ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 13 บทที่ 371 ขี้ริ้วเกินไป ทำให้ไม่เจริญอาหาร
- Home
- ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง
- เล่มที่ 13 บทที่ 371 ขี้ริ้วเกินไป ทำให้ไม่เจริญอาหาร
เพียงประโยคเดียวก็ตรงเข้าทิ่มแทงความเจ็บปวดในใจของสุ่ยฉ่ายชิง สุ่ยฉ่ายชิงไม่เกรงใจนางเช่นกัน “หรือนี่มิใช่สิ่งที่แม่นางหลินมอบให้หรอกหรือ?”
หลินชิงเวยสะบัดชายกระโปรงหัวเราะเสียงต่ำ “หากมิใช่เจ้าหาเรื่องใส่ตัวระหว่างที่ข้าจัดยาให้เจ้าใช้ ลอบใช้เถิงหวงด้วยตนเอง เวลานี้เจ้านอกจากจะไม่ต้องเสียโฉมแล้ว กระทั่งโรคหอบก็ย ยังหายดีแล้วด้วย เงินห้าสิบหมื่นตำลึงของเซ่อเจิ้งอ๋องย่อมไม่ต้องจ่ายไปโดยสูญเปล่า”
สุ่ยฉ่ายชิงกำมือแน่น พูดราวกับไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น “ต่อให้ใบหน้าไม่หายดี เยี่ยนก็ยังคงแต่งข้าเป็นภรรยา เขาไม่ใช่คนให้ความสำคัญกับรูปโฉม”
ไม่รอให้หลินชิงเวยตอบ หลีเช่อพลันพูดขึ้นว่า “เขาหลอกเจ้ากระมัง”
สุ่ยฉ่ายชิงตะลึงงัน นางหันไปมองนางกำนัลข้างกายหลินชิงเวย “เจ้าพูดอันใด?”
หลีเช่อ “ตามที่ข้ารู้มา บุรุษล้วนเป็นสัตว์ที่ใช้ความรู้สึกและการมองเห็น ขออภัย เซ่อเจิ้งอ๋องหน้าตาหล่อเหลามากหรือ?”
สุ่ยฉ่ายชิงพูดด้วยความลำพองใจ “เยี่ยนเป็นบุรุษชาติอาชาไนย คมสันองอาจ น้อยคนนักที่จะเทียบได้”
หลีเช่อพูดอีกว่า “นั่นย่อมถูกต้องแล้ว บุรุษหน้าตาคมสันคนหนึ่งอยู่กับสตรีขี้ริ้วเป็นเวลานาน เขาย่อมถูกความขี้ริ้วทำให้กินข้าวไม่ลง”
สุ่ยฉ่ายชิงโมโหแทบแย่ นางกำนัลข้างกายนางก้าวออกมาพูดว่า “นางกำนัลของแม่นางหลินนางนี้ปฏิบัติต่อแม่นางสุ่ยอย่างไร้มารยาทเกินไปแล้วกระมัง”
หลินชิงเวยยักไหล่ “นางเป็นนางกำนัลที่ฝ่าบาททรงประทานให้ตำหนักฉางเหยี่ยน ไม่เห็นด้วยหรือ?”
หลีเช่อรับคำต่อ “ถูกต้อง ไม่เห็นด้วยเช่นนั้นก็ไปหาฝ่าบาท”
“เจ้า!” นางกำนัลโมโหแทบตายเช่นกัน
สุ่ยฉ่ายชิง “ช่างเถิด แค่เพียงปากไวชั่วขณะเท่านั้นเอง พวกเรากลับเถิด” พูดแล้วก็เดินนำนางกำนัลของตนเดินกลับไป
หลีเช่อพูดไล่หลังนางอีกว่า “เอ๊ะ เมื่อสักครู่มิใช่ยังพูดจาคุยโวโอ้อวดว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะแต่งแม่นางสุ่ยมิใช่หรือ เหตุใดยามนี้จึงพูดว่าเป็นเพียงแค่ปากไวชั่วขณะเล่า? บังอาจถา ามว่าวันแต่งงานของเซ่อเจิ้งอ๋องและแม่นางสุ่ยนั้นคือเมื่อใดกัน?”
สุ่ยฉ่ายชิงหยุดชะงัก หันมาพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน “รอให้พวกเรากำหนดวันแต่งงานแน่นอนแล้วข้าต้องส่งเทียบเชิญไปแน่ เชิญแม่นางหลินมาจวนอ๋องเพื่อร่วมดื่มสุรามงคล”
หลีเช่อ “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าควรรู้สึกโชคดี เคราะห์ดีที่ระหว่างทำพิธีคำนับฟ้าดินเจ้าสาวต้องคลุมผ้าแดงปิดหน้า หาไม่แล้วทันทีที่เปิดผ้าคลุมหน้า แขกเหรื่อที่อยู่ในห้องโถงแค่ เห็นหน้าเจ้า จะไม่ย่ำแย่หรอกหรือ คงต้องอาเจียนสุรามงคลออกมา ยังจะกินข้าวลงอีกหรือไร นี่ยังไม่ร้ายแรงเท่าใดนัก ที่สำคัญคือเซ่อเจิ้งอ๋องต้องเสียหน้า คนอื่นล้วนคิดว่าเขาแ แต่งสตรีรูปโฉมงดงามปานล่มเมืองกลับคฤหาสน์ ไหนเลยจะคิดว่าเขาจะแต่งสินค้าเถื่อนผิดกฎหมายกลับมาคนหนึ่ง ต่อไปเขาย่อมเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้แล้ว”
หลินชิงเวยหันไปมองหลีเช่อ ริมฝีปากแย้มยิ้ม นางคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้เวลาด่าผู้อื่นจะด่ารัวเร็วราวกับจุดประทัดเช่นนี้
สุ่ยฉ่ายชิงโมโหจนตาแดงก่ำ ราวกับจะร่ำไห้อยู่รอมร่อ
หลีเช่อรีบพูดอีกว่า “แม่นางสุ่ยอย่าร้องไห้ ที่นี่ไม่มีบุรุษ เจ้าร้องไปก็ไร้ประโยชน์ ก่อนหน้านี้ผู้ที่ไม่รู้ความในยังคิดว่าใบหน้าของเจ้าเป็นฝีมือของแม่นางหลินของข้าจริงๆ คิดไม่ถึงว่าทั้งๆ ที่เป็นฝีมือเจ้าเอง นี่เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ถึงกับทำลายตัวเอง เจ้ายังมีหน้ามาร่ำไห้อีกหรือ? มีปัญญาก็มาสิ เปิดผ้าคลุมหน้า พวกเรามาทำลายโฉมหน้าซึ่งกันและกัน ”
สุ่ยฉ่ายชิงเช็ดน้ำตา มองหลินชิงเวยด้วยท่าทีน่าเวทนา “เหตุใดแม่นางหลินต้องให้นางกำนัลของท่านลบหลู่ดูหมิ่นผู้อื่นถึงเพียงนี้”
หลีเช่อ “ข้าลบหลู่ดูหมิ่นเจ้าแล้วหรือ? หากข้าลบหลู่ดูหมิ่นเจ้าจริงๆ คาดว่าเจ้าคงต้องคิดแขวนคอตายกระมัง”
นางกำนัลข้างกายสุ่ยฉ่ายชิงพูดขึ้นด้วยความโมโห “แม่นาง อย่าไปถือสาพวกเขาเลยเจ้าค่ะ บ่าวพาแม่นางกลับ”
สุ่ยฉ่ายชิงเองมิอยากรั้งอยู่ที่นี่แม้แต่นาทีเดียว ด้วยไม่ต้องการให้ผู้อื่นดูหมิ่นตน นางจึงหมุนกายกลับไป ประจวบเหมาะกับเห็นเซียวเยี่ยนเดินเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง น้ำตาแห่งค ความน้อยเนื้อต่ำใจของสุ่ยฉ่ายชิงจึงไหลอาบหน้าอย่างควบคุมไม่อยู่ในชั่วพริบตา
หลีเช่อกระซิบเสียงเบาข้างหูหลินชิงเวย “นี่ หากเจ้าร้องไห้ได้เช่นนางละก็ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องถูกรังแกจนน่าเวทนาเช่นนั้นแล้ว ฮึ ดอกบัวขาวดอกนี้ ดูว่าข้าจะบดขยี้นางอย่าง งไร”
หลินชิงเวยเหลือบตามองเขา “เจ้ารู้จักเป็นคนดี ช่วยผู้อื่นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
หลีเช่อพูดกับนาง “อย่างไรก็ว่างไม่มีอะไรทำ มีสายตาเช่นข้าอยู่ด้วย ยังกลัวว่านางจะไม่เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาหรือ?”
ยามนี้เซียวเยี่ยนเดินเข้ามา เขาเห็นหลินชิงเวยกลับวังมาแล้วเช่นกัน ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าสุ่ยฉ่ายชิงจะมาพบกับหลินชิงเวยโดยบังเอิญที่นี่ สุ่ยฉ่ายชิงร่ำไห้น้ำตานองหน้า หรือหลิ นชิงเวยรังแกนาง?
สุ่ยฉ่ายชิงเอนร่างเข้าไปซบอยู่ในอ้อมกอดของเซียวเยี่ยน ส่งผลให้ความรู้สึกของเซียวเยี่ยนยุ่งเหยิงยิ่งขึ้นอีก เขาไม่ปรารถนาที่จะกล่าวโทษหลินชิงเวยอีกแล้ว จึงได้แต่มองหลินชิง งเวยเพียงแวบเดียว ประคองสุ่ยฉ่ายชิงขึ้นมาจากอ้อมกอดของตนแล้วถามว่า “เหตุใดจึงออกมาข้างนอก? ที่นี่ลมแรง กลับไปค่อยพูดกันเถิด”
สุ่ยฉ่ายชิงยิ่งรู้สึกว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมมากกว่าเดิม นางช้อนตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตามองเซียวเยี่ยน “เยี่ยน ข้าขี้เหร่ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ถึงขั้นทำให้ท่านรู้สึกสะอิดส สะเอียน?”
เซียวเยี่ยน “ไม่”
สุ่ยฉ่ายชิงพูดอย่างเจ็บปวด “แต่แม่นางหลินกล่าวว่าข้าขี้ริ้วถึงเพียงนี้ วันหน้าแต่งงานกับท่านแล้วจะทำให้ท่านเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้”
เซียวเยี่ยนชะงักงัน เขาช้อนตาขึ้นมองหลินชิงเวย
หลินชิงเวยไม่ได้พูดอันใด หลีเช่อจึงก้าวออกมา “แม่นางสุ่ยช่างรู้จักใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นจริงๆ ทั้งๆ ที่คำพูดนี้มิใช่แม่นางของข้าเป็นคนพูด แม่นางสุ่ยกลับกล่าวโทษว่าเป็นความผิด ดแม่นางของข้า?”
สายตาของเซียวเยี่ยนไหววูบ
สุ่ยฉ่ายชิงพูดทั้งร่ำไห้ “ได้ ได้ อย่างไรก็เป็นความผิดของข้า ล้วนเป็นความผิดของข้าทั้งสิ้น…”
นางกำนัลข้างกายสุ่ยฉ่ายชิงพูดขึ้นอย่างเดือดดาล “ทูลเซ่อเจิ้งอ๋อง บ่าวข้างกายแม่นางหลินปากคอเราะราย ลบหลู่แม่นางสุ่ย เป็นแม่นางหลินที่ไม่อบรมสั่งสอนให้ดี จึงทำให้นางกำเริบเส สิบสานต่อแม่นางสุ่ยเพคะ”
หลีเช่อพูดอย่างเห็นขัน “เจ้าดูสิ กระทั่งเจ้ายังยอมรับเองว่าคำพูดนั้นมิใช่แม่นางของข้าเป็นคนพูด นี่เจ้ามิใช่ให้แม่นางสุ่ยตบหน้าตนเองหรือ”
เซียวเยี่ยนเอ่ยปาก “นี่เป็นนางกำนัลในตำหนักฉางเหยี่ยนของเจ้า?” คำพูดนี้เขาพูดกับหลินชิงเวย
หลินชิงเวย “ถูกต้อง เซ่อเจิ้งอ๋องมีสิ่งใดจะชี้แนะ?”
“ในสายตาไม่ให้เกียรติผู้มียศศักดิ์ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชากลับล่วงเกินเจ้านาย ไปรับโทษที่กรมราชทัณฑ์เถิด”
หลินชิงเวยหัวเราะ “แม่นางสุ่ยเป็นเพียงสตรีที่เข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในตำหนักในเป็นการชั่วคราว มียศศักดิ์หรือ? อยู่เบื้องบนหรือ? เช่นนั้นเหนียงเหนียงทุกท่านของตำหนักในมิต้องไปก กวาดลานเรือนแล้วหรือ แต่ในเมื่อเซ่อเจิ้งอ๋องกล่าวเช่นนี้ กลับไปข้าจะอบรมสั่งสอนนางให้ดีเอง คงไม่ต้องถึงขั้นให้เซ่อเจิ้งอ๋องออกคำสั่ง”
สุ่ยฉ่ายชิงพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งในเวลานี้ “บัดนี้เจ้าเองมิใช่สตรีที่พำนักอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวหรือ เยี่ยนเป็นเซ่อเจิ้งอ๋อง เจ้ากลับไม่ให้เกียรติ ไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้”
หลินชิงเวยพูดคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้ามีป้ายทองที่ฝ่าบาททรงประทานให้ เจ้ามีหรือไม่?”
สุ่ยฉ่ายชิง “…”
สายตาของเซียวเยี่ยนค่อยๆ ละไปจากสุ่ยฉ่ายชิง “พวกเรากลับไปเถิด”
สุ่ยฉ่ายชิงมองออกเช่นกันว่าเซียวเยี่ยนไม่คิดจะติดใจเอาความ หากนางยังคงฝืนเอาเรื่องต่อไป รังแต่จะทำให้เซียวเยี่ยนไม่พอใจ เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้นจึงหันกายจากไปพร้อมกัน
หลีเช่อแค่นเสียงฮึออกมาในตอนนี้ “เซ่อเจิ้งอ๋อง แม่นางสุ่ยมีอาการแพ้เถิงหวง เซ่อเจิ้งอ๋องมิสู้กลับไปตรวจสอบดูให้ดีว่าตกลงแม่นางหลินเป็นผู้ทำลายรูปโฉมของนาง หรือเป็นนางเอง งที่จงใจวางแผนใส่ร้ายป้ายสีแม่นางหลินกันแน่ เถิงหวงมีพิษ ปริมาณที่ใช้ในครั้งหนึ่งจะใช้มากไม่ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีเหลืออยู่อีก”