ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 344 นี่ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด
เซียวเยี่ยนก้าวไปยืนข้างกายสุ่ยฉ่ายชิง น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นอ่อนโยนลงทันที “ฉ่ายชิง เจ้าปลดผ้าโปร่งออก ให้นางดูก็ไม่กระไร หากเป็นเพราะยาที่นางจัดให้เจ้า จะได้คิดหาวิธีแ แก้ไข”
หลินชิงเวยหลุบเปลือกตาลงครึ่งหนึ่งฟังอย่างสงบ เมื่อก่อนนางคิดว่าเซียวเยี่ยนมิใช่บุรุษที่จะแสดงออกในมุมอ่อนโยนคนหนึ่ง เพียงแต่ยามนี้ได้เห็นกับตาแล้วว่าเขาโอบหญิงคนรักไว้ ในอ้อมกอด ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ที่แท้มิใช่เขาอ่อนโยนไม่เป็น เพียงแต่หลินชิงเวยมิใช่สตรีที่เขาจะปฏิบัติด้วยอย่างอ่อนโยนเท่านั้น
สุ่ยฉ่ายชิงร่ำไห้สะอึกสะอื้นตัวโยนอยู่ในอ้อมกอดของเซียวเยี่ยน สายตาที่มองหลินชิงเวยเต็มไปด้วยตื่นตระหนกราวกับกวางน้อยหลงทางก็ไม่ปาน “ข้าอัปลักษณ์เช่นนี้…ข้าไม่อยากให้ท่า านมองเห็น…ข้ากลัว ข้ากลัวว่าหลังจากให้แม่นางหลินดูแล้ว จะยิ่งร้ายแรง…เยี่ยน ข้าขอโทษ ข้ารู้ว่าแม่นางหลินไม่มีเจตนาร้าย ข้าเพียงแต่ เพียงแต่กลัวเท่านั้น…”
เซียวเยี่ยนมองหลินชิงเวยที่ก้มหน้าลงครึ่งหนึ่ง ปลายนิ้วของเขาลูบผ่านจอนผมของสุ่ยฉ่ายชิง “ไม่ต้องกลัว มีเปิ่นหวางอยู่ ต่อให้นางมีใจคิดร้ายต่อเจ้าก็ไม่อาจทำอะไรเจ้าได้”
หลินชิงเวยหัวเราะเบาๆนางเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสองพร้อมยกยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าไม่อาจรับรองได้เช่นกันว่าหลังจากที่ดูใบหน้าของแม่นางสุ่ยแล้วจะเลวร้ายลงกว่าที่เป็นอยู หรือไม่ ข้ารับรองได้เพียงว่าหากอาการของแม่นางสุ่ยไม่ได้เกิดขึ้นจากยาที่ข้าจัดให้ ข้าจะให้นางเสียโฉมจริงๆ”
เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกไป เซียวเยี่ยนขมวดคิ้วหน้าเคร่ง ดวงตางดงามคู่นั้นของสุ่ยฉ่ายชิงเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง หลินชิงเวยเห็นความรู้สึกที่แท้จริงของนางทุกอย่างชัดเจน
หลินชิงเวยเลิกคิ้วน้อยๆ “เช่นนั้นยามนี้แม่นายสุ่ยต้องการให้ข้าดูหรือไม่?” หากนางยินยอมให้หลินชิงเวยดูใบหน้าก็แล้วไป หากไม่ยินยอมให้หลินชิงเวยดู นั่นมิใช่เป็นนางเองที่กิ นปูนร้อนท้องหรอกหรือ?
เพียงแต่ก่อนหน้านี้ ไทเฮาได้เล่าเรื่องราวระหว่างหลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนอย่างละเอียด แต่ไม่ได้เอ่ยถึงว่าหลินชิงเวยเป็นคนเช่นไร สุ่ยฉ่ายชิงย่อมไม่กระจ่างแจ้ง เมื่อนางสัมผัสไ ได้ว่าหลินชิงเวยไม่ใช่คนที่นางจะไปก่อเรื่องวุ่นวายแล้วจากไปโดยง่ายดายก็เป็นเรื่องสายเกินไปแล้ว
สุ่ยฉ่ายชิงยังคงค่อยๆ ยกมือสั่นน้อยๆ นั้นขึ้นมาในที่สุด นางค่อยๆ ปลดผ้าโปร่งผืนนั้นลงมา ผ้าโปร่งผืนนั้นเลื่อนไหลลงมา ปรากฏให้เห็นใบหน้าทั้งหมดของนาง เห็นเพียงผื่นแดงๆ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เม็ดหนึ่ง
เซียวเยี่ยนเพียงมองผ่านตาแวบหนึ่ง ก็ถูกสุ่ยฉ่ายชิงเอามือปิดหน้าพูดเสียงอ่อนว่า “เยี่ยน ท่านอย่าดู…”
หลินชิงเวยเห็นอาการของสุ่ยฉ่ายชิงชัดเจนแล้วจึงตรวจชีพจรให้นาง “นอกจากกินยาของข้าแล้ว แม่นางสุ่ยยังได้กินยาอื่นที่มีฤทธิ์ต่อต้านกันหรือไม่? อย่างเช่น เถิงหวง?”
สุ่ยฉ่ายชิงส่ายหน้าพร้อมกับหลบตา “ไม่มี ข้ากินเพียงยาที่แม่นางจัดให้เท่านั้น หลังจากกินยาที่แม่นางจัดให้แล้วจึงมีอาการเช่นนี้”
สุ่ยฉ่ายชิงหลบเลี่ยงสายตาระหว่างสนทนากับหลินชิงเวย แต่ที่นางไม่รู้ก็คือหลินชิงเวยสามารถแยกแยะได้ว่านางกำลังพูดจริงหรือพูดเท็จ
หลินชิงเวยดึงมือของตนกลับมาจากข้อมือขาวผ่องของนางแล้วพูดขึ้นโดยไม่มองหน้าเซียวเยี่ยน “หากข้ากล่าวว่านางกำลังพูดปด เซ่อเจิ้งอ๋องต้องไม่เชื่อข้าแน่ๆ”
เซียวเยี่ยนไม่มีปฏิกิริยาอันใด สุ่ยฉ่ายชิงได้สติพูดขึ้นอย่างรีบร้อน “ความหมายของแม่นางหลินก็คือ ข้ากำลังโกหกเจ้าใช่หรือไม่? บัดนี้ใบหน้าของข้าถูกทำลายจนเสียโฉม หากข้าโกหก กเจ้าแล้วข้าจะได้ประโยชน์อันใดเล่า? แม่นางหลินก็เป็นสตรีเช่นเดียวกัน หรือไม่รู้ว่ารูปโฉมของพวกเรานั้นหมายถึงอะไร?”
หลินชิงเวยยกยิ้มมุมปากคลี่ยิ้มบางๆ “ขออภัย เวลานี้ข้าไม่ทราบจริงๆ ทว่าข้าไม่ได้คาดหวังว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะเชื่อคำพูดของข้าเช่นกัน” นางหันกลับมาพูดกับนางกำนัลในห้อง “ยาที่แ แม่นางสุ่ยกินเล่า นำมาให้ข้าดู”
นางกำนัลนางนั้นหยิบยาขับพิษที่นางกินเมื่อวานมาในเวลาเพียงไม่นาน รวมไปถึงยาที่ไปจัดมาจากสำนักหมอหลวงตามเทียบยาของหลินชิงเวย
หลินชิงเวยตรวจสอบยาต้มเหล่านั้นก่อน แล้วนำกากยาที่สุ่ยฉ่ายชิงดื่มกินมาดมกลิ่น “ยาต้มนี้ไม่มีปัญหา ตัวยาข้างในล้วนเป็นยาที่ข้าเขียนไว้ในเทียบยา หากเซ่อเจิ้งอ๋องไม่เชื่อ อสามารถให้บรรดาหมอหลวงของสำนักหมอหลวงมาพิสูจน์ มีพิษหรือไม่ มีสิ่งใดที่ส่งผลให้แม่นางสุ่ยมีอาการแพ้หรือไม่ ด้วยความรู้ทางวิชาแพทย์ที่พวกเขามีติดตัวอยู่น่าจะตรวจสอบออกมาได ด้” พูดแล้วนางก็หยิบยาขับพิษในขวดกระเบื้องขึ้นมาดมกลิ่นเพื่อทำความแน่ใจว่าข้างในไม่มีกลิ่นของยาชนิดอื่นมาปะปน นางมองสุ่ยฉ่ายชิงแล้วกล่าวอีกว่า “ในเมื่อแม่นางสุ่ยบอกว ว่าหลังจากนางกินยาที่ข้าจัดให้แล้วจึงเป็นเช่นนี้ ยาต้มนี้ไม่มีพิษ เช่นนั้นปัญหาย่อมเกิดจากยาในขวดนี้ หากข้าบอกว่ายาขวดนี้ไม่มีปัญหา คาดว่าพวกท่านคงไม่เชื่อ มีเพียงข ข้าต้องทดลองกินยาด้วยตัวเอง”
พูดแล้วหลินชิงเวยเทยาจำนวนหนึ่งลงในฝ่ามือขาวสะอาดของนางท่ามกลางสายตาว้าวุ่นใจของเซียวเยี่ยน นางเงยหน้าขึ้นกินยาลงไปโดยไม่ลังเล นางขยับลูกกระเดือกหลายครั้งจึงกลืนยาลงไป ปในลำคอได้อย่างยากเย็น
หลินชิงเวยจ้องมองคนทั้งสองที่กำลังตระกองกอดกันด้วยดวงตากระจ่างใส “หากยานี้ทำให้ข้าเกิดอาการแพ้เช่นเดียวกับแม่นางสุ่ย เช่นนั้นข้าจะยอมรับ ข้าจะมาขอขมาต่อแม่นางสุ่ยด้วยตนเ เอง ข้ายินดีรักษาโรคหอบและใบหน้าของแม่นางสุ่ยกระทั่งหายดี เนื่องมาจากความผิดพลาดในการรักษาของข้า ข้าจะคืนเงินค่ารักษาให้เซ่อเจิ้งอ๋องครึ่งหนึ่ง แต่ถ้ายาของข้าไม่มีปัญหาใดๆ เช่นนั้นต้องขออภัยด้วย ใบหน้าของแม่นางสุ่ยไม่เกี่ยวข้องกับข้า แต่ข้าไม่รังเกียจที่จะทิ้งรอยแผลเป็นอันยากจะลืมเลือนไปตลอดชีวิตให้กับนาง ยังมี…ข้าจะไม่รักษาโรคของนางอีกเช่ นกัน พวกท่านจะทำอย่างไรต่อไป ก็สุดแล้วแต่พวกท่าน”
พูดแล้วหลินชิงเวยเก็บยาขวดนั้นเข้าไปในแขนเสื้อด้วยสายตาเรียบเฉยหมุนกายเตรียมเดินออกไป นางกล่าวสำทับอีกว่า “หากเซ่อเจิ้งอ๋องกลัวว่าข้าจะเสแสร้งแกล้งทำ ให้ส่งคนไปจับตาด ดูข้าที่ตำหนักฉางเหยี่ยนได้ ภายในหลายวันนี้ข้าจะไม่กินยาขับพิษใดๆ ทั้งสิ้น”
นางก้มลงสะบัดชายกระโปรง เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เดินมุ่งหน้าออกไปด้านนอก
เพิ่งเดินออกไปได้สองก้าว สุ่ยฉ่ายชิงลนลานพูดขึ้นข้างหลัง “แม่นางหลิน ฉ่ายชิงและเยี่ยนล้วนไม่กล่าวโทษว่าเป็นความผิดของเจ้า บางที…นี่อาจจะเป็นเพียงความเข้าใจผิด…”
ย่างก้าวของหลินชิงเวยหยุดชะงักลง นางหันหลังให้เซียวเยี่ยน ดวงตาดำขลับทั้งคู่ของนางหันหน้าเข้าหาแสงสว่างข้างนอกประตู แววตาของนางนิ่งลึกและว่างเปล่า
เซียวเยี่ยนอาจมองไม่เห็น แต่เสี่ยวฉีที่ยืนอยู่หน้าประตูมองเห็นชัดเจน เสี่ยวฉีเห็นแล้วได้แต่ตกตะลึงและปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
ซินหรูขยับปาก ทว่ากลับพูดอะไรไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว กระบอกตาของนางแดงก่ำ
หลินชิงเวยพูดทั้งๆ ที่ไม่ได้หันหน้ากลับไป “ไม่ นับแต่นี้ไป ไม่ใช่ความเข้าใจผิด”
วินาทีที่หลินชิงเวยก้าวเท้าออกจากประตู เสียงของเซียวเยี่ยนก็ดังขึ้น “เซียวฉี ตามแม่นางหลินไป” เขาไม่ได้พูดให้ชัดเจนว่าให้เสี่ยวฉีตามไปเพื่อจับตามองหลินชิงเวยหรือกังวลว่ านางจะกินยาขับพิษอย่างอื่น
ครั้งนี้หลินชิงเวยไม่ได้ปฏิเสธ ด้วยนางพูดออกไปเอง ดังนั้นนางจึงปฏิเสธไม่ได้
ระหว่างนางและเซียวเยี่ยน เรื่องราวในอดีตล้วนอันตรธานกลายเป็นก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าไปแล้ว สุดท้ายกระทั่งความรู้สึกสักกระผีกก็ไม่มี กระทั่ง…ความเชื่อใจเพียงน้อยนิดก็ไม ม่เหลือ และจะไม่มีอีกต่อไป