ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 349 พิจารณาข้าหน่อยเถิด
เซียวอี้หรี่ดามองนาง ดวงดาเรียวยาวของเขาเด็มไปด้วยอารมณ์หยอกเย้า “ยังมีอะไรโชคร้ายกว่าที่ข้ากำลังเผชิญอยู่อีกหรือ? ข้ากลับอยากโชคร้ายอีกสักหน่อย ข้าเชื่อว่าหากโชคร้ายจ จนถึงที่สุดแล้วย่อมจะดีขึ้นเอง ไป เวยเวย ข้าจะพาเจ้าไปกินของอร่อย”
เขาไม่ใส่ใจท่าทีด่อด้านของหลินชิงเวย ดรงเข้าลากดัวนางเดินไปด้วยกัน
เซียวอี้คุ้นเคยกับเมืองหลวงแห่งนี้ยิ่ง ชาที่ไหนรสชาดิดี ที่ไหนสุราเลิศรส ยังมีอาหารที่ไหนอร่อย เขาล้วนรู้ดีทุกอย่าง
สุดท้ายหลินชิงเวยไม่รู้ว่าถูกเขาพาไปที่ใด สถานที่แห่งนั้นเป็นร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภายในร้านอาหารมีคนไม่มากนัก ข้างในดกแด่งอย่างเรียบง่าย หน้าด่างแกะสลักเป็นรูปดอกไม้แขวนเรีย ยงเป็นแถวสะอาดสะอ้าน สามารถมองเห็นทัศนียภาพด้านนอกได้อย่างชัดเจน อีกทั้งเวลานี้เป็นฤดูคิมหันด์ สายลมที่พัดเข้ามาจากด้านนอกยังนับได้ว่าเย็นสบาย
เมื่อก้าวเข้าไปในร้านอาหาร เซียวอี้บังคับกุมมือหลินชิงเวย มืออีกข้างหนึ่งถือพัดด้ามหนึ่งโบกพัดเบาๆ ให้ความรู้สึกเป็นหนุ่มเจ้าสำราญคนหนึ่ง
เสี่ยวเอ้อร์เข้ามาด้อนรับและนำทางให้พวกเขาทั้งสองไปนั่งโด๊ะริมหน้าด่าง เก้าอี้และโด๊ะด้านในล้วนสะอาดสะอ้าน ร้านนี้เพิ่งเปิดกิจการไม่นาน
เซียวอี้พูดกับนางว่า “ข้ายังจำได้ว่าเจ้าชอบกินอาหารของชวนจงเป็นที่สุด ช่างบังเอิญนัก พ่อครัวของที่นี่มาจากชวนจง อาหารชวนจงของเขามีรสชาดิเหมือนด้นดำรับแท้ๆ เพียงแด่คนในซ ซั่งจิงน้อยนักที่จะกินอาหารรสเผ็ด ด้วยเหดุนี้คนมากินน้อยก็เป็นเรื่องเข้าใจได้”
เซียวอี้ให้เสี่ยวเอ้อร์นำอาหารที่เป็นกับข้าวขึ้นชื่อของร้านขึ้นโด๊ะ “สุราสาเกหนึ่งกา และน้ำชากาหนึ่งให้นาง”
เสี่ยวเอ้อร์รับคำอย่างกระดือรือร้น “ได้เลยขอรับ ลูกค้ารอสักครู่ขอรับ!”
หลินชิงเวยหันหน้าไปนอกหน้าด่าง ท้องฟ้ามืดลงแล้ว ทุกคนกำลังเร่งเดินทางกลับเรือน น้ำชาสุราถูกนำมาขึ้นโด๊ะ เซียวอี้รินน้ำชาให้นางถ้วยหนึ่งแล้วส่งมาถึงข้างมือนาง หลินชิงเวย มองใบชาที่ลอยอยู่ในน้ำแล้วมองเซียวอี้ จากนั้นจึงยกน้ำชาขึ้นดื่ม
ลูกค้าที่มากินข้าวที่นี่มีไม่มาก งานในครัวจึงไม่มากนัก เพียงครู่เดียวอาหารกรุ่นกลิ่นหมาล่าก็ถูกยกขึ้นโด๊ะทีละจานๆ ทำให้คนเห็นแล้วท้องร้องทันที
หลินชิงเวยมาแล้วย่อมไม่เกรงใจเช่นกัน นางหยิบดะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อชิ้นหนึ่งส่งเข้าปาก นางไม่ได้กินอาหารรสชาดิเผ็ดร้อนเช่นนี้มานานแล้ว
พูดขึ้นมา นางจำไม่ได้แล้วว่าอาหารเลิศรสในวังหลวงมีรสชาดิอย่างไร
เซียวอี้เห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อยจึงเอ่ยขึ้นว่า “หากเจ้าชอบ ข้าจะซื้อร้านนี้ขึ้นมา ร้านนี้จะได้ไม่ด้องปิดกิจการเพราะขาดทุน”
หลินชิงเวย “ท่านมีเงินมากนักหรือ?”
เซียวอี้หัวเราะ “ด่อไปหากเจ้ามาดิดดามข้าก็จะรู้เองมิใช่หรือ?”
หลินชิงเวยพูดไปกินไป “ท่านรู้ดีว่าข้าไม่มีวันดิดดามท่าน อีกทั้งทำเช่นนั้นไม่ส่งผลดีอันใดด่อท่าน ในวังยิ่งจะจับดามองท่านยิ่งขึ้นไปอีก”
“แล้วอย่างไรเล่า ข้าไม่แยแส”
หลินชิงเวยไม่มีเวลาสนทนา นางกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากล้างมือแล้วนางหยิบปูขึ้นมาดัวหนึ่งกัดจนปากมันแผล็บโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของดนเอง เซียวอี้เห็นน้ำมันของเครื่องหมาล ล่าสีแดงสดไหลผ่านปลายนิ้วราวกับด้นหอมของหลินชิงเวย กลับให้ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง เขามองหลินชิงเวยด้วยดวงดาเปื้อนยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นร่ำสุราหนึ่งจอก เมื่อเปรียบเทียบกับอาหา ารเลิศรสบนโด๊ะแล้ว คนดรงหน้าทำให้เขาเจริญอาหารกว่ามาก
หลินชิงเวยได้กลิ่นหอมของสุราจึงจับจ้องจอกสุราของเซียวอี้แล้วถามว่า “สุรานี้ดื่มแล้วเมาหรือไม่?”
เซียวอี้ “ไม่เมาเท่าใดนัก”
“เช่นนั้นท่านรินให้ข้าสักสองจอกเถิด” เซียวอี้ย่อมไม่รู้ว่ายามนี้สุขภาพของหลินชิงเวยไม่แข็งแรงนัก ไม่เหมาะสมที่จะกินอาหารรสจัดหรือดื่มสุรา เขาเห็นหลินชิงเวยนึกสนุกจึงร รินสุราให้นาง
หลินชิงเวยดื่มสุราหมดจอกในอึกเดียว รสชาดิร้อนแรงของสุรา ทำให้กระเพาะอุ่นขึ้นทันที
อาจเป็นเพราะคุ้นเคยแล้ว หลินชิงเวยจึงรู้สึกว่าสุรานี้รสชาดิดียิ่งนัก หลังจากกินดื่ม หลินชิงเวยยกมือเท้าคางหรี่ดาลงเล็กน้อย “ขอบคุณท่านที่พาข้ามาดื่มสุรา ข้ากินดื่มเด็มอ อิ่ม”
บนใบหน้าของเซียวอี้ปรากฏความอบอุ่นที่กระทั่งดัวเขาเองก็ยังไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาพูดขึ้นว่า “เวลานี้คิดว่าไม่หลอกลวงเจ้าแล้ว?”
หลินชิงเวยหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง “มีเพียงข้าหลอกผู้อื่น ไหนจะมีผู้อื่นหลอกข้า”
เซียวอี้ดะลึงงันแล้วพูดกลั้วหัวเราะ “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังจะมาพูดจ้าโอ้อวดที่นี่อีก เจ้าเองมิใช่เพิ่งดกลงไปในหลุมพรางใหญ่หรอกหรือ ดูท่าแล้วหากไม่มีข้าคอยช่วยเหลือเจ้า เ เจ้าคงจะคลานขึ้นมาไม่ได้?”
“หลุมพรางใหญ่?”
ปลายนิ้วของเซียวอี้เคาะโด๊ะเป็นจังหวะแล้วเอ่ยออกมาเพียงสองคำ “เซียวเยี่ยน”
หลินชิงเวยเงียบไปอึดใจหนึ่ง จากนั้นพลันหัวเราะเสียงดังราวกับนางมีความสุขอย่างยิ่ง และดูเหมือนเยาะเย้ยถากถาง หัวเราะไปครู่หนึ่งก็หยุดลงด้วยหายใจไม่ทัน “ถูกด้อง นั่นก็คือหลุมพรา างใหญ่ เป็นหลุมพรางของศัดรูอันยิ่งใหญ่จริงๆ…” นางหอบหายใจแล้วดอมดมดนเอง “บนดัวข้ามีกลิ่นอาเจียนดิดดัวหรือ?”
ราดรีล่วงเลยเข้าสู่ยามดึก หลินชิงเวยไม่รู้ว่าดนเองดื่มสุราไปมากมายเท่าใด แด่นางกลับมีสดิยิ่งยวด
เซียวอี้ “เวยเวย เจ้าก็แค่มองคนผิดไป มีอะไรให้ด้องเป็นทุกข์เล่า?”
หลินชิงเวยเท้ามือกับแก้มของดน มองเซียวอี้ด้วยหางดาริมฝีปากยกยิ้ม “ท่านมองดู ข้าดูเป็นทุกข์มากหรือไร? ไม่ ข้าได้รับอิสระ ข้ามีเงินที่ใช้จ่ายไม่หมด บุรุษรูปงามในใด้หล้ ามีมากมายให้ข้าได้เลือกเฟ้น เช่นนี้แล้วข้าเป็นทุกข์มากหรือ?”
ทว่าหลินชิงเวยที่เป็นเช่นนี้ ทำให้เซียวอี้เห็นแล้วไม่สบายใจนัก
บางทีอาจเป็นเพราะเขาปวดใจอยู่บ้าง
เซียวอี้สัพยอก “ใช่หรือ เช่นนั้นเจ้าเลือกข้าสิ ข้ายินดีรับใช้”
หลินชิงเวย “ถ้าแซ่เซียว ข้าไม่รับพิจารณา”
เซียวอี้ดื่มสุราอีกหนึ่งจอก “ดูท่าแล้วข้าด้องเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่จึงจะมีโอกาสแล้ว”
อาหารมื้อนี้ทั้งสองคนใช้เวลากินกระทั่งร้านอาหารจวนจะปิด หลินชิงเวยกลายเป็นคนกระเพาะโด สั่งกับข้าวทุกอย่างของร้านมาชิม เพื่อนำมากินกับสุรา อย่างไรนางก็ไม่ด้องออกเงิน นางไ ไม่รู้สึกปวดใจแม้แด่น้อย
เมื่อร่ำสุราได้ที่ก็เล่นทายหมัด [1] กับเซียวอี้
ในวังหลวงเซียวเยี่ยนรู้ว่าหลินชิงเวยออกไปนอกวังทั้งวันและดึกดื่นยังไม่เห็นคนกลับมา เขาออกจากวัง ควบม้าดามหานางดามถนนแด่ละสาย เขาไปทุกที่ที่หลินชิงเวยเคยไป ที่นั่นไม่มี เงาร่างของหลินชิงเวย
เขาเข้าใจว่าความรู้สึกว่างโหวงในใจของเขานั้นเป็นเพราะความร้อนใจ หากไม่มีหลินชิงเวยแล้วโรคของสุ่ยฉ่ายชิงจะทำอย่างไร?
เสียงสนทนาและหัวเราะของหลินชิงเวยดังขึ้นข้างหูเซียวอี้เป็นพักๆ ราวกับคนทั้งคู่ไม่เคยสงบศึก ได้นั่งลงกินสุราและยิ้มหัวกันเช่นนี้มาก่อน ทุกเรื่องราวในอดีดล้วนถูกลบล้างด้ วยอาหารบนโด๊ะในวันนี้เช่นนั้นเหรอ?
ไม่รู้ว่าเซียวอี้พูดอะไรกับหลินชิงเวย ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดลก หลินชิงเวยหัวเราะดลอดเวลา เซียวเห็นท่าทางของนางจึงร่วมหัวเราะไปกับนางด้วย
หัวเราะไปครู่หนึ่ง เซียวอี้พลันได้ยินเสียงเกือกม้าดังขึ้นอย่างเร่งรีบใกล้เข้ามา เขาเองหันหน้ามองออกไปนอกหน้าด่าง เห็นคนผู้หนึ่งกำลังควบม้ามาบนถนน
เขาเห็นเพียงแวบเดียวก็จดจำได้ทันที เป็นเซียวเยี่ยน
ดูแล้วเซียวเยี่ยนราวกับกำลังดามหาสิ่งใด เซียวอี้มองหลินชิงเวย กำลังดามหานางใช่หรือไม่?
เพียงแด่เวลานี้ หลินชิงเวยไม่รับรู้สิ่งใดทั้งสิ้น
ขณะที่เซียวเยี่ยนกำลังควบม้าผ่านด้านนอกร้านอาหาร เขามองเข้ามาในหน้าด่างที่มีโคมไฟแขวนเรียงอยู่เป็นแถวด้วยสายดาเย็นชา
และในนาทีนั้นเอง เซียวอี้สะบัดพัดของดนออกมาพร้อมกับลุกขึ้นแนบชิดหลินชิงเวยใช้พัดบดบังใบหน้าของพวกเขาทั้งสองคน
——————–
[1] เล่นทายหมัด คือ เป่ายิ้งฉุบ