ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 346 ไม่บิดพลิ้ว
ที่จริงโรคของสุ่ยฉ่ายชิงดีขึ้นมากแล้ว แต่หลายวันนี้มิได้กินยาและรับการฝังเข็ม อาการหอบนั้นยังไม่ได้รักษาถึงต้นตอของโรค อาการจึงย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ผนวกกับสภาพจิตใจของสุ่ย ฉ่ายชิงสลดหดหู่ สุขภาพจึงค่อยๆ อ่อนแอลง
นางคิดว่าต่อให้บนใบหน้าของนางเกิดผดผื่นขึ้น ด้วยวิชาแพทย์ของหลินชิงเวยและนางรับเงินค่ารักษาของเซียวเยี่ยนไปแล้ว อย่างไรก็ต้องช่วยรักษาให้อย่างแน่นอน เพียงแต่นางคิดไม่ถ ถึงว่าหลินชิงเวยจะไม่มาเยือนที่นี่อีก
เงินค่ารักษาห้าสิบหมื่นตำลึงมิใช่จ่ายไปโดยเปล่าๆ ปลี้ๆ หรอกหรือ?
ไม่เพียงแต่จ่ายไปโดยเปล่า ผดผื่นที่ขึ้นบนใบหน้าไม่ยอมเลือนหายไปง่ายๆ สองวันนี้เซียวเยี่ยนให้หมอหลวงมารักษาอาการให้นาง แต่การรักษาเป็นไปอย่างเชื่องช้า
หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ นางไหนเลยจะกล้าล้อเล่นกับใบหน้าและสุขภาพของตนเองเช่นนี้เล่า? เซียวเยี่ยนและหลินชิงเวยห่างเหินต่อกันเป็นเรื่องดี แต่อาการของนางกลับไม่ดีขึ้น หากรูปโฉมของนางถูกทำลายลงไปจริงๆ…จะทำอย่างไร?
เซียวเยี่ยนป้อนสุ่ยฉ่ายชิงดื่มยาข้างเตียง สุ่ยฉ่ายชิงจับชายแขนเสื้อเซียวเยี่ยนพูดขึ้นด้วยความกังวล “ข้ารู้ว่าเรื่องนี้อาจเป็นพวกเราเข้าใจแม่นางหลินผิดไป เรื่องใบหน้าขอ องข้านี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาง บางทีอาจเป็นปฏิกิริยาของร่างกายข้าเอง ไม่อาจกล่าวโทษผู้อื่นได้…เยี่ยน เรื่องนี้เป็นพวกเราที่ทำไม่ถูกแต่แรก มาบัดนี้ร่างกายของข้าอ่อนแอ เดินเห หินไม่สะดวก ท่านไปขอขมาแม่นางหลินแทนข้าได้หรือไม่?” ใบหน้าเล็กๆ ของนางเงยขึ้นเล็กน้อย ดวงตาที่ปรากฏนอกผ้าโปร่งนั้นตรึงตราตรึงใจผู้คน ทำให้คนไม่อาจปฏิเสธได้ “แม่นางหลินเห็ นแก่ไมตรีในอดีตที่มีต่อท่าน ย่อมต้องคลายโทสะแน่นอน”
เซียวเยี่ยนเหน็บชายผ้าห่มบนร่างของนาง “เจ้าพักผ่อนเถิด เรื่องอื่นมอบให้ข้าจัดการ”
“อืม” สุ่ยฉ่ายชิงพยักหน้า เดินไปเอนกายลงบนเตียงด้วยการประคับประคองของเซียวเยี่ยน เมื่อเซียวเยี่ยนกำลังจะออกไป มือเรียวของนางดึงชายอาภรณ์ของเซียวเยี่ยน เซียวเยี่ยนหันกลับ บมามองนาง นางเอ่ยขึ้นว่า “เยี่ยน ท่านรอให้ข้าหลับแล้วค่อยออกไปได้หรือไม่ เช่นนี้แล้วเมื่อข้าหลับไป ก็ยังรู้สึกว่าท่านอยู่กับข้าตลอดเวลา”
แววตาเย็นชาของเซียวเยี่ยนพลันอ่อนแสงลง เขานั่งลงอีกครั้งและรอกระทั่งสุ่ยฉ่ายชิงเข้าสู่ห้วงนิทรา
ยาของหมอหลวงและยาของหลินชิงเวยแตกต่างกันยิ่งยวด อย่างน้อยหลายวันนี้สุ่ยฉ่ายชิงกินยาของหมอหลวง อาการมิได้บรรเทาลง ผดบนใบหน้ากลับหายช้าอย่างยิ่ง หมอหลวงบอกว่านี่คือก การรักษาตามขั้นตอน เซียวเยี่ยนและสุ่ยฉ่ายชิงล้วนกระจ่างแจ้ง หากหลินชิงเวยทำการรักษาย่อมให้ยารักษาได้ทันที
ไม่รู้ว่าเซียวเยี่ยนไปถึงตำหนักฉางเยี่ยนด้วยความรู้สึกยุ่งยากซับซ้อนปานใด เหล่าขันทีที่ทำหน้าที่ยืนเฝ้าประตูตำหนักเห็นเซ่อเจิ้งอ๋องมาเยือนจึงมิกล้าขัดขวาง เพียงแต่การมาหาหลิน ชิงเวยในวันนี้ แน่นอนแล้วว่าเขาจะได้พบเพียงความว่างเปล่า
เซียวเยี่ยนรออยู่ในห้องโถงด้านหน้าเป็นเวลานานก็ไม่เห็นหลินชิงเวยออกมา ต่อมายังคงเป็นซินหรูที่ออกมา แม้จะอายุยังน้อย ทว่ากลับชักสีหน้าบูดบึ้ง “วันนี้พี่สาวไม่อยู่ในวัง เซ่ อเจิ้งอ๋องค่อยมาใหม่วันหลังเถิด!”
“ไม่อยู่ในวัง?” ดวงตาเซียวเยี่ยนไหววูบ “เช่นนั้นนางไปไหน?”
ซินหรูมองค้อนปะหลับปะเหลือก “นอกวังกว้างใหญ่ไพศาล ข้าไหนเลยจะรู้ว่านางไปที่ใด!” พูดแล้วก็หันหน้าเดินกลับเข้าไป เดินไปได้สองก้าวกลับหยุดชะงักหันกลับมามองเซียวเยี่ยน “พี่ สาวข้าสุขภาพอ่อนแอ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนาง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะไม่รู้สึกผิดต่อมโนธรรมของตัวเอง!”
ทั้งตำหนักฉางเหยี่ยนผู้ที่ไม่ไว้หน้าเซ่อเจิ้งอ๋องมีเพียงซินหรูแล้ว
วันนั้นหลินชิงเวยออกไปนอกวังจริงๆ สีหน้าท่าทางนางดูไม่ค่อยดีเท่าใดนัก หากเป็นยาล้วนมีพิษสามส่วน หลินชิงเวยฟื้นฟูร่างกายสักพักย่อมดีขึ้น เพียงแต่นางไม่อาจอยู่นิ่งๆ ได้ จึ งออกไปนอกวังทั้งที่แดดร้อนเปรี้ยง
หลินชิงเวยไปหาเถ้าแก่โรงรับจำนำเพื่อนำสิ่งของออกไปจำนำ และไปเยือนจวนของหลีเช่ออย่างคุ้นเคยเส้นทางดี
เถ้าแก่เอ่ยขึ้น “ครั้งนี้สหายได้กำชับเอาไว้แล้วว่าหากคุณชายมาเยือนไม่จำเป็นต้องเข้าทางประตูเรือนด้านหลังอีก ให้เข้าทางประตูหลักได้เลยขอรับ” พูดแล้วเขาก็หัวเราะขึ้นมาอีก “สหายท่านนั้นของข้าคิดถึงคุณชายยิ่งนัก หลายวันนี้ให้คนมาถามไถ่หลายครั้งหลายคราขอรับ”
เข้าทางประตูหลักย่อมใกล้กว่าประตูเรือนด้านหลังมาก มีถนนคั่นเพียงสายเดียว ใช้เวลาเดินเพียงครึ่งชั่วยาม
หลินชิงเวยพูดเรียบๆ “ที่จริงควรมาเร็วกว่านี้ แต่ข้าบังเอิญมีธุระจึงทำให้เสียเวลา”
ในตรอกแห่งนี้ล้วนเป็นครอบครัวใหญ่อาศัยกันอย่างสงบ เป็นเขตอาศัยของผู้มีอันจะกินในเมืองหลวง ไม่ว่าจะมีอำนาจหรือไม่ ขอเพียงมีเงินก็สามารถซื้อคฤหาสน์ในตรอกนี้ได้
คนในจวนเห็นเถ้าแก่เดินนำหลินชิงเวยเข้ามาจึงรีบเข้าไปรายงาน เถ้าแก่จึงหยุดรออยู่หน้าประตูปล่อยให้หลินชิงเวยเดินเข้าไปด้วยตนเอง
มาถึงเรือนที่คุ้นเคยอีกครั้ง ยังไม่รอให้หลินชิงเวยมองหาเงาร่างของคน พลันเห็นเงาร่างสีแดงพาดผ่านเบื้องหน้าตน งดงามประดุจบุปผาในฤดูวสันต์ นางหัวเราะตาหยีมองหลีเช่อเดินเข้ ามาอย่างกระฉับกระเฉง สีหน้าบนใบหน้านั้นไม่ใคร่พอใจนัก
หลีเช่อเอ่ยปากก็ต่อว่าทันที “ไฉนเจ้าเพิ่งมาเล่า? ข้าคิดว่าเจ้าจะหนีหนี้เสียแล้ว ข้ายังคิดว่าพวกเราสองคนเพิ่งจะพบหน้ากันครั้งแรก ข้าก็ไว้เนื้อเชื่อใจเจ้าถึงเพียงนั้น หากเจ้ าบิดพลิ้ว ข้าจะไปหาตัวเจ้าที่ไหนกัน?”
หลินชิงเวยหัวเราะเสียงเบา “ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเจ้าไม่ได้เชื่อใจคนผิดมิใช่หรือ? แม้จะมาสายสักหน่อย แต่อย่างไรข้าก็มาแล้วนี่นา ในเมื่อรับปากเจ้าแล้วย่อมไม่บิดพลิ้วต่อเจ้า”
หลีเช่อยื่นมือออกมาตรงหน้านาง “สิ่งของเล่า?”
หลินชิงเวยมอบสิ่งของให้กับเขา นั่นเป็นภาชนะกระเบื้องทรงกลมใบหนึ่ง หลีเช่อรับไปแล้วเปิดออกดูอย่างอดใจไม่ไหว เห็นหน้ากากหนังมนุษย์บางใสแช่อยู่ในน้ำยาสีเขียว
หลีเช่อมองหลินชิงเวยแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าใส่หน้ากากหนังมนุษย์มาไม่น้อย นอกจากเจ็บน้อยลงเมื่อดึงหน้ากากออกมา ยังไม่เคยพบเห็นหน้ากากหนังมนุษย์ที่ไหนต้องแช่อยู่ในน้ำยามาก่อน น”
หลินชิงเวย “นี่เป็นน้ำยารักษาความชุ่มชื้น คืนความชุ่มชื้นให้กับหน้ากากได้ และสะดวกเมื่อสวมลงบนผิวหน้า ทำให้ยืดอายุการใช้งานได้นานออกไปอีก”
หลีเช่อนั่งอยู่ในศาลา ใช้ปลายนิ้วเรียวขาวสะอาดหยิบหน้ากากออกมาชิ้นหนึ่งด้วยท่าทีรังเกียจรังงอน
หลินชิงเวย “ให้ข้าช่วยท่านหรือไม่?”
หลีเช่อลังเลอยู่อึดใจหนึ่ง “เฮ้อ เจ้าช่วยข้าก็แล้วกัน ข้ากลัวว่าข้าลงมือเองคงทำไม่ได้”
ดังนั้นหลินชิงเวยจึงก้าวเข้าไปรับหน้ากากมาจากมือของเขา ขณะที่หลีเช่อเงยหน้าขึ้นนางโน้มกายลงเล็กน้อยเพื่อวางหน้ากากลงบนใบหน้าเขาเบาๆ
คนทั้งสองใกล้ชิดกันยิ่ง ลมหายใจของหลินชิงเวยแทบจะรินรดใบหน้าของหลีเช่อ นางใส่หน้ากากลงบนใบหน้าของหลีเช่อ ทั้งยังขยับรอยยับย่นแต่ละมุมให้เรียบตึงอย่างใจเย็น สายตาเอาจ จริงเอาจังนั้น ทำให้หลีเช่อเห็นแล้วถึงกับตะลึงงันโดยไม่รู้ตัว
เมื่อปลายนิ้วของหลินชิงเวยลูบลงบนใบหน้าของเขาให้ความรู้สึกเนียนลื่นทั้งอบอุ่น หลีเช่อจับจ้องสายตาพลางคิดว่า—นี่แหละคือมืออาชีพ
ในยุคสมัยโบราณยากนักที่จะหาคนมีความเป็นมืออาชีพเช่นนี้
หลินชิงเวยยกยิ้มมุมปากแล้วยืดกายเหยียดตรง “เรียบร้อยแล้ว”
หลีเช่อยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตน แม้จะชุ่มชื้น ทว่ากลับรู้สึกว่าไม่ได้สวมหน้ากากหนังมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น “รู้สึกเย็นๆ สบายอย่างยิ่ง ราวกับกำลังพอกหน้าก็ไม่ปาน” เขาลูบแล้วล ลูบอีก “นี่ เจ้าคงไม่ได้ล้อข้าเล่นกระมัง นอกจากบาง เบา ชุ่มชื้นแล้ว ข้าไม่รู้สึกอย่างอื่นอีกเลย”