ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 350 นางมีสติดียิ่ง รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
- Home
- ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง
- เล่มที่ 12 บทที่ 350 นางมีสติดียิ่ง รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
หลินชิงเวยตื่นตะลึง ท่ามกลางแสงไฟ นางเห็นใบหน้าของเซียวอี้ใกล้เช่นนี้ ริมฝีปากกรุ่นกลิ่นสุราของเซียวอี้ปนเปมากับลมหายใจของเขา เขาพูดกับหลินชิงเวย “ดูเหมือนเซียวเยี่ยนมาต ตามหาเจ้า เจ้าอยากให้เขาหาพบเจ้าพบหรือไม่?”
หลินชิงเวยไม่ได้พูดจา ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีนั้นไม่จำเป็นต้องให้นางพูดอะไร เซียวเยี่ยนควบม้าผ่านหน้าร้านอาหารไปอย่างรวดเร็ว
เซียวเยี่ยนมองผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว ย่อมไม่พบว่าผู้ที่นั่งอยู่ด้านในเป็นเซียวอี้และหลินชิงเวย เขาเข้าใจว่าคนสองคนนั้นเป็นคู่รักที่กำลังพลอดรัก
เพียงแต่หลังจากเซียวเยี่ยนผ่านไปเซียวอี้กลับไม่มีทีท่าว่าจะผละออกห่าง เขามองริมฝีปากแดงสดของหลินชิงเวยด้วยความลุ่มหลง ไม่เพียงไม่ได้ผละร่างออกมา ในทางกลับกันกลับเข้าแนบชิดร ริมฝีปากแดงนั้นมากขึ้น
เห็นอยู่ว่ากำลังจะสัมผัสริมฝีปากแล้ว หลินชิงเวยเพียงขยับมือ พริกดอกหนึ่งทั้งแดงทั้งเผ็ดก็ถูกยัดเข้าไปในจมูกของเซียวอี้…
เซียวอี้ “…”
จมูกของเซียวอี้เผ็ดจนแดงก่ำไปหมด เขารู้สึกแสบร้อนจนสะดุ้งโหยงพร้อมกับใช้พัดในมือโบกหน้าของตน เขาแทบจะต้องกรอกน้ำใส่จมูกของตนจึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ก็แค่ล้อเล่นกับเจ้ าเท่านั้น เจ้าต้องทำถึงขั้นนี้หรือ!”
หลินชิงเวยไม่ได้ตอบเขา นางมีสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เมื่อเขามองนางอีกครั้ง นางฟุบลงกับโต๊ะแล้วนอนหลับไป
พระจันทร์แขวนอยู่กลางท้องฟ้า เสี่ยวเอ้อร์ของร้านอาหารนั่งสัปหงกอยู่หน้าโต๊ะเก็บเงิน แสงไฟจากเทียนไขริบหรี่
เซียวอี้วางเงินก้อนหนึ่ง จากนั้นอุ้มหลินชิงเวยออกไปจากร้านอาหารด้วยความรวดเร็ว
หลินชิงเวยนอนหลับโดยไม่ฝัน นางไม่รู้ว่าคืนนั้นเซียวเยี่ยนออกตามหานางทั้งคืน แต่ต่อให้หานางเจอแล้วอย่างไรเล่า เรื่องที่ผ่านมาจะหวนคืนกลับไปเหมือนเดิมได้หรือ ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นจะทำราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือไม่?
เช้าตรู่เมื่อแสงตะวันสายแรกส่องสว่าง เมฆที่ถูกแผดเผาจนกลายเป็นสีแดงนั้นแยกตัวออกจากกัน ส่องให้เห็นหยดน้ำค้างใสจากเมื่อคืนกำลังค่อยๆ รวมตัวกันบนใบไม้ กระทั่งใบไม้เขียวสดนั นไม่อาจรับน้ำหนักได้อีกจึงค่อยๆ หยดลงบนพื้นดิน
นกกระจอกตัวเล็กกำลังส่งเสียงขับขานดังจิ๊บๆ บนกิ่งไม้ไม่หยุด มันกระโดดไปมาด้วยความร่าเริงและเบิกบานใจ
หลินชิงเวยสะลึมสะลือตื่นขึ้น ลมเย็นสายหนึ่งพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ส่งผลให้มุ้งผ้าโปร่งปลิวไหวน้อยๆ
นางยังรู้สึกงงงวยเล็กน้อยก็มีสาวใช้ยกน้ำเข้ามาปรนนิบัตินางล้างหน้าล้างตา ต่อมาหลินชิงเวยจึงค่อยๆ ได้สติคืนมา นี่ไม่ใช่ตำหนักฉางเหยี่ยน
ที่นี่คือที่ไหน?
สาวใช้เอ่ยขึ้นว่า “แม่นาง ท่านอ๋องกำลังรอรับอาหารเช้าในห้องโถงด้านหน้ากับแม่นางเจ้าค่ะ”
หลินชิงเวยได้สติกลับมาเต็มที่ นี่นางมาจวนเซี่ยนอ๋องหรือ? เมื่อคืนนางมาได้อย่างไร นางลืมหมดแล้ว
รอเมื่อนางเดินไปถึงห้องโถงหน้า เซียวอี้รออยู่ที่นั่นจริงๆ เขาสวมอาภรณ์เนื้อบางทั้งชุดอยู่ในจวนอ๋องของตนอย่างสบายอกสบายใจ
หลินชิงเวยทานอาหารเช้าพร้อมกับเขา เพียงแต่บรรยากาศบนโต๊ะอาหารแตกต่างจากเมื่อคืน มีเพียงหลินชิงเวยดื่มจนเมามายจึงจะลดปราการการป้องกันตัวต่อเซียวอี้
เซียวอี้ยื่นน้ำแกงสร่างเมาให้หลินชิงเวยถ้วยหนึ่ง เขายิ้มตาหยี “เมื่อคืนเวยเวยดื่มมากไปหน่อย มา ดื่มน้ำแกงสร่างเมาสักถ้วย”
หลินชิงเวยมองน้ำแกงสร่างเมาแล้วมองเซียวอี้ “ไม่ต้อง ตอนนี้ข้ามีสติดี” นางเช็ดมุมปากวางตะเกียบ “ข้ากินอิ่มแล้ว”
เซียวอี้เห็นหลินชิงเวยลุกขึ้นจึงเลิกคิ้ว “นี่จะกลับแล้ว?”
หลินชิงเวย “หาไม่ให้ข้าอยู่กินอาหารกลางวันที่นี่หรือ ขอบคุณน้ำใจของท่านอ๋อง เพียงแต่ข้าไม่มีเวลา”
เซียวอี้เอนกายไปพิงเก้าอี้ด้านหลังด้วยท่าทีเกียจคร้าน “ดูแล้วหากจะให้เจ้าพำนักอยู่ในจวนสักหลายวันก็ยังไม่ได้ เอาอย่างนี้เถิด ในเมื่อเจ้าเร่งรีบ อีกประเดี๋ยวข้าจะให้รถม้า าของจวนอ๋องส่งเจ้ากลับวัง เช่นนี้ย่อมเร็วกว่าเจ้ากลับไปเอง”
หลินชิงเวยครุ่นคิด “ได้”
ดังนั้นบ่ายวันนี้ หลินชิงเวยจึงนั่งรถม้าของเซียวอี้เข้าวัง แม้ทุกวันนี้เซียวอี้จะไม่อาจเข้าวัง แต่เขายังคงส่งหลินชิงเวยถึงหน้าประตูวัง
เมื่อหลินชิงเวยลงจากรถม้า ซินหรูรู้ข่าวแต่แรกจึงออกมารับหน้าประตูวัง ส่วนเซียวเยี่ยนตามหาคนทั้งคืน สีหน้าจึงไม่สดใสนัก เขายืนอยู่หน้าประตูวัง มองดูทุกอย่างชัดเจน
เซียวอี้ยังยื่นมือออกมาประคองเมื่อหลินชิงเวยลงจากรถม้า รอยยิ้มราวกับดอกเบญจมาศบานสะพรั่ง “เวยเวย ครั้งหน้ายินดีต้อนรับเจ้ามาเป็นแขกของจวนอ๋อง”
หลินชิงเวยมองเขาแวบหนึ่งแล้วหมุนกายเดินจากไป
เมื่อคืนไม่ได้กลับมาทั้งคืน ซินหรูร้อนใจจะแย่แล้ว ยามนี้เห็นหลินชิงเวยกลับมาโดยปลอดภัย จึงรีบเข้าไปกอดหลินชิงเวยร้องไห้สะอึกสะอื้น “พี่สาว ท่านไปที่ไหนมาเจ้าค่ะ ข้าร้อนใจจะ ะแย่แล้ว”
หลินชิงเวยช่วยซินหรูเหน็บจอนผมขึ้นไปโดยไม่พูดจา
ซินหรูทำจมูกฟุดฟิดแล้วพูดด้วยท่าทีตื่นตกใจ “พี่สาวดื่มสุราอีกแล้วหรือเจ้าคะ?! ไฉนร่างของพี่สาวมีแต่กลิ่นสุรา?”
เซียวเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างฟังแล้วลอบขมวดคิ้ว เขาคิดจะพูดบางอย่าง น่าเสียดายที่หลินชิงเวยพาซินหรูเดินผ่านร่างของเขาไปโดยไม่หยุดมองแม้แต่น้อย
เสียงของซินหรูดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล นางยังคงบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุด “พี่สาว ไยท่านจึงดื่มสุรามากมายเช่นนี้ สุขภาพของท่านยังไม่หายดี…”
“ไม่เป็นไร” หลินชิงเวยตอบเรียบๆ
ระหว่างทางกลับตำหนักฉางเหยี่ยน หลินชิงเวยเดินมาถึงทางแยก ดูเหมือนนางนึกอะไรขึ้นได้จึงเดินไปอีกทางหนึ่ง ซินหรูเห็นเงาร่างอรชรอ้อนแอ้นด้านหลังจึงพูดไล่หลังว่า “พี่สาว ตำหนักฉา างเหยี่ยนไม่ใช่ทางนี้นะเจ้าคะ นี่เป็นเส้นทางไปยังตำหนักคุนเหอ!”
แสงตะวันยามเช้าสาดส่องร่างด้านข้างของนางและกรอบใบหน้าข้างหนึ่งของนาง ผิวพรรณขาวนวลใต้แสงตะวันนั้นแทบจะโปร่งใส หลินชิงเวย “อืม ข้ารู้แล้ว”
ยามนี้ไทเฮากำลังสวดมนต์อยู่ในห้องพระ นางสวดมนต์ไปพร้อมกับเคาะมู่อวี๋ หมัวมัวรีบเดินเข้ามาในห้องพระเอ่ยขัดขึ้นว่า “ไทเฮา หลินซื่อนางนั้นมาแล้วเพคะ”
“หลินซื่อคนไหน?”
“หลินชิงเวยเพคะ”
ไทเฮาเบิกตากว้าง ดวงตาเป็นประกาย “ในที่สุดนางก็มาจนได้”
ไทเฮาไม่แม้แต่จะผลัดอาภรณ์หรือแต่งหน้าประทินโฉม นางออกจากห้องพระเพื่อไปพบกับหลินชิงเวยที่ห้องโถงหน้าโดยการประคับประคองของหมัวมัว
หลินชิงเวยช้อนตาขึ้นมองไทเฮาพูดด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ “ไม่เจอกันนาน ดูแล้วสุขภาพพลานามัยแข็งแรงดีดังเดิม”
ไทเฮาพูดด้วยสีหน้ายิ้มไม่ถึงดวงตา “เพราะอาศัยวาสนาของแม่นางหลิน”
หลินชิงเวยชี้นิ้วไปที่ตำแหน่งของโต๊ะน้ำชา ไทเฮาเข้าไปนั่งตรงข้ามนางโดยไม่อิดออดทันที เวลานี้ล้วนเป็นคนกระจ่างแจ้ง ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำทีไม่รู้
หลินชิงเวยเอ่ยขึ้นว่า “น้องสาวของข้าไม่ชอบเดินไกล ข้าเพิ่งกลับมาจากนอกวัง เวลานี้ล่วมยายังอยู่ในตำหนักฉางเหยี่ยน”
ไทเฮาส่งสายตาให้หมัวมัวข้างกายแล้วสั่งการว่า “ไปเตรียมเกี้ยวเดี๋ยวนี้ ส่งน้องสาวแม่นางหลินท่านนี้กลับไปตำหนักฉางเหยี่ยน”
“เพคะ”
ซินหรูงงงวยเล็กน้อย “พี่สาว…”
ในใจนางพอจะคาดเดาอะไรได้บ้างแล้ว แต่ไทเฮาผู้อยู่เบื้องหน้านี้เคยคิดจะเอาชีวิตนางและพี่สาวหลายครั้งหลายครา แต่ตอนนี้พี่สาวกลับต้องการช่วยเหลือนางหรือ?
หลินชิงเวยพูดขึ้นว่า “ซินหรู กลับไปตำหนักฉางเหยี่ยนหยิบล่วมยาของข้ามา” นางย่อมรู้ดีว่าตนเองกำลังทำสิ่งใดอยู่