ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 351 ครึ้มอกครึ้มใจ
ซินหรูขยับปากคิดจะพูดสิ่งใด แต่เมื่อเห็นสายตาหลินชิงเวยสงบนิ่งประดุจสายน้ำนางจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา นางรับคำแล้วตามหมัวมัวออกไป
หลังจากล่วมยามาถึงแล้ว หลินชิงเวยหยิบหมอนรองออกมาแล้วเหลือบมองไทเฮาแวบหนึ่ง ไทเฮายื่นมือออกมาวางบนหมอนให้หลินชิงเวยตรวจชีพจร
หลินชิงเวยอยู่ในตำหนักคุนเหอตลอดทั้งบ่าย
สภาพอากาศในฤดูร้อนยังอบอ้าวอยู่บ้าง นางกำนัลต้มน้ำร้อนมาเทใส่ถังอาบน้ำ หลินชิงเวยนำยาที่นางปรุงเองใส่ลงไปในน้ำแล้วให้ไทเฮาลงไปแช่ในน้ำเป็นเวลาสองชั่วยาม รอจนเหงื่อกาฬ ไหลออกมาท่วมตัว ใบหน้าแดงก่ำ
เห็นได้ชัดว่าไทเฮาทรมานอย่างยิ่ง นางรู้สึกราวกับถูกความร้อนของน้ำที่โอบล้อมทำให้แทบจะละลายกลายเป็นน้ำไปด้วย แต่เมื่อเห็นเงาร่างของหลินชิงเวยเดินไปมาในห้อง จึงถามขึ้นว่า “ “เหตุใดเจ้าจึงคิดตก ตัดสินใจรักษาให้ข้า?”
“คิดตก?” หลินชิงเวยเลิกคิ้ว “ข้าคิดไม่ตกตั้งแต่เมื่อใดกัน? แค่เพียงวันนี้มีเวลาว่างและข้ามีอารมณ์จะรักษาให้”
หลินชิงเวยเป็นสตรีเจ้าคิดเจ้าแค้น ไทเฮาแจ่มแจ้งในจุดนี้ไม่มากก็น้อย หากมิใช่นางไม่เหลือความหวังในตัวเซ่อเจิ้งอ๋องแล้วนางคงไม่ทำเช่นวันนี้ ไทเฮาไม่อยากจะเชื่อว่าความขัดแย้ง งระหว่างนางและหลินชิงเวยจะสามารถคลี่คลายลงได้อย่างแท้จริง เพียงแค่ชั่วระยะเวลานี้เท่านั้น
เพียงแต่คำพูดเหล่านี้ ไทเฮาได้แต่คิดในใจเท่านั้น ยามนี้หลินชิงเวยยินยอมรักษานางให้กลับไปมีรูปโฉมดังเดิมอย่างมิง่ายดาย นางไม่ต้องการให้คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคทำให้หลินชิงเวย รู้สึกไม่ดีแล้วไม่ยอมช่วยเหลือนาง
ไทเฮาให้ความร่วมมือทุกขั้นตอนของการรักษาอย่างยิ่งยวด
หลังจากแช่ตัวในน้ำสมุนไพรแล้วไทเฮาเอนกายนอนลงบนเตียง ซินหรูเป็นลูกมืออยู่ด้านข้าง หลินชิงเวยฝังเข็มกระตุ้นจุดชีพจรหลายจุดของไทเฮา ต่อมาความรู้สึกเจ็บจากการฝังเข็มเงินค่ อยๆ แผ่กระจายขึ้นมาทั่วทั้งร่าง ส่งผลให้ไทเฮาปวดบริเวณท้องน้อย หายใจติดขัดเล็กน้อย
หมัวมัวยืนดูอยู่ด้านข้างด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง “หลินซื่อ หากเจ้ากล้าทำร้ายไทเฮาละก็ ไทเฮาไม่มีทางละเว้นเจ้าแน่!”
หลินชิงเวยเอียงหน้า แววตาดำขลับราวกับน้ำหมึก หมัวมัวพบว่าหน้าผากใต้ผมหน้าม้านั้นมีเหงื่อเม็ดละเอียดผุดขึ้นชั้นหนึ่ง ชัดเจนยิ่งนักว่านางกำลังทำการรักษาอย่างตั้งอกตั้งใจจะ ะให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นไม่ได้ และด้วยคำพูดประโยคนี้ของหมัวมัวทำให้สมาธิของนางว่อกแว่ก นางพูดเสียงต่ำ “หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับไทเฮา คนแรกที่สมควรตายก็คือเจ้า! ไสหัวออกไป! !”
หมัวมัวกัดฟันอย่างไม่พอใจ ไทเฮาโบกไม้โบกมืออย่างอ่อนแรง หมัวมัวจึงยอมถอยออกไป
เมื่อเข็มเงินหลายเล่มถูกฝังลงบริเวณท้องน้อยของไทเฮา หลินชิงเวยไม่ได้พักหายใจแม้แต่น้อย ปลายนิ้วทั้งสิบจับเข็มเงินและเอ่ยขึ้นว่า “ในยามปกติไม่ชอบออกกำลังกาย เลือดลมในร่ างกายติดขัดไม่ไหลลื่น อีกประเดี๋ยวข้าจะทะลวงจุดชีพจรทั่วร่างเพื่อให้โลหิตไหลเวียน ท่านจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก”
ทันทีที่สิ้นเสียงปลายนิ้วของหลินชิงเวยตวัดไปมา เข็มเงินถูกฝังลงบนร่างของไทเฮา ด้วยหลินชิงเวยฝังเข็มลงบนจุดชีพจรอย่างแม่นยำ เพียงชั่วพริบตาก็ดึงเข็มเงินออกจากร่างของไทเ เฮาหลายเล่ม
เมื่อซินหรูส่งเข็มเงินเล่มสุดท้ายให้หลินชิงเวยแล้ว หลินชิงเวยฝังเข็มลงบนผิวของไทเฮา นางส่งเสียงร้องอึกอักในคอ ความรู้สึกผ่อนคลายจากทุกๆ จุดชีพจรกระจายไปตามแขนขาและกระดู กของนาง นางรู้สึกราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกำลังกระจายออกมาตามรูขุมขนและผ่านเม็ดเหงื่อที่ไหลออกจากร่างกาย
สุดท้ายนางรู้สึกเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรง
เวลาชั่วหนึ่งก้านธูป ซินหรูนั่งอยู่ริมเตียง เก็บรวบรวมเข็มเงินขึ้นมา หลินชิงเวยยืนอยู่ข้างโต๊ะหยิบพู่กันแต้มน้ำหมึกเขียนเทียบยา “ไปจัดยาตามเทียบยาของข้า หลังจากกินยา าประมาณสามถึงห้าวัน ระดูของท่านจะมาอีกครั้ง ระดูจะทำให้ท่านได้ชะล้างและเปลี่ยนเลือดใหม่ในร่างกายของท่านอย่างรวดเร็ว ไม่เกินระยะเวลาครึ่งเดือนใบหน้าแก่ชราของท่านจะค่อยๆ เป ปลี่ยนไป ในระยะเวลาครึ่งเดือนนี้ ท่านควรนอนพักผ่อนบนเตียงจะดีที่สุด อาหารการกินเน้นอาหารรสจืดจะเป็นการดี”
หลินชิงเวยวางเทียบยาลงบนโต๊ะและยื่นมือไปหยิบขวดกระเบื้องขวดหนึ่งจากล่วมยาออกมาวางบนโต๊ะ “นี่เป็นขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณ สามารถลบรอยเหี่ยวย่นและกระฝ้า ไทเฮาใช้ทาใบหน้าวันละ ะครั้งก็พอ”
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการรักษาและกำชับเรื่องการใช้ยาแล้ว หลินชิงเวยและซินหรูออกจากตำหนักคุนเหอ หลังจากกลับถึงตำหนักฉางเหยี่ยน หลินชิงเวยกลับไปนอนพักผ่อนในห้อง ซินหรูเห็น นนางหลับใหลไปด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ
คืนนั้นไทเฮากินยาตามที่หลินชิงเวยกำชับ อีกทั้งยังทาขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณ เมื่อนางส่องกระจกในวันรุ่งขึ้นก็รู้สึกปลาบปลื้มยินดีด้วยเห็นริ้วรอยเหี่ยวย่นลดน้อยลงกว่าเมื่อวานมาก ก อีกทั้งเมื่อตื่นขึ้นมา แม้จะปวดเมื่อยไปทั้งตัว ทว่ากลับรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวและสดชื่นแจ่มใส
ไทเฮาใช้เวลาส่องกระจกราวครึ่งชั่วยาม พิศซ้ายมองขวาและพูดอย่างยินดี “ดูท่าแล้วหลินชิงเวยผู้นั้นมีฝีมือจริงๆ”
หมัวมัวกล่าวแสดงความยินดี “เพียงครึ่งเดือน ไทเฮาก็จะกลับมามีรูปโฉมงดงามอีกครั้งเพคะ”
มีเพียงตำหนักคุนเหอที่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดี ตำหนักอวี้หลิงไม่โชคดีเช่นนั้น ราวกับตำหนักอวี้หลิงทั้งตำหนักถูกความสลดหดหู่ของสุ่ยฉ่ายชิงครอบคลุมเอาไว้
เวลาล่วงเลยไปอีกหลายวัน บัดนี้แม้ใบหน้าของสุ่ยฉ่ายชิงจะไม่บวมและแดงแล้ว ทว่าใบหน้าของนางไม่อาจหายสนิทได้ ยิ่งไปกว่านั้นผดผื่นแดงที่เลือนหายไปกลับทิ้งร่องรอยไม่ตื้นไม่ลึกไว ว้บนใบหน้า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปนางคงอยู่ห่างจากคำว่าเสียโฉมไม่ไกลแล้ว ด้วยเหตุนี้สำนักหมอหลวงจึงส่งขี้ผึ้งลดเลือนรอยแผลเป็นมาให้ แต่ดูเหมือนจะไม่ดีขึ้น
นางให้เซียวเยี่ยนไปขอขมาหลินชิงเวย ด้วยปรารถนาให้หลินชิงเวยไม่ผูกใจเจ็บเรื่องในครั้งก่อนแล้วมารักษาอาการให้นางที่ตำหนักอวี้หลิง เพราะตนเองเป็นฝ่ายเข้าใจผิดหลินชิงเวยก่อน ทว่าเซียวเยี่ยนกลับผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ได้ไปขอขมาหลินชิงเวย ด้วยเขารู้และเข้าใจนิสัยของหลินชิงเวยมากเกินไป ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นราวกับปรากฏขึ้นเบื้องหน้า หลินชิงเวยไม่คำนึ งถึงร่างกายของตน ใช้ร่างกายตัวเองมาทดลองกินยามากมายเช่นนั้น เห็นได้ว่าเวลานั้นนางตัดสินใจเด็ดขาดเพียงใด
ขอเพียงเซียวเยี่ยนอยู่ในตำหนักอวี้หลิง สุ่ยฉ่ายชิงมักจะร่ำไห้น้ำตาไหลพรากด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ นางไม่อยากให้เซียวเยี่ยนลำบากใจ ได้แต่หันหลังเช็ดน้ำตาเงียบๆ คนเดียว
เซียวเยี่ยนเข้ามาในเรือนเห็นยาที่ควรจะดื่มยังวางอยู่บนโต๊ะโดยไม่ถูกแตะต้อง จึงเอ่ยขึ้นว่า “ไยจึงยังไม่ดื่มยา?”
สุ่ยฉ่ายชิง “ดื่มยาไปมากมายเช่นนั้นแต่กลับไม่ดีขึ้น ยังจะดื่มไปเพื่ออะไรกัน?”
เซียวเยี่ยนก้าวเข้าไปพูดเสียงเบา “หมอหลวงบอกว่าให้ควบคุมอารมณ์ของเจ้า หาไม่แล้วจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ”
สุ่ยฉ่ายชิงพูดทั้งสะอึกสะอื้น “ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจล่วงรู้ว่าโรคของข้าจะกำเริบขึ้นอีกครั้งเมื่อใด บัดนี้ข้ามีสภาพเช่นนี้ ไม่มีหน้าไปพบผู้คนเนิ่นนานแล้ว จะกำเริบหรือไม่ล้วนไม ม่สำคัญอีกต่อไป”
“ฉ่ายชิง อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ” เซียวเยี่ยนพลิกร่างของนางกลับมาพร้อมถือถ้วยยาไว้ในมือ “มา ข้าป้อนเจ้าดื่มยา” แม้ในน้ำเสียงนั้นจะไม่เหลือทางให้ปฏิเสธ ทว่ายังคงฟังออกถึงความห่ วงใยและเอาใจใส่
ในยามปกติ สุ่ยฉ่ายชิงเป็นคนเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ยามนี้นางเห็นเซียวเยี่ยนทั้งเด็ดขาดและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน หัวใจจึงอ่อนยวบลงสองส่วน ดื่มยาที่เขาป้อนให้อย่างเชื่อฟัง
เสียงขันทีร้องขานเสียงแหลมดังขึ้นด้านนอก “ไทเฮาเสด็จ–”
สุ่ยฉ่ายชิงตะลึงงัน นางเอนกายพิงร่างของเซียวเยี่ยนอย่างอ่อนแรงพร้อมกับมองออกไปข้างนอก ข้างนอกแสงแดดสดใส เห็นเงาร่างคนกำลังเดินเข้ามาในเรือน เหล่านางกำนัลหยุดรอในเรือนกลาง ง ไทเฮาสวมอาภรณ์งดงามหรูหรา มีหมัวมัวประคองเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม