี้มีแผนการร้ายอันใดในใจ
บุคคลอันตรายเช่นนี้ พบปะสังสรรค์ให้น้อยจะดีที่สุด
หลินชิงเวยไม่ขาดแคลนเงินค่าน้ำชาเพียงไม่กี่ถ้วยนี้ จึงไม่คิดจะสนใจเขา นางตัดสินใจหมุนกายไปหาน้ำชาดื่มในหอน้ำชาอื่น
เซียวอี้เห็นนางจะเดินจากไปจึงยกมือขึ้นป้องขมับหรี่ตามองทิศทางที่ทางเดินไป พร้อมกับกล่าวว่า “วันนี้อากาศร้อนเหลือเกิน บริเวณใกล้เคียงถนนสายนี้มีหอน้ำชาแห่งนี้เพียงแห่งเดีย ยว หากคิดจะหาหอน้ำชาแห่งอื่นยังต้องเดินออกไปอีกสองสายถนนกระมัง อย่าให้กลายเป็นว่ายังหาที่ดื่มน้ำชาไม่ได้ก็ร้อนเสียจนสิ้นสติกลางถนนเสียก่อนเล่า”
หลินชิงเวยชะงักย่างก้าวของตน บนหน้าผากนางเต็มไปด้วยเหงื่อบางๆ ชั้นหนึ่ง เวลานี้นางถูกแสงแดดเล่นงานเสียจนตาพร่า ในที่สุดนางยังคงหันกลับมาเดินเข้าไปในหอน้ำชา
นางเพิ่งจะก้าวเข้าไปในหอน้ำชา เสี่ยวเอ้อร์ของหอน้ำชาก็ลงมาจากชั้นสองนำทางนางขึ้นไป “คุณชายท่านนี้ คุณชายที่อยู่ชั้นสองรอท่านอยู่ เชิญตามผู้น้อยมาขอรับ”
หลินชิงเวยขึ้นชั้นสองตามเสี่ยวเอ้อร์ไป ได้ยินเสียงพิณลอยมาเบาๆ ราวกับเสียงพิณนั้นทำให้จิตใจคนสงบลงได้ ส่งผลให้บังเกิดความรู้สึกเย็นสบาย ภายในหอน้ำชาแห่งนี้เงียบสงบแตกต่า างจากเสียงอึกทึกคึกโครมข้างนอกราวกับเป็นคนละโลก
เซียวอี้นั่งอยู่ริมหน้าต่าง ตั้งแต่หลินชิงเวยขึ้นมา แววตาคมปลาบเปี่ยมรอยยิ้มจับจ้องร่างของนางไม่วางตา หากหลินชิงเวยหาที่นั่งโต๊ะอื่น เชื่อว่าเขาก็คงจะเสนอตัวมานั่งด้วย ดังนั้นหลินชิงเวยจึงไม่กระทำสิ่งไร้ประโยชน์เหล่านั้น นางเดินลงไปนั่งโต๊ะเดียวกับเซียวอี้อย่างเงียบๆ
เซียวอี้เคาะโต๊ะด้วยความพออกพอใจ เขาหันไปกล่าวยิ้มๆ กับเสี่ยวเอ้อร์ “ไป นำน้ำชาใหม่ของดีของร้านพวกเจ้ามาอีกกาหนึ่ง”
“ได้ขอรับ!” เสี่ยวเอ้อร์เก็บผ้าเช็ดโต๊ะแล้วหันกายออกไป
เซียวอี้หยิบกาน้ำชาขึ้นมา พลิกถ้วยกระเบื้องสีเขียวขึ้นใบหนึ่งแล้วรินชาลงไปในนั้น “ชากานี้ข้าดื่มไปแล้วสองถ้วย หากเจ้าไม่รังเกียจก็ดื่มแก้กระหายสักคำก่อนได้ ความร้อนกำ ำลังพอดี”