ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 13 บทที่ 362 ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
- Home
- ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง
- เล่มที่ 13 บทที่ 362 ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
“อิดโรย?” หลินชิงเวยคิดว่านางอยู่ในจวนของหลีเช่อหลายวัน พักฟื้นร่างกายได้ไม่เลว
เซียวอี้ “สตรีดื่มสุรามากเกินไปไม่ใช่เรื่องดี มันทำลายสุขภาพเจ้าไม่รู้หรือ?”
หลินชิงเวยเลิกคิ้วหัวเราะ ชี้นิ้วไปที่น้ำชา “ท่านอ๋องกำลังใส่ใจข้า? ดูแล้วข้าอยู่ในสายตาของท่านอ๋องตลอดเวลา ไม่ว่าข้าทำอะไร ท่านอ๋องล้วนกระจ่างแจ้ง”
เซียวอี้เปิดพัดขึ้นมาโบกพร้อมพูดจายิ้มแย้ม “ความหมายของข้าคือ เจ้าดื่มสุราคนเดียวทำลายสุขภาพ คราวหน้าเรียกข้าด้วย ข้าดื่มเป็นเพื่อนเจ้า ไม่เมาไม่กลับ”
หลินชิงเวยพูดเนิบๆ “ดื่มคนเดียวไม่สนุกจริงๆ เลือกวันไม่สู้ดื่มในวันที่พบกัน คืนนี้ก็แล้วกัน ท่านเลี้ยงข้ากินข้าวดื่มสุรา”
คิ้วของเซียวอี้พาดเฉียงขึ้น “เอ๊ะ คิดตกแล้วนี่?”
หลินชิงเวยมองเขาแวบหนึ่ง “เพียงแต่ข้าไม่มีเงินติดตัว ข้ากินข้าวกับท่านที่นี่สักมื้อเท่านั้นเอง”
ดังนั้นหลังจากดื่มน้ำชายามบ่ายแล้ว รอกระทั่งเย็นย่ำ เซียวอี้จึงพาหลินชิงเวยไปหาร้านอาหาร คนทั้งสองเมื่ออยู่ในตลาดกลางคืนดูไม่ต่างจากชายหนุ่มหญิงสาวทั่วไป เมื่อไปถึงร้านอาห หารก็สั่งสุราชั้นดีและอาหารเลิศรสมาเริ่มกินกัน
เซียวอี้ทางหนึ่งดื่มสุรา ทางหนึ่งมองหลินชิงเวยกินดื่ม เขาหรี่ตาลงพูดว่า “นอกจากเรื่องราวเหล่านั้นในวังแล้ว บนโลกนี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่น่าสนใจ ข้าบอกตั้งนานแล้ว วว่าข้ารอเจ้ามาเสมอ ต่อไปมีอะไรน่าสนุก น่าสนใจ ข้าล้วนพาเจ้าไปด้วย”
หลินชิงเวยขมวดคิ้วมองจอกสุราในมือ “ข้าชอบดื่มสุรากับถ้วยใหญ่ๆ”
เซียวอี้กวักมือเรียกเสี่ยวเอ้อร์ “เปลี่ยนถ้วยสุรามาสองใบ”
ดื่มสุราหลายถ้วยติดกัน หลินชิงเวยเรอออกมาเสียงดัง บนใบหน้าปรากฏให้เห็นความเมามาย แต่แววตากลับแจ่มแจ้งเสียจนยากคาดเดาว่านางเมามายจริงๆ หรือไม่ นางมองเซียวอี้ด้วยดวงตากระ ะจ่างใส “ครั้งก่อนดื่มสุรากับท่าน ข้าดื่มจนเมามายแล้วนอนหลับสนิทดี ไม่ฝันเลยแม้แต่น้อย”
เซียวอี้หัวใจกระตุกวูบ “ดังนั้น ที่เจ้ามอมเมาตัวเองด้วยการดื่มสุราอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นี้ก็เพื่อจะให้ตนเองนอนหลับสนิทหรือ?”
หลินชิงเวยยกยิ้มมุมปากพร้อมกับส่ายหน้าพูดว่า “เสแสร้งแกล้งทำเป็นสติเลอะเลือนก็ไม่เลว”
เซียวอี้ “เช่นนั้นต้องดูว่าคุ้มค่าหรือไม่ที่เจ้าจะทำเช่นนี้”
หลินชิงเวยมองเขานิ่งๆ “เช่นนั้นท่านเล่า ตามติดพันหลายต่อหลายครั้ง ไม่เกรงกลัวว่าจะถูกคนในวังจับตามองหรือไร? ท่านทำเช่นนี้คุ้มค่าหรือไม่?”
เซียวอี้หันมามองนาง “ยามนี้เจ้าไม่ใช่หลินเจาอี๋อีกแล้ว เจ้าเป็นเพียงสตรีคนหนึ่งที่ได้รับอิสระอีกครั้ง สตรีโฉมงามเป็นที่ต้องตาของบุรุษ มีอันใดผิด?”
หลินชิงเวยดื่มสุราอีกหนึ่งถ้วยใหญ่ นางมองเซียวอี้ตาขวาง “ข้าจำได้ว่าข้าพูดกับท่านไปแล้วว่าหากแตะต้องข้า ท่านจะต้องโชคร้าย อีกทั้งไม่มีทางที่จะมีชีวิตสุขสงบขึ้น มีแต่จ จะไม่มีวันตั้งตัวได้”
“โชคร้ายมาขนาดนี้แล้ว ข้าไม่รังเกียจที่จะโชคร้ายอีกสักหน่อย” คำถามเดียวกัน เขาเห็นอะไรในตัวของหลินชิงเวยเล่า? สตรีในใต้หล้านี้ที่งดงามกว่าหลินชิงเวยมีอยู่มากมาย อาจเป็น นเพราะเขายังคงยึดติดกับสิ่งที่ตนเองไม่เคยได้ครอบครองมาก่อน “เป็นอย่างไร กลับมาอยู่ข้างกายข้า? ข้าจะให้เจ้ามีที่พักพิงไปตลอดชีวิต ข้าจะให้เจ้าสวมผ้าแพรผ้าไหมประดับหยก มีกินม มีใช้ไร้กังวล”
หลินชิงเวยหัวเราะพรืดหนึ่ง นางดื่มสุราไม่หยุดแล้วพูดด้วยความเมามายว่า “คนแซ่เซียว หากท่านพูดว่าต้องการร่วมมือกับข้าเพื่อให้เซ่อเจิ้งอ๋องได้เห็นดีกัน หรือท่านต้องการใช้ข้า เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของท่าน บางทีความน่าเชื่อถืออาจจะมีมากกว่าสักหน่อย ยามนี้ท่านบอกว่าจะให้ที่พักพิงข้า ตลอดชีวิตไร้กังวล ฟังดูแล้วเหมือนเรื่องน่าขบขัน อย่าลืมเสียเล่าเ เมื่อแรกนั้นเป็นเพราะท่านและหลินเสวี่ยหรง ข้าจึงต้องแต่งเข้าวังหลวง ท่านอย่าได้คิดว่าข้าจะลืมง่ายเช่นนั้น โดยไม่คิดผูกใจเจ็บหรอกกระมัง?”
เซียวอี้ปกปิดสีหน้าจริงจังของตนลงหลายส่วน “เวยเวย ยังคงให้เจ้ามองทะลุปรุโปร่ง แต่เรื่องร่วมมือที่เจ้าเอ่ยถึงข้ากลับคิดว่าสามารถพิจารณาได้”
“ข้าปฏิเสธ” หลินชิงเวยยืนกรานหนักแน่น
เซียวอี้ตะลึงงัน ต่อมาจึงหัวเราะพร้อมกับรินสุราให้นาง “อืม นี่เป็นนิสัยของเจ้า เช่นนั้นพวกเราไม่สนทนาเรื่องอื่น ดื่มสุราให้มีความสุขก็พอ”
หากหลินชิงเวยรับปากเขาจริงๆ เขาจึงจะระแวงสงสัยขึ้นมามากกว่า ตามอุปนิสัยของหลินชิงเวย แม้นางจะเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด แต่ยังไม่ถึงขั้นอาศัยคำยุยงจากเขาเพียงไม่กี่ประโยคก็ออ อกไปทำร้ายอีกฝ่าย
ทว่าบัดนี้ มีเพียงหลินชิงเวยที่เข้านอกออกในวังหลวงได้อย่างอิสระ เซียวอี้จำเป็นต้องใช้นางอย่างยิ่งยวด เขาไม่รีบร้อน อย่างไรสิ่งที่เขามีก็คือความอดทน
คืนนั้นหลินชิงเวยดื่มสุรากับเซียวอี้จนดึกดื่น ลูกค้าคนอื่นๆ ที่มาดื่มสุราทยอยออกจากร้านไป
เมื่อนางเดินตุปัดตุเป๋ออกจากร้านอาหาร สายลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านร่างของนาง พระจันทร์ลอยอยู่บนท้องฟ้า มีดวงดาราประปราย ท้องฟ้ายามราตรีสงบนิ่งดุจสายน้ำ
เซียวอี้ประคองหลินชิงเวย “วันนี้ไปค้างแรมที่เรือนข้าอีก?” เห็นหลินชิงเวยไม่ตอบจึงก้มหน้าลงพูดเสริมอีกประโยค “ข้ารับรองว่าไม่ทำอันใดกับเจ้า”
หลินชิงเวยก้มหน้าหัวเราะ “ข้าเชื่อว่าท่านไม่ทำอันใด ท่านส่งข้ากลับวังเถิด หืม?”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าย่อมไม่ฝืนใจเจ้า”
ค่อนดึกเซียวอี้จึงส่งหลินชิงเวยถึงหน้าประตูวัง หลินชิงเวยเดินเข้าไปในวังหลวงเพียงลำพัง เซียวอี้ยืนมองเงาร่างด้านหลังของนางเดินไกลออกไปเรื่อยๆ ตลอดเวลา ในที่สุดก็ลับหายไป ปในความมืดของราตรี
สีหน้าท่าทางของหลินชิงเวยเรียบเฉย เมื่อนางหันหลังให้เซียวอี้ สีหน้าและอารมณ์บนใบหน้ากลับแจ่มแจ้งสุดจะเปรียบ ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
ไม่ได้กลับตำหนักฉางเหยี่ยนหลายวัน ภายในเรือนดูเงียบเหงาวังเวง เรือนนั้นยังคงเป็นเรือนหลังเดิม มีนางกำนัลและขันทีมาปัดกวาดทำความสะอาดทุกวัน เพียงแต่ในแปลงสมุนไพรไม่มีสมุนไพรอ อีกแล้ว หลงเหลือให้เห็นเพียงดินว่างเปล่า ยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้ดูรกร้าง
หลายวันนี้เซียวเยี่ยนงานล้นมือ กระทั่งไม่มีเวลาไปเยี่ยมสุ่ยฉ่ายชิง เมื่อสุ่ยฉ่ายชิงต้องอยู่คนเดียวจึงคิดมากอย่างเลี่ยงได้ยาก คิดไปคิดมาก็อดที่จะร้องไห้ฟูมฟายไม่ได้ ร่างกายอ อ่อนแอจึงล้มป่วยอีก
วันนั้นหลังจากนางได้รู้เรื่องที่เซียวเยี่ยนออกไปตามหาหลินชิงเวยทั้งคืนจากปากของเสี่ยวฉี ก็เหมือนมีหนามแหลมคมทิ่มแทงอยู่กลางอก ดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก เมื่อไปสัมผัสถูกมันก ก็รู้สึกราวกับถูกหนามนั้นคว้านลึกเข้าไปในจิตใจให้ต้องเจ็บปวด
เซียวเยี่ยนได้ยินว่าสุ่ยฉ่ายชิงล้มป่วยจึงรีบมาเยี่ยมนาง เห็นนางนอนหันหลังให้ตนอยู่บนตั่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ได้ยินว่าเจ้าล้มป่วยแล้วไม่ยอมดื่มยา หรือยาที่ หมอหลวงจัดให้ขมเกินไป?”
สุ่ยฉ่ายชิง “ยาของหมอหลวงไม่ขม เพียงแต่ดื่มกับไม่ดื่มจะมีอะไรต่างกัน ข้ามีชีวิตเช่นนี้ไม่สู้ตายให้สิ้นเรื่องสิ้นราว”
เซียวเยี่ยนขมวดคิ้ว “เจ้าพูดจาเลอะเลือนอันใดอีก”
สุ่ยฉ่ายชิงหันกลับมาทั้งน้ำตานองหน้า หยดน้ำตาทำให้ผ้าโปร่งเบื้องหน้านางเปียกชุ่ม “เยี่ยน ข้ามีสภาพเช่นนี้ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร?” นางมองเขา ด้วยสายตาเป็นทุกข์ “ข้ารู้ ก่อนที่ท่านพ่อของข้าจะจากไป เขาได้ฝากฝังข้าไว้กับท่าน ท่านเองก็รับปากว่าจะดูแลข้าอย่างดีชั่วชีวิต แต่ข้าจะทำตัวเป็นภาระท่านได้อย่างไร?” นาง งมองใบหน้าเซียวเยี่ยนที่ปรากฏความยุ่งยากใจให้เห็นแล้วพูดอีกว่า “เยี่ยน ข้ามิใช่คนโง่เขลา ข้ามองออก แม่นางหลินชมชอบท่านด้วยความจริงใจ มาบัดนี้รูปโฉมของข้าถูกทำลายย่อมไม่คู ควรกับท่านอีก ท่านไม่สู้ไปหานาง พวกท่านทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันเถิด ท่านปล่อยข้าออกจากวัง ให้ข้าออกไปใช้ชีวิตในสถานที่อันไร้ผู้คน จะอยู่หรือตายก็ขึ้นอยู่กับตัวข้าเอง… .”