ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 12 บทที่ 359 ทั้งๆ ที่อาศัยหน้าตาได้ แต่กลับอาศัยความสามารถ
- Home
- ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง
- เล่มที่ 12 บทที่ 359 ทั้งๆ ที่อาศัยหน้าตาได้ แต่กลับอาศัยความสามารถ
“…” หลินชิงเวยกระดิกนิ้วเรียกเขามาหาตนอีกครั้ง “เจ้ามานี่”
“อะไรอีกเล่า!” หลีเช่อมีสีหน้าระแวดระวัง “คงมิได้อยากอาเจียนอีกหรอกนะ?” เขาชี้ไปที่กระโถนบนพื้น “หากจะอาเจียน ก็อาเจียนลงไปในกระโถน! ห้ามอาเจียนใส่ข้า!”
“ข้าอยากอาเจียนใส่หน้าเจ้า ข้าได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจ เจ้าก็ต้องเสียสติ”
หลีเช่อร้องฮึ “มาสิ มีปัญญาก็ลุกขึ้นมา ทำร้ายซึ่งกันและกัน ฮึ”
“เชอะ” หลินชิงเวยมีสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
สนทนากันเช่นนี้ เวลาล่วงเลยไปกว่าค่อนคืน หลีเช่อเห็นนางเหนื่อยล้าจึงไม่รบกวนนางอีก ก่อนออกประตูไปยังกล่าวว่า “เจ้านอนหลับให้สบาย พรุ่งนี้เช้าตื่นมาก็ไม่มีอะไรแล้ว”
ดวงตาของหลินชิงเวยที่ปิดลงกระพือเบาๆ ต่อมาได้ยินเสียงประตูปิดลง
นางรู้สึกเจ็บปวด ณ ส่วนลึกของหัวใจ
นางเป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ แต่ในยามที่นางรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย กลับไม่มีใครให้นางพึ่งพา เมื่อก่อนนางคิดว่าเซียวเยี่ยนเป็นที่พักพิงของนาง น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่
ตนเองต้องเดินลำพังท่ามกลางราตรี นางได้แต่ยืนหยัดเดินไปข้างหน้าด้วยตนเองเท่านั้น
เคราะห์ดีที่พบกับหลีเช่อ มีสถานที่เช่นนี้ให้นางได้หยุดพักในเวลากลางคืน ในขณะที่นางกำลังตกอยู่ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ก็ดีจนไม่มีอะไรจะเปรียบแล้ว นางยังสามารถหาที่สำหรับห หลบลมหลบฝนได้
ทำให้นางรู้สึกเป็นกันเอง รู้สึกฝาดเฝื่อนในใจ
วันรุ่งขึ้นหลินชิงเวยนอนจนสายโด่งจึงตื่นขึ้น ไม่มีผู้ใดมารบกวนนาง นอกหน้าต่างมีเสียงร้องจุ๊บจิ๊บของนกและกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ถูกสายลมพัดเข้ามา
นางนวดคลึงขมับของตน เมื่อเอียงหน้าไปมองเห็นบนโต๊ะมีน้ำแกงสร่างเมาถ้วยหนึ่ง น้ำแกงสร่างเมายังอุ่นอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่ามาวางไว้ที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด นางรู้สึกลำคอแห้งผากขึ นมาอีก จึงยกน้ำแกงสร่างเมาขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดถ้วย
หลินชิงเวยเปิดประตูห้องเดินออกไป ด้านนอกเป็นลานเรือนแปลกตาอันเงียบสงบ ภายในลานเลือนมีร่มเงาจากต้นไม้ใบหญ้าและดอกไม้บานสะพรั่ง
เสียงเสียดสีกันของโลหะดังเข้ามาในโสตประสาทให้ความรู้สึกแหลมบาดหูเล็กน้อย ฟังแล้วดูเหมือนสั่นสะเทือนในหูอยู่บ้าง แต่กลับไพเราะเสนาะหูยิ่ง
นางมองไปแวบเดียวก็เห็นหลีเช่อนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ อาภรณ์สีแดงนั้นระไปกับพื้นเห็นเพียงเงาร่างด้านข้างของเขา เส้นผมยาวดำขลับของเขาทิ้งตัวลงบนอาภรณ์สีแดงให้ความรู้สึกสีสัน นตัดกันยิ่ง
บนปลายนิ้วเรียวยาวและข้อกระดูกชัดเจนนั้นดูเหมือนมีสิ่งของอะไรอยู่
หลินชิงเวยเดินเข้าไปเงียบๆ ยืนดูอยู่ข้างหลังเขาครู่หนึ่ง ถามขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า “คงมิใช่กำลังทำปิ่นปักผมให้ข้าอยู่หรอกนะ?”
“ให้ตายเถอะ!” หลีเช่อกำลังตั้งอกตั้งใจไหนเลยจะคิดว่าจะมีเสียงดังขึ้นจากข้างหลัง เขาถูกทำให้ตกใจจนสะดุ้งโหยง ร่างของเขาสะท้านขึ้นจากนั้นมือสั่นเล็กน้อย สิ่งของร่วงหล่นลงบ บนพื้น ท้องนิ้วของเขาถูกของมีคมบาด หลีเช่อเอาปลายนิ้วเข้าปากทางหนึ่งดูดนิ้ว อีกทางหนึ่งค้อนปะหลับปะเหลือกใส่หลินชิงเวย “เดินไม่ให้สุ้มให้เสียง เจ้าคิดจะทำให้ข้าตกใจตายหร รือ? ข้าหน้าตาหล่อเหลาเพียงนี้ ตกใจตายต้องชดใช้เงินนะ”
หลินชิงเวยย่อกายนั่งยองๆ หยิบปิ่นปักผมที่เขาทำได้ครึ่งหนึ่งขึ้นมาพูดอย่างเห็นขันว่า “เจ้าคิดว่าข้าควรจะชดใช้เงินเป็นจำนวนเท่าใดจึงจะเหมาะสม?”
หลีเช่อตอบทั้งๆ ที่นิ้วยังอยู่ในปาก “มีเท่าใดก็ชดใช้เท่านั้น ข้ามิใช่พูดแล้วหรือว่าข้าไม่รังเกียจเงินเยอะ”
“ข้าดูแล้วเจ้าก็ไม่ได้ขาดแคลนเงิน เจ้ามีคฤหาสน์เลิศหรูให้อยู่อาศัย”
“เจ้าจะรู้อะไรเล่า คฤหาสน์ยิ่งหลังใหญ่ คนอยู่อาศัยก็ยิ่งมาก ต้องเลี้ยงคนทั้งคฤหาสน์ ข้าเหนื่อยมาก เจ้ารู้หรือไม่”
หลินชิงเวยหัวเราะแต่ไม่พูดอันใด นางมองปิ่นปักผมเปื้อนโลหิตสดๆ ของหลีเช่อ ช่างบังเอิญยิ่งนัก นี่เป็นปิ่นปักผมดอกเหมยอันหนึ่ง และเลือดของหลีเช่อหยดลงบนดอกตูมพอดิบพอดี ก กลับทำให้ดูแล้วงดงามยิ่ง ตัวของปิ่นปักผมทำด้วยโลหะทองเหลือง มีเพียงโลหะที่ทำด้วยเหล็ก จึงจะเป็นอาวุธที่ซ่อนความแหลมคมเอาไว้ได้
“เจ้าอย่าแตะต้องส่งเดชเล่า ระวังบาดมือ” หลีเช่อส่งเสียงร้องเตือน
หลินชิงเวยเริ่มเปิดกลไกเล็กๆ บนปิ่นปักผมที่แทบจะมองไม่เห็นหากไม่ได้สังเกตให้ดี เพียงขยับดอกเหมยสามดอกนั้นอาวุธแหลมคมก็ยื่นออกมา ยิ่งขับให้ดอกเหมยสามดอกกลายเป็นกุหลาบที มีหนาม อาวุธลับนั้นแหลมเล็กมาก แต่ทันทีที่สัมผัสถูกมันก็ทำให้ผิวหนังเปิดออก
หลีเช่อคว้ามือของหลินชิงเวยมาสอนนางเปิดกลไกอีกด้านหนึ่ง ตัวของปิ่นปักผมเปิดออกไปด้านข้าง ตรงกลางมีมีดคมปลาบเล่มนึ่งปรากฏขึ้น ดูแล้วก็คือมีดสั้นขนาดกะทัดรัดเล่มหนึ่ง
หลีเช่อ “ข้าเป็นคนทำอะไรง่ายๆ หยาบๆ อย่าได้คาดหวังว่าข้าจะทำปิ่นปักผมที่ใส่ผงแป้งหรือชาดเพื่อจะได้เติมแป้งผัดหน้าได้ตลอดเวลาอะไรเทือกนั้น ข้าทำอาวุธมีคมให้เจ้า เจ้าจะไ ได้พกพาติดตัว หากเจอคนไม่ดีจะได้ใช้เจ้าสิ่งนี้แทงเขา”
ในดวงตาหลินชิงเวยเต็มไปด้วยความยินดี นางเลิกคิ้วหัวเราะ “ไม่อาจไม่พูดว่า ท่านเป็นนายช่างที่เก่งกาจมากๆ คนหนึ่งเลยทีเดียว”
“ชมข้าให้มากหน่อย”
“ไม่เพียงแต่หน้าตาหล่อเหลา ยังมีความสามารถมากมาย”
“ใช่แล้ว ทั้งๆ ที่ข้าอาศัยหน้าตาได้แต่กลับอาศัยความสามารถ”
หลินชิงเวยยิ้มจนตายิบหยี “นิ้วมือของเจ้าบาดลึกหรือไม่? ให้ข้าดูหน่อย”
หลีเช่อนึกขึ้นมาได้ว่าหลินชิงเวยเป็นหมอ แม้จะเป็นเพียงบาดแผลถูกบาดไม่ลึกอันใด แต่ในเมื่อนางต้องการจะดูก็ให้นางดูจะเป็นไรไป อืม ให้นางดูแล้วเกิดความรู้สึกผิดในใจจะดีท ที่สุด จะได้รู้สึกติดค้างเขาสักหลายร้อยล้าน
หลินชิงเวยเห็นนิ้วของหลีเช่อไม่มีเลือดไหลแล้ว ได้ยินหลีเช่อพูดว่า “บาดแผลของข้าเป็นบาดแผลที่ได้รับระหว่างการทำงาน เจ้าควรจะ…ซื๊ดส์…”
ไฉนพูดยังไม่จบ หลินชิงเวยคว้านิ้วมือของเขามาบีบเล็กน้อย เดิมทีนิ้วที่มีเลือดไหลก็ปรากฏให้เห็นหยดเลือดปรากฏออกมา หลินชิงเวยหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาแต้มหยดเลือดนั้นลงไปบนดอก กเหมยที่เป็นดอกตูมอีกสองดอก
หลีเช่อ “เจ้าช่างเป็นคนไร้หัวใจ”
“เช่นนี้จึงจะสวยงามมิใช่หรือ?” หลินชิงเวยหยิบยาเม็ดลูกกลอนออกมาจากอกเสื้อด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ปลายนิ้วบีบยาให้เป็นผงยาแล้วเทใส่ปากแผลของหลีเช่อ มองหน้าเขาแล้ว วพูดว่า “ก็แค่ยืมเลือดของเจ้าสองหยด เจ้าถึงกับต้องทำท่าจะเป็นจะตายหรือไร?”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเลือดหยดหนึ่งต้องใช้เวลากี่วันจึงจะบำรุงกลับคืนมา?”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้น ข้าให้เจ้ากินยาวันละสองเม็ดก็บำรุงกลับมาได้แล้ว”
เวลาที่เหลือต่อมา หลินชิงเวยนั่งอยู่ข้างกายหลีเช่อ ดูหลีเช่อทำปิ่นปักผมในส่วนที่ยังทำไม่เสร็จ เขาทำปิ่นปักผมให้งดงามและประณีตพิถีพิถันยิ่งขึ้น สีของโลหะทองเหลืองนั้นเ เป็นสีที่ไม่ดึงดูดสายตา แต่อย่างไรก็เป็นผลงานจากฝีมือของหลีเช่อ ย่อมต้องมีลักษณะเหมือนงานศิลปะชั้นหนึ่ง เขาทำให้ปิ่นปักผมทองเหลืองธรรมดากลายเป็นปิ่นปักผมที่งดงามและหรูหรา
ต่อมาหลีเช่อยังใส่ลูกตุ้มเพิ่มเข้าไปในปิ่นปักผม ดูแล้วให้ความรู้สึกน่ารักน่าเอ็นดู ยิ่งเหมาะสมกับบุคลิกท่าทางของหลินชิงเวย เขายื่นปิ่นปักผมให้หลินชิงเวย “ทำเสร็จแล้วในที่ส สุด ให้เจ้า”
หลินชิงเวยถาม “เจ้าคิดว่าข้าควรจะใส่ไว้ตรงไหนจึงจะดี?”
หลีเช่อมองใบหน้าขาวสะอาดปราศจากการประทินโฉมของหลินชิงเวย แม้ทุกวันนี้นางจะไม่ได้แต่งกายเป็นบุรุษออกจากบ้าน แต่อย่างไรก็ไม่ได้แต่งตัวงดงามเหมือนเมื่อครั้งอยู่ในวัง นางสวม อาภรณ์เรียบง่าย บนศีรษะไม่มีเครื่องประดับอะไร
หลีเช่อเสียบปิ่นปักผมลงบนเส้นผมของนาง ปลายนิ้วสัมผัสกับลูกตุ้มเล็กๆ สองลูกนั้นเบาๆ มันขยับไหวอยู่ข้างจอนผมของนาง หลีเช่อมองคนตรงหน้าประดับปิ่นปักผมที่เขาทำเองกับม มือ รู้สึกว่าคนตรงหน้างดงามกว่าเมื่อก่อนขึ้นมาสักสองส่วน