ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 358 อย่ามาลามกนะ
หลีเช่อเบิกตามองไปยังกาน้ำชาและถ้วยชาที่วางบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยไม่ถูกแตะต้อง แล้วหันไปมองหลินชิงเวยที่หันไปรื้อค้นใต้ตู้เสื้อผ้า “เจ้าจะหาน้ำดื่มจริงๆ หรือ เจ้ากำลังหาสิ่งของมีค่าอยู่กันแน่?”
แม้ปากจะกล่าวเช่นนี้ ทว่าหลีเช่อยังคงเดินไปที่โต๊ะรินน้ำชายื่นให้นางถ้วยหนึ่ง “ยังมี ห้ามเรียกข้าว่าพ่อหนุ่มน้อยอีก ข้าไม่ชอบคำว่า “น้อย” เจ้าเรียกข้าว่าพี่ชายสุดหล่อ ได้”
หลังจากหลินชิงเวยดื่มน้ำไปถ้วยหนึ่งจึงรู้สึกสบายขึ้นเล็กน้อย นางขมวดคิ้วแน่นและเรอกลิ่นสุราออกมา ต่อมานางหัวเราะขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ยพลางหันไปกระดิกนิ้วให้หลีเช่อ “พี่ชาย สุดหล่อ ท่านมานี่”
ภายหลังหลีเช่อคิดได้ว่า เขาจะต้องถูกขี้นกทำให้ดวงตาพร่าเลือนเป็นแน่ จึงได้เดินเข้าไปหานางแบบไร้สติเช่นนั้น
ร่างของหลินชิงเวยอ่อนยวบ ตัวพับลงในอ้อมกอดของหลีเช่อ หลีเช่อยังอยู่ในลักษณาการของคนเพิ่งตื่น เส้นผมยาวนั้นแผ่สยายบนไหล่ มีเส้นผมหลายปอยห้อยตกลงมาจากหัวไหล่ สีหน้า นั้นยังง่วงงุนอยู่บ้าง กระทั่งไฝสีแดงเม็ดนั้นก็ยังดูงดงามขึ้นหลายส่วน
หลีเช่อไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เรือนร่างของสตรีดูเหมือนจะหอมและนุ่มนิ่มกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ หลีเช่อสงบสติอารมณ์ “ฮึ ข้าเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง เจ้าคิดจะใช้ความงามมายั่วย ยวนข้า ข้าไม่หลงกลหรอกนะ!” ขณะที่เขากำลังพูดจา หลินชิงเวยกลับหัวเราะครึ้มอกครึ้มใจ จากนั้นยื่นมือไปปลดอาภรณ์ของหลีเช่อ หลีเช่อตกตะลึง “นี่ๆๆ เจ้าอย่าลามก! ข้าบอกเจ้าไว้ก่อน น เจ้าลามกสู้ข้าไม่ได้หรอก หากข้าลามกขึ้นมา เจ้าต้องหวาดกลัวแน่!”
หลีเช่อพูดเสร็จก็เห็นหลินชิงเวยใช้ปลายนิ้วเกี่ยวคอเสื้อเขาและเอียงศีรษะเข้าไป จากนั้นเสียงดัง “อ้วกก...” ก็ดังขึ้น หลินชิงเวยอาเจียนรดใส่ร่างของหลีเช่อสำเร็จเป็นครั้งที สอง
สีหน้าของหลีเช่อเปลี่ยนจากแดงเป็นขาว แล้วค่อยกลายเป็นเขียวคล้ำ เขาสิ้นความอดทนแล้วจริงๆ เขาข่มกลั้นความอดทนที่จะซัดฝ่ามือใส่หลินชิงเวย เขาผลักนางลงบนเตียงแล้วก้มมองเ เสื้อผ้าที่สกปรกเลอะเทอะของตน ยกมือขึ้นปิดปากของตนแล้วอาเจียนแห้งๆ หลายครั้ง ดูท่าทางมีความสุขของหลินชิงเวยที่เอนกายนอนลงบนเตียงราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ ทั้งสิ้นแล้วได้ แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เจ้าชนะแล้ว พอใจหรือยัง! โอ๊ยโหยว…”
ดังนั้นหลีเช่อจึงกลับไปยังห้องของตนเองเพื่อผลัดอาภรณ์ชุดที่สอง ลำพังเพียงแค่ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ไม่อาจทำให้เขาพึงพอใจได้ ด้วยความที่เขาเป็นคนรักสะอาดยิ่งยวด เขาจึงรู้สึกไม่ส สบายเนื้อสบายตัว จำยอมต้องอาบน้ำเย็นรอบหนึ่ง
เมื่อกลับมาดูหลินชิงเวยอีกครั้งเห็นดวงตาทั้งคู่ของนางจับจ้องมุ้งบนเพดานด้วยแววตาว่างเปล่า หลีเช่อไม่กล้าเข้าใกล้นางอีก จึงยืนพูดห่างจากนางสามก้าว “ไยเจ้าจึงยังไม่นอนอีก? ?”
คิดไม่ถึงว่าหลินชิงเวยจะตอบกลับมาอย่างมีสติแจ่มชัดยิ่ง “ข้าคอแห้ง นอนไม่หลับ”
หลีเช่อ “เช่นนั้นเจ้าลุกขึ้นมารินน้ำดื่มเอง”
“ข้าไม่มีแรง เดินไม่ไหว”
“…” หลีเช่อหน้าดำทะมึน “เจ้าจะต้องเป็นคนที่ลิงส่งมาทรมานข้าเป็นแน่” พูดแล้วก็หยุดแล้วพูดอีกว่า “ข้ารินน้ำให้เจ้าดื่มได้ ครั้งนี้หากเจ้าอาเจียนใส่ข้าอีก หึๆๆ พรุ่งนี้ข้า จะบังคับให้เจ้าซักกางเกงตัวในให้ข้า”
หลีเช่อรินน้ำชาให้หลินชิงเวยถ้วยหนึ่ง ยื่นให้นางด้วยท่าทางราวกับกำลังยื่นลูกระเบิดที่พร้อมจะระเบิดตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้น เขาหวาดผวายิ่งนักว่าหลินชิงเวยจะอาเจียนใส่ร่างขอ องเขาอีก หลินชิงเวยรับถ้วยน้ำชาไป เขารีบดึงมือกลับโดยไม่รั้งรอ
หลินชิงเวยรีบล้างปากก่อนแล้วถ่มใส่ในถาดที่อยู่ข้างเตียง จากนั้นจึงดื่มน้ำที่เหลือลงท้องไป
หลังจากดื่มน้ำ กำลังวังชาของหลินชิงเวยกลับคืนมาเล็กน้อย นางมองหลีเช่อแล้วหัวเราะ “หากไม่มีเจ้า คืนนี้ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะมีใครยอมให้ข้าพักพิง ข้าไม่มีที่ไป”
หลีเช่อเบะปาก “เจ้ามีเงินขนาดนั้น เหมาโรงเตี๊ยมทั้งโรงเตี๊ยมก็ยังมีเงินเหลือ”
หลินชิงเวยกะพริบตาปริบๆ ราวกับเป็นผู้บริสุทธิ์ “บนตัวข้าไม่ได้พกพาเงินมากมายเช่นนั้น ที่มีอยู่ก็มอบให้เป็นเงินรางวัลผู้อื่นไปหมดแล้ว”
หลีเช่อแทบจะกระโดดขึ้นมา “มารดามันเถอะ ผู้ใดช่างโชคดีเช่นนี้! เหตุใดเจ้าจึงไม่มอบเงินรางวัลให้ข้าบ้างเล่า ลองโยนตั๋วเงินปึกใหญ่ๆ ใส่หน้าข้าสิ ข้าไม่มีทางรังเกียจเงินมากแน่ นอน!”
หลินชิงเวย “…” นางเงียบขรึมแล้วหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง “หรือให้ข้าร้องเพลงให้เจ้าฟังเพลงหนึ่ง? เพื่อเป็นการขอบคุณที่เจ้าให้ที่พักพิงแก่ข้าในคืนนี้?”
มือทั้งคู่ของหลีเช่อยกขึ้นปิดหูของตนด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง “ข้าไม่ฟัง ข้าไม่ฟัง ข้าไม่ฟัง!”
หลินชิงเวยครึ้มอกครึ้มใจเช่นนั้น มีหรือจะสนใจว่าหลีเช่ออยากฟังหรือไม่ นางปีนลงจากเตียงเริ่มร่ายรำและร้องเพลงทันที
หลีเช่อค้อนปะหลับปะเหลือกอย่างทนไม่ได้ เขารังเกียจท่าทางการร่ายรำและเสียงร้องเพลงของหลินชิงเวยยิ่งยวด “ฟังไม่ได้เลย เจ้าบอกว่าเจ้าหน้าตาสะสวยเช่นนี้ ร้องเพลงก็ผิดทำนอง เสีย ยงยังแหบแห้งเช่นนี้? ปกติดูแล้วเจ้าไม่มีอะไร เจ้าดื่มสุราแล้วคออ่อนกว่านี้มีอีกหรือไม่?”
“เจ้าพูดอันใด? ลมพัดแรง ข้าไม่ได้ยิน?”
“ใช่สิ ลมพัดแรงจริงๆ ด้วย” หลีเช่อพูด “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้าคออ่อน?”
หลินชิงเวยยืนอยู่บนเตียง ยกมือขึ้นเท้าเอวแล้วเงยหน้าหัวเราะ
หลีเช่อรีบยกมือทั้งคู่ขึ้นปิดหูของตน “ไม่ เจ้าคออ่อนเสียจนหมดหนทางเยียวยาแล้ว! อย่าหัวเราะอีกเลย คนที่นอนหลับไปแล้วจะถูกเจ้าปลุกให้ตกใจตื่น อีกประเดี๋ยวเพื่อนบ้านจะร้องเร รียนว่าเจ้าก่อกวนความสงบ ยังต้องไปเสียเงินค่าปรับที่ศาลาว่าการ!”
หลินชิงเวยหยุดหัวเราะไม่ได้จริงๆ นางหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา หัวเราะจนสิ้นเรี่ยวสิ้นแรงจึงล้มลงนอนกางแขนกางขาบนเตียงพร้อมกับหอบหายใจ
หลีเช่อหันไปมองนาง พบว่าก้นบึ้งในดวงตาของนางไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย ต่อให้เป็นคนจิตใจหยาบเพียงใดก็ยังรู้สึกได้ว่านางมีเรื่องในใจ
แต่เขาและหลินชิงเวยเคยพบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง แม้จะรู้สึกราวกับรู้จักกันมาเนิ่นนานตั้งแต่พบหน้ากันครั้งแรก ทว่ายังไม่ถึงขั้นไปสืบเรื่องราวส่วนตัวของอีกฝ่าย
หลีเช่อพูดจาเกลี้ยกล่อม “รู้ว่าตัวเองคออ่อนก็อย่าดื่มสุรามากมายเช่นนี้ ซ้ำยังเป็นแม่นางหากมิใช่เพราะพบกับข้า เจ้าคิดดูว่าเจ้าจะมีอันตรายเพียงใด หากข้าเป็นคนไม่ดีเช่นนั้นเ เจ้ายิ่งตกอยู่ในอันตราย เจ้าแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืน เจ้าดูเจ้าสิ ดูอย่างไรก็เป็นสตรีจากครอบครัวใหญ่ฐานะมั่งคั่ง มีเงิน มีหน้ามีตา และมีเวลาว่าง มีอะไรที่คิดไม่ตกเล่า”
หลินชิงเวยมองมุ้งบนเตียงนอนอึดใจหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยหันหน้ามามองหลีเช่ออย่างสงบนิ่ง “ที่นี่ เจ้าเคยรักใครสักคนหนึ่งหรือไม่?”
หลีเช่อฟังออกถึงความนัยที่แฝงอยู่ในคำพูดของนาง เขาตอบด้วยสีหน้าหลงตัวเองของคนในสมัยยุคปัจจุบัน “ข้ายอมรับว่าสตรีในยุคสมัยโบราณมีรูปโฉมงดงามมาแต่กำเนิด แต่มาถึงบัดนี้แล้วข ข้ายังหาผู้ที่มีรูปโฉมและบุคลิกที่คู่ควรเหมาะสมกับข้าไม่ได้ ดังนั้นเรื่องความรัก ข้ายังไม่ทันได้มีกับใครเขา ข้าน่ะเป็นคนจู้จี้จุกจิก ยอมไม่มีดีกว่าใช้ของด้อยคุณภาพเด็ดขา าด” พูดแล้วชำเลืองมองหลินชิงเวยทางหางตา พบว่าที่จริงแล้วเวลานางมีท่าทีสงบนิ่ง พูดคุยหัวเราะได้นั้นไม่เลว แต่บัดนี้เขาอดไม่ได้ที่จะถามซอกแซก “เจ้าคงมิได้อกหักหรอกนะ? หรื อไปหลงรักบุรุษที่มีภรรยาแล้ว?”