ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 342 หรือท่านใจกว้างมากเมตตา?
หลินชิงเวยไม่เกรงใจเขาเช่นกัน นางยกน้ำชาขึ้นมาจิบคำหนึ่ง น้ำชาที่เข้าปากนั้นอุ่นเล็กน้อยตรงเข้าไปก้นบึ้งหัวใจ ดับกระหายได้ดียิ่ง นางจึงยกดื่มทั้งถ้วย
เซียวอี้รินน้ำชาให้นางอีกหนึ่งถ้วย เขากล่าวยิ้มๆ “เวลานี้เวยเวยเป็นอิสระแล้ว เข้าออกวังหลวงสะดวกกว่าข้าเสียอีก นี่เพิ่งผ่านมานานเท่าใดกัน เมื่อสักครู่ข้าอยู่บนนี้มองเห ห็นเจ้าเกือบจำเจ้าไม่ได้ กลับเหมือนคนนอกวังหลวงจริงๆ”
หลินชิงเวยเงยหน้าขึ้นมองเขา “ท่านอ๋องจงใจใช้เมล็ดถั่วลิสงโยนใส่ข้า ไม่เหมือนท่าทางเกือบจะจำข้าไม่ได้ เกรงว่าท่านคงจับตาดูข้าอยู่นานแล้วกระมัง ต่อให้ข้ากลายเป็นเถ้าถ่าน ท่า านอ๋องก็น่าจะยังจำข้าได้ ข้าคิดว่าเวลานี้ในใจท่านอ๋องกำลังคิดคำนวณว่าจะให้ข้าตายด้วยวิธีใด”
เซียวอี้หัวเราะ “ข้าเลวร้ายถึงเพียงนั้นจริงๆ”
หลินชิงเวยย้อนถาม “หรือท่านใจกว้างมากเมตตา?”
น้ำชากาใหม่ถูกส่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเอ้อร์เก็บน้ำชากาก่อนหน้านี้ไปด้วย เซียวอี้รินน้ำชาให้นางอีกหนึ่งถ้วย กลิ่นหอมของชาอบอวลไปทั่ว ทั้งยังมีไอร้อนพุ่งขึ้นมาเป็นสา าย เซียวอี้เลิกคิ้ว “จุดยืนไม่เหมือนกัน เจ้าไม่อาจกล่าวโทษว่าข้าชั่วร้าย หากจะกล่าวแล้วควรเป็นข้าที่กล่าวโทษเจ้า เพียงแต่หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ข้าอาจจะให้นางตายไปร้อยแปดสิบคร รั้งแล้ว ใครใช้ให้เจ้าคือเวยเวยเล่า นอกจากให้ข้าเกลียดชังเจ้าจนไม่อาจทานทน ข้าจึงจะตัดสินใจลงมือกับเจ้า”
หลินชิงเวยอดนึกถึงการเดินทางไปหนานเจียงขึ้นมาไม่ได้ จุดยืนของนางและเซียวอี้ต่างกันตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งๆ ที่เซียวอี้มีโอกาสมากมายที่จะลงมือสังหารนาง แต่เขากลับไม่ได้สังหาร รนาง และนางมีโอกาสมากมายที่จะตอบโต้เซียวอี้ ทว่านางกลับลงมืออย่างไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อยเช่นกัน
หลินชิงเวยไม่คิดว่าเซียวอี้เป็นคนมีเมตตา แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเซียวอี้แล้ว นางกลับเหมือนคนชั่วช้ามากกว่ากระมัง
หรือบางทีหากเซียวอี้บีบคั้นนางจนไม่มีทางไปแล้ว นางคงจะรู้สึกสบายใจมากกว่านี้เล็กน้อย
หลินชิงเวยถามอย่างสงบ “เหตุใด”
“เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ?” เซียวอี้เอนกายพิงไปกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีเกียจคร้าน เขามองหลินชิงเวยด้วยสีหน้าท้าทาย “ข้าจำได้ว่าข้าพูดกับเจ้าตรงๆ ไปตั้งนานแล้ว”
หลินชิงเวยหัวเราะ นางไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ “เพราะท่านชมชอบข้า? แต่ท่านเป็นถึงเซี่ยนอ๋องผู้มีจิตใจห้าวหาญและอุดมการณ์ยิ่งใหญ่ ไม่เหมือนคนที่จะหยุดทุกอย่างลงเพื่อสตรีตัวเล็กๆ ค คนหนึ่ง”
เซียวอี้หัวเราะเสียงต่ำ “จิตใจห้าวหาญอุดมการณ์ยิ่งใหญ่นั้นข้ามี เจ้าชู้ประตูดินนั้นข้าก็มี นับตั้งแต่โบราณกาลมามีฮ่องเต้ ท่านอ๋องคนใดบ้างที่รักเพียงแผ่นดินไม่รักหญิงงาม? เพียง งแต่ด้วยวาสนาบารมีของเจ้า ต่อให้ข้ามีจิตใจห้าวหาญและอุดมการณ์ยิ่งใหญ่ก็ได้แต่ว่างงานทั้งวัน ไม่มีอะไรทำจึงต้องมานั่งดื่มน้ำชาอยู่ที่นี่” เขาหลุบตาลงต่ำ ปลายนิ้วนั้นไล้ไปตา ามขอบถ้วยน้ำชาเป็นพักๆ ใบชาสีเขียวเล็กแหลมในนั้นถูกแช่อยู่ในน้ำ กระทั่งบานเต็มใบ สีสันของมันเขียวสด เงียบไปครู่หนึ่งเซียวอี้พูดขึ้นอีกว่า “เวยเวย หากรู้แต่แรกว่าความรู สึกของเจ้าจะถูกทอดทิ้งเช่นนี้ เมื่อครั้งอยู่หนานเจียง เจ้าจะช่วยเหลือเซียวเยี่ยนโดยไม่ลังเลอีกหรือไม่?”
หลินชิงเวยหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา น้ำชายังคงร้อนลวก นางค่อยๆ จิบคำเล็กๆ แล้ววางลงอีกครั้ง “ท่านก็รู้ดีว่าความรู้สึกของท่านย่อมถูกทอดทิ้งแน่นอน เช่นนั้นเหตุใดท่านยังคงทำเช่ นนี้?”
เซียวอี้ใคร่ครวญแล้วพูดอย่างหน้าหนา “อาจเป็นเพราะข้ายังคงยึดติดกับสิ่งที่ข้ายังไม่ได้มาครอบครองกระมัง”
หลินชิงเวยหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเซียวอี้ “เหตุใดจึงตามหาข้า? หรือคิดจะแก้แค้นข้า? หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะได้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ หาไม่แล้วตนเองจะต ตายอย่างไรก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว”
เซียวอี้หัวเราะ “ข้ามิใช่บอกแล้วหรือว่าข้าชอบเจ้า การกระทำก่อนหน้านี้ทั้งหมดของเจ้า ข้าล้วนไม่ถือสาเอาความ รอเจ้าออกจากวังหลวงแล้วหากไม่รู้จะไปที่ใด จวนอ๋องของข้ายินดีต้อนรั บเจ้าตลอดเวลา”
หลินชิงเวยจับจ้องมองเขาอยู่อึดใจหนึ่งแล้วจึงถอนสายตากลับมา นางพูดเนิบๆ ว่า “ไม่เหมือนกำลังพูดปด”
“ในเมื่อวังหลวงไม่อาจรั้งเจ้าเอาไว้ได้ ไม่สู้มาอยู่ข้างกายข้า ข้าย่อมไม่ทำให้เจ้าต้องได้รับความไม่เป็นธรรมอีกครั้ง”
หลินชิงเวย “อย่าได้เสียเวลาทุ่มเทจิตใจให้ข้าโดยเปล่าประโยชน์อีกเลย”
ต่อให้นางต้องจากวังหลวงไปในวันหน้า นางก็ไม่มีวันมาติดตามเซียวอี้เด็ดขาด แม้บัดนี้หลินชิงเวยจะมิใช่หลินชิงเวยที่เคยอ่อนแอเปราะบางคนนั้นอีกแล้ว แต่นางยังคงไม่ลืมว่าเพราะเหตุใ ใดนางจึงต้องแต่งงานเข้าวังแทน มิใช่เพราะเขาและหลินเสวี่ยหรงลอบวางแผนหรอกหรือ หากมิใช่เช่นนั้น หลินชิงเวยควรจะครองคู่กับเซียวอี้นานแล้ว
บัดนี้เซียวอี้กินในชาม มองในหม้อ แต่หลินชิงเวยไม่ยอมกลับไปกินของเก่าแน่ๆ
“นั่นมิใช่การทุ่มเทจิตใจโดยเปล่าประโยชน์ ยังไม่ถึงนาทีสุดท้ายจะรู้ได้อย่างไร”
เมื่อก่อนหลินชิงเวยคิดเช่นนี้เหมือนกัน นางคร้านจะไปวิเคราะห์แยกแยะว่าคำพูดของเซียวอี้นั้น จริงกี่สวน เท็จกี่สวน เพียงแต่เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ นางไม่ได้รู้สึกซาบซึ้ง ในทา างกลับกัน นางรู้สึกว่ามันช่างน่าขัน
เมื่อแรกตนเองมิใช่เป็นแบบนี้หรอกหรือ?
น้ำชากาหนึ่งดื่มไปพอสมควร ดวงอาทิตย์คล้อยไปทางตะวันตก หลินชิงเวยลุกขึ้นเตรียมจะจากไป
เซียวอี้เพิ่งจะเห็นสิ่งของรูปทรงสี่เหลี่ยมในห่อผ้าของนางในเวลานี้ เขาจึงถามขึ้นว่า “ในห่อผ้าของเจ้ามีสิ่งของล้ำค่าอันใด?”
หลินชิงเวย “เป็นกล่องเครื่องประดับกล่องหนึ่งเท่านั้น”
หลินชิงเวยจะจากไป เซียวอี้ไม่ได้รั้งตัวนางไว้เช่นกัน เซียวอี้มองนางลงไปจากหน้าต่างชั้นสอง เมื่อเดินไปสุดถนน เงาร่างของหลินชิงเวยเล็กกระจิริด นางแต่งกายเป็นคุณชายน้อย แต่ ก็ยังเอิบอิ่มมีเลือดฝาดราวกับจะคั้นน้ำออกมาได้
เมื่อนึกถึงสุ่ยฉ่ายชิงที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง ความทรงจำในเวลานั้นของตนกลับเป็นคนแปลกหน้า เพียงแต่ต่อให้รูปโฉมสตรีงดงามกว่านี้ก็เป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่ง ของบุรุษเท่านั้น ไม่มีคุณค่าและประโยชน์มากมายนัก ในทางตรงข้าม เขากลับรู้สึกว่าหลินชิงเวยที่เป็นแบบนี้กลับมีประโยชน์มากกว่า เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าหลินชิงเวยเป็นสตรีบอบบางไ ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง เพียงแต่น่าเสียดายที่นางมิใช่สตรีอ่อนแอ นางไม่พ่ายแพ้ให้กับบุรุษคนใด
ยามนั้นเหตุใดเขาจึงมองผ่านไปได้? หรือจะพูดว่านางมิใช่หลินชิงเวยคนก่อนหน้านี้คนนั้น? แต่บนโลกนี้ยังมีหลินชิงเวยคนที่สองอีกหรือ?
หลังจากหลินชิงเวยกลับวังหลวง นางเริ่มหาคนมาทำหน้ากากหนังมนุษย์ หนังที่แช่ในน้ำยาต้องการคนมาเป็นแบบ ดังนั้นหลินชิงเวยจึงให้ซินหรูคัดเลือกขันทีและนางกำนัลมา
ซินหรูหานางกำนัลสามคนและขันทีสี่คนมาได้อย่างรวดเร็ว นำหนังงูบางราวกับปีกจักจั่นคลุมลงบนใบหน้าของพวกเขา รอกระทั่งน้ำยาแห้งจึงกลายเป็นหน้ากาก
ซินหรูมองหน้ากากหนังมนุษย์พวกนั้นทีละหน้าๆ “พี่สาว ท่านทำหน้ากากหนังมนุษย์มากมายเช่นนี้ เอาไปทำอันใดกันเจ้าคะ?”
“มอบให้ผู้อื่น”
“มอบให้ผู้ใดเจ้าคะ?” ซินหรูถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
ท่าทางของหลินชิงเวยดูแล้วอารมณ์ดีไม่น้อย นางพูดคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “มอบให้สหายบ้านเกิดเดียวกัน”
ทางด้านนี้ อาการของสุ่ยฉ่ายชิงเข้าสู่การรักษาขั้นที่สองแล้ว อาจเป็นเพราะระยะนี้เซียวเยี่ยนงานค่อนข้างล้นมือ มาเยี่ยมนางได้น้อยลงกว่าเมื่อก่อน ต่อให้มาแล้วนั่งอยู่ในห้องข ของนางเพียงครู่เดียว สุ่ยฉ่ายชิงมักจะพบว่าเขาใจลอยอยู่บ้าง
เซียวเยี่ยนมีเรื่องในใจ นางกระจ่างแจ้งยิ่งกว่าผู้ใด
เป็นเพราะหลินชิงเวยผู้นั้นใช่หรือไม่?
ระยะเวลาสามปีที่นางไม่อยู่ในเมืองหลวง และเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างหลินชิงเวยและเซียวเยี่ยน ส่วนหนึ่งเซียวเยี่ยนเล่าให้นางฟัง ดูคล้ายเขาเล่าข้ามๆ ไปแบบลวกๆ ทว่าเรื่อง งราวโดยส่วนใหญ่ นางรู้มาจากปากของไทเฮา เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น นางแจ่มแจ้งแก่ใจดี