ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 354 ไม่พอใจก็มาจัดการข้าสิ
เซียวเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้นว่า “เจ้ามีวิธีรักษาใบหน้าของนางหรือไม่?”
หลินชิงเวยตอบด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “เดิมทีข้าคิดว่าเป็นเพียงอาการแพ้ทั่วไปเท่านั้น ขอเพียงพักผ่อนก็จะดีขึ้น คิดดูแล้วเมื่อแรกแม่นางสุ่ยก็คิดเช่นนี้กระมัง”
แววตาของสุ่ยฉ่ายชิงไหววูบด้วยถูกหลินชิงเวยจับได้ หลินชิงเวยจึงหัวเราะ “คิดไม่ถึงว่าผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว สำนักหมอหลวงก็ยังไม่มีวิธีการรักษา? ที่จริงควรจะหายดีเหมือนเดิมน นานแล้ว แต่ตอนนี้ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้เนิ่นนานก็ยังไม่เลือนหาย เกรงว่าคงยากที่จะทำให้หายไป อีกทั้งนี่มีสาเหตุมาจากสุขภาพของแม่นางสุ่ย มิใช่แม่นางสุ่ยมีร่างกายที่แพ้ง่ายหร รอกหรือ?”
สุ่ยฉ่ายชิงตอบเสียงอ่อน “ฉ่ายชิงเลื่อมใสความรู้ทางวิชาแพทย์ของแม่นางหลิน โรคของฉ่ายชิงหมอหลวงรักษาไม่ได้ หากแม่นางยื่นมือช่วยเหลือจะต้องรักษาให้หายดีได้แน่”
หลินชิงเวยยิ้มแล้วคลายมือออก มุมของผ้าโปร่งผืนนั้นเลื่อนลงจากใบหน้าของนางราวกับกำลังเริงระบำ นางมองคนทั้งสองแล้วพูดเนิบๆ “ทั้งสองท่านความจำไม่ดีหรืออย่างไรกัน? ลืมคำพ พูดที่ข้าพูดในวันนั้นแล้ว?”
เซียวเยี่ยนเม้มปากแน่น จ้องนางเขม็งไม่พูดจา
นางพูดด้วยท่าทีไม่ยี่หระ “ข้าบอกแล้ว หากใบหน้าของนางมิใช่ฝีมือข้า ข้าจะทำให้นางเสียโฉมจริงๆ และจะไม่รักษานางอีกต่อไป” สุ่ยฉ่ายชิงหน้าซีดขาว หลินชิงเวยค่อยๆ เชิดปลายคางขึ น ดวงตาเยียบเย็นคมปลาบไม่กะพริบนั้นราวกับไข่มุกในฤดูเหมันต์ สว่างโปร่งใสราวกับอัญมณี นางพูดเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย “เซ่อเจิ้งอ๋อง แม่นางสุ่ย พวกท่านล้วนเห็นคำพูดของข้าเป็น นเพียงสายลมที่พัดผ่านหูไปเช่นนั้นหรือ? หืม?”
นางก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว มือของนางห้อยลงข้างตัวแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะนั้นปนเปด้วยความเกียจคร้าน ใครเลยจะรู้ว่าเมื่อสิ้นเสียงของนาง สุ่ยฉ่ายชิงรู้สึกว่ามี บางอย่างไม่ถูกต้อง
คลื่นความร้อนชนิดหนึ่งพุ่งเข้าหาทุกๆ อวัยวะของร่างกาย ทั้งหมดนั้นพุ่งขึ้นมารวมกันที่ใบหน้า นางรู้สึกว่าใบหน้าของตนแสบร้อนไปหมด อีกทั้งความรู้สึกชนิดนั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของนางโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่มีร่องรอยของผื่นแดงนั้นทั้งคันทั้งเจ็บ สุดท้ายนางยกมือขึ้นเกาใบหน้าอย่างทนไม่ไหว
“เยี่ยน...เยี่ยน...” สุ่ยฉ่ายชิงลนลานขึ้นมา นางหันหน้าไปมองเซียวเยี่ยน ถามขึ้นด้วยความทรมาน “เหตุใดข้าพลันรู้สึกว่าใบหน้าร้อนยิ่ง ทั้งคันทั้งเจ็บ ท่านช่วยดูว่าข้าเป็นอ อะไรหรือไม่…”
ทันทีที่เซียวเยี่ยนมองดู สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
เขาเห็นใบหน้าของสุ่ยฉ่ายชิงแดงก่ำ ผดผื่นแดงที่ถูกควบคุมด้วยยาให้สงบลงแล้วกลับดูเหมือนกำเริบขึ้นมาอีก อีกทั้งลุกลามอย่างรวดเร็ว สุ่ยฉ่ายชิงรู้สึกคันใบหน้าจนทนไม่ไหวจึง งยื่นมือไปเกาสองครั้ง ผดแดงนั้นจึงบวมเป่งขึ้นมาทันที
เซียวเยี่ยนยื้อยุดมือของสุ่ยฉ่ายชิง “อย่าไปแตะต้อง”
สุ่ยฉ่ายชิงรู้ว่าใบหน้าของตนเองผิดปกติเช่นกัน น้ำตาของนางหยดลงมา “เกิดอะไรขึ้น? ข้าต้องการกระจก…”
ซินหรูฟุบอยู่บนขอบหน้าต่าง ได้ยินเช่นนั้นจึงพูดขึ้นว่า “แม่นางสุ่ยต้องการกระจกหรือ ข้าหยิบออกไปบานหนึ่งจากห้องข้าดีหรือไม่?”
ใบหน้าของสุ่ยฉ่ายชิงที่ถูกหยดน้ำตาไหลผ่านยิ่งรู้สึกแสบร้อน สุ่ยฉ่ายชิงอดทนอดกลั้นจนปลายนิ้วงองุ้ม นางอยากยกมือขึ้นเกาหน้าอย่างมาก นางร่ำไห้และพูดไปด้วยว่า “คันเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน…ข้าเป็นอะไรไป?”
เซียวเยี่ยนปลอบโยนนาง “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” เขาช้อนตาขึ้นจับจ้องหลินชิงเวยตรงๆ นาทีนี้สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไป “เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่”
หลินชิงเวยยักไหล่ “ข้าทำอะไรแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่ฝีมือเจ้า เช่นนั้นเหตุใดจู่ๆ นางจึงกลายเป็นเช่นนี้?” เซียวเยี่ยนถามคาดคั้น
หลินชิงเวยหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง “เซ่อเจิ้งอ๋องเห็นข้าลงมือหรือไม่? ข้าไม่ได้ทำอันใดทั้งสิ้น เซ่อเจิ้งอ๋องไม่เป็นอะไร มีเพียงนางคนเดียวที่เป็น นี่คงได้แต่บอกว่าร่างกายของ งนางมีอาการแพ้อย่างรุนแรง หากความจำของข้าไม่ย่ำแย่แล้วละก็ ดูเหมือนยังจำได้ว่าครั้งแรกที่แม่นางสุ่ยมาเยือนตำหนักฉางเหยี่ยนของข้า หลังจากกลับไปแล้วเกิดอาการแพ้กระทั่งล้ม ป่วย วันนี้นางมาอีก ก็คงต้องเกิดอาการแพ้และล้มป่วยอีก มีอะไรให้ต้องตื่นตกใจหรือ?”
สุ่ยฉ่ายชิงเจ็บปวดสิ้นหวัง นางมองหลินชิงเวยผ่านม่านน้ำตา “เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้กับข้า?”
เซียวเยี่ยน “เปิ่นหวางรู้ว่าเจ้ามีความคับแค้นใจ เจ้าทำกับเปิ่นหวางได้ นางไม่เคยทำสิ่งใดผิด ทั้งหมดล้วนเป็นเปิ่นหวางที่วางแผน”
หลินชิงเวยหลุบตาลงต่ำ คลี่ยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร อย่างไรท่านก็เห็นเพียงความทุกข์ที่นางได้รับ กลับไม่เคยมองเห็นความเจ็บปวดที่ผู้อื่นได้รับ ล้วนเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด หากจะกล่าวว ว่าข้ามีความคับแค้นใจ เซ่อเจิ้งอ๋อง ท่านช่างสำคัญตัวผิดเกินไปแล้ว สิ่งที่ข้าสามารถทำได้เป็นเพียงตอบแทนนางตามความผิดบาปที่นางทำเท่านั้น” นางช้อนตาขึ้นมองสุ่ยฉ่ายชิงตรงๆ แล ล้วยิ้มชั่วร้าย “ไม่อย่างนั้นเจ้าคงคิดว่าข้าเป็นคนยอมให้ผู้อื่นรังแกง่ายๆ ดูเหมือนในสายตาของพวกเจ้า ข้าสมควรเป็นคนใจกว้างมากเมตตา ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องบาดหมางในครั้งเ เก่าก่อน แค่พูดคำว่าขอโทษส่งๆ เพียงประโยคเดียวก็ลบล้างเรื่องราวในอดีตได้หมดสิ้น? ตกลงเป็นเพราะคำว่า “ขอโทษ” ไร้ค่าเกินไป หรือเป็นเพราะข้า หลินชิงเวยด้อยค่าเกินไปกันแน่? ?” ดวงตาของนางเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นสว่างไสวเจิดจ้าอย่างยิ่งยวด “ขอโทษด้วย ข้าเป็นเพียงสตรีใจคอโหดเหี้ยมคนหนึ่ง มิใช่เจ้าแม่กวนอิมที่ลงมากอบกู้โลก ในเมื่อแม่นางสุ่ย ชื่นชอบแสดงงิ้วทำลายรูปโฉม เช่นนั้นเชิญเจ้าแสดงให้เต็มที่”
พูดแล้วหลินชิงเวยก็หมุนกายกลับไป
“หลินชิงเวย!” เซียวเยี่ยนเรียกชื่อนางเสียงต่ำ
หลินชิงเวยชะงักย่างก้าว ค่อยๆ เบี่ยงหน้ากลับมา ใบหน้าด้านข้างของนางภายใต้แสงตะวันนั้นดูแล้วซีดขาวยิ่งนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดของนางนั้น เซียวเยี่ยนที่อยู่ข้างหลังมอ องไม่เห็น
หลินชิงเวยพูดเบาๆ “ตอนนี้ไม่ใช่เมื่อก่อน ท่านยังคิดว่าแค่คำพูดของท่านเพียงประโยคเดียวข้าก็จะบุกน้ำลุยไฟโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตนเองอีกหรือ? โรคของนาง ข้าหลินชิงเวยจะไม่ยื นมือช่วยเหลือแม้เพียงครึ่งส่วน ต่อให้นางตายต่อหน้าข้าในเวลานี้ ท่านคิดว่าข้าจะกะพริบตาแม้สักครั้งหรือ? ถูกต้อง ข้าก็เป็นสตรีอสรพิษเช่นนี้แหละ สมปรารถนาของท่านแล้วนี่ ไม่พ พอใจก็เข้ามาจัดการข้าสิ”
“ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ เจ้าจึงจะยอมช่วยนาง” เซียวเยี่ยนพูด “เจ้ายอมละทิ้งความบาดหมางในอดีตกับไทเฮา แต่ไม่ยอมเห็นแก่หน้าของเปิ่นหวาง ช่วยนางสักสองส่วนหรือ?”
หลินชิงเวยใคร่ครวญแล้วหันหน้ากลับไปด้วยรอยยิ้มดังเดิม “อ้อ ท่านพูดเช่นนี้ ข้ากลับนึกขึ้นได้ว่าเมื่อข้าช่วยรักษาไทเฮา ข้าได้มอบขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณให้ไทเฮาขวดหนึ่ง ช่วยล ลบเลือนริ้วรอยและกระฝ้าได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าย่อมทำให้ใบหน้าของแม่นางสุ่ยกลับมางดงามดังเดิม เซ่อเจิ้งอ๋องลองไปขอร้องไทเฮา ดูว่าไทเฮาจะยินยอมมอบขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณให้หรื อไม่”
สีหน้าของเซียวเยี่ยนแข็งค้าง หลินชิงเวยหันหน้าเดินเข้าไปในเรือน
“เยี่ยน ข้าจะทำอย่างไรดี…” สุ่ยฉ่ายชิงทุกข์ทรมานแสนสาหัส
ในที่สุดเซียวเยี่ยนยังคงพาสุ่ยฉ่ายชิงจากไป อาจเป็นเพราะตัวเขาเองแจ่มแจ้งแก่ใจดี หลินชิงเวยเป็นคนพูดแล้วทำจริง เพียงแต่เมื่อก่อนหลินชิงเวยยินดีที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อเขา า มาบัดนี้ไม่เหมือนในอดีตอีกแล้ว
เขาจะทำอะไรได้? เรื่องที่หลินชิงเวยตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ต่อให้เขาถือดาบพาดคอนาง นางก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ
พาสุ่ยฉ่ายชิงมาครั้งนี้ นอกจากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหลินชิงเวยแล้ว ในทางตรงกันข้ามอาการกลับลุกลามมากขึ้น
หลินชิงเวยกลับเข้าไปในห้องโอสถจัดผงยาราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ซินหรูเห็นคนด้านนอกไปแล้วจึงคิดว่าฟุบอยู่ข้างหน้าต่างก็ไม่มีอะไรให้ดู ก่อนหน้านี้หลินชิงเวยช่วยให้ไท ทเฮากลับมางดงามดังเดิม ซินหรูไม่เข้าใจจึงรู้สึกคับข้องใจ มาบัดนี้ตรองดูแล้วดูเหมือนไม่มีอะไรต้องคับข้องใจอีกแล้ว
วิธีการนี้ของพี่สาว ช่างแม่นยำและเหี้ยมโหดดีแท้