ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 13 บทที่ 372 ทั้งที่กระจ่างแจ้งแก่ใจดีกลับทำตัวเป็นคนเลอะเลือน
- Home
- ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง
- เล่มที่ 13 บทที่ 372 ทั้งที่กระจ่างแจ้งแก่ใจดีกลับทำตัวเป็นคนเลอะเลือน
ย่างก้าวของเซียวเยี่ยนหยุดชะงัก หางตาของเขาเห็นสีหน้าของสุ่ยฉ่ายชิงซีดขาวเล็กน้อย
หลังกลับมาถึงตำหนักอวี้หลิง เซียวเยี่ยนสั่งให้คนตรวจสอบอาหารการกินในชีวิตประจำวันของสุ่ยฉ่ายชิง อีกทั้งยังนำตัวนางกำนัลที่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดข้างกายนางในช่วงเวลาที่นาง กินยารักษาโรคออกมาไต่สวนทีละคน พร้อมทั้งให้เสี่ยวฉีนำคนไปตรวจค้นห้องพักของนางกำนัล
ราวกับคนทั้งหมดในตำหนักอวี้หลิงต่างคาดไม่ถึงว่าเซียวเยี่ยนจะลงมือทำเช่นนี้กะทันหัน เขาทะนุถนอมและให้ความโปรดปรานสุ่ยฉ่ายชิงมาตลอด อย่างไรย่อมไม่มีทางสงสัยสุ่ยฉ่ายชิง
ยามนี้นางกำนัลคนสนิทของสุ่ยฉ่ายชิงคุกเข่าตัวสั่นเทิ้มอยู่บนพื้น สุ่ยฉ่ายชิงมีสีหน้าขาวเผือด ถามทั้งน้ำตาไหลไม่หยุด “เยี่ยน ท่านไม่เชื่อข้าหรือ?”
เซียวเยี่ยนหันมามองนาง “เปิ่นหวางเชื่อเจ้า เปิ่นหวางเพียงแต่ไม่เชื่อคำพูดของบ่าวไพร่ขวัญกล้าเทียมฟ้าเหล่านี้”
เสี่ยวฉีทำงานอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็นำสิ่งของออกมา นั่นเป็นสิ่งของที่ถูกห่อในผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง เมื่อเปิดออกดูพบว่าเป็นเถิงหวงจริงๆ เสี่ยวฉีกวาดสายตามองไปยังนางกำน นัลที่อยู่บนพื้นปราดหนึ่ง แล้วยื่นเถิงหวงไปเบื้องหน้าเซียวเยี่ยน “ท่านอ๋อง นี่เป็นสิ่งของที่ค้นพบในห้องพักของฉ่ายอวิ๋น นางกำนัลคนสนิทของแม่นางสุ่ยพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่นางกำนัลชื่อฉ่ายอวิ๋น ได้ยินเช่นนั้น ร่างก็สั่นสะท้านทันที นางรับรู้ได้ถึงสายตาอันเยียบเย็นของเซียวเยี่ยนที่มองมา เถิงหวงนั้นกลับถูกเลื่อนมาอยู่ข้างกายนาง บรรยากา าศในห้องให้ความรู้สึกราวกับถูกก้อนอิฐอันหนักอึ้งกดทับ ทำให้นางรู้สึกราวกับเป็นมดตัวหนึ่ง ฉ่ายอวิ๋นพูดเสียงสั่น “ท่านอ๋อง ไม่ใช่บ่าวเพคะ…ไม่ใช่บ่าว…”
เซียวเยี่ยนพูดเสียงเรียบ “เช่นนั้นเจ้าพูดมา เป็นใคร”
ฉ่ายอวิ๋นเงยหน้าขึ้นอย่างหวาดกลัว นางมองสุ่ยฉ่ายชิงด้วยสายตาคาดหวังและช่วยตัวเองไม่ได้ ร่างของสุ่ยฉ่ายชิงสะท้านขึ้นอย่างหาสาเหตุไม่ได้ นางพูดทั้งน้ำตา “เยี่ยน ไม่แน่ว่าน นี่อาจเป็นการเข้าใจนางผิดก็ได้ ข้าไม่เชื่อว่าฉ่ายอวิ๋นจะทำเช่นนี้ ตั้งแต่ข้าเข้าวังมา ฉ่ายอวิ๋นทุ่มเทจิตใจปรนนิบัติรับใช้ข้ามาโดยตลอด ข้าไม่เชื่อว่านางจะถึงกับทำร้ายข้า.. ..”
“แม่นาง…” ฉ่ายอวิ๋นอ้อนวอน “แม่นาง ขอร้องท่านเจ้าค่ะ ท่านรีบอธิบายกับท่านอ๋องเถิด บ่าวถูกใส่ร้าย บ่าวถูกใส่ร้ายเจ้าค่ะ!”
สุ่ยฉ่ายชิงได้แต่ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง ฟังฉ่ายอวิ๋นร้องอ้อนวอน ต่อมาเซียวเยี่ยนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นไร้ปรานี “เด็กๆ ลากตัวออกไป โบ บยให้ตาย”
“แม่นาง! แม่นาง! แม่นางช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ!” ฉ่ายอวิ๋นถูกลากตัวออกไปนอกเรือน นางยังส่งเสียงร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัว “ข้าไม่ได้ทำ แม่นาง เหตุใดท่านไม่ช่วยข้า!”
ความวุ่นวายนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็ก แม้จะไม่จำเป็นต้องรบกวนเซียวจิ่น ทว่ากลับทำให้หัวหน้าขันทีผู้ดูแลตำหนักซวี่หยางตื่นตระหนก หัวหน้าขันทีได้ยินว่านางกำนัลข้างกายสุ ยฉ่ายชิงถูกโบยจนตาย จึงคัดเลือกนางกำนัลคนใหม่นามว่าชูซวง มาปรนนิบัติรับใช้แทน
ชูซวงมารายงานตัวที่ตำหนักอวี้หลิงอย่างรวดเร็ว
เวลานี้สุ่ยฉ่ายชิงมีสีหน้าซีดขาว เนิ่นนานไม่ได้สติกลับคืนมา ดูคล้ายได้รับความตื่นตระหนกอย่างรุนแรง หยดน้ำตาในกระบอกตาของนางแทบจะร่วงหล่นลงมา
ภายในเรือนกลับมาสงบเงียบอีกครา เซียวเยี่ยนหันหน้ามาประคองสุ่ยฉ่ายชิงเข้าไปในห้อง เขาพูดขึ้นว่า “เจ้าพักผ่อนให้ดี”
เปลือกตาสุ่ยฉ่ายชิงกะพริบถี่ๆ “เยี่ยน เหตุใดท่านต้อง…ฉ่ายอวิ๋น”
สีหน้าของเซียวเยี่ยนปราศจากอารมณ์และความรู้สึกใดๆ “ในเมื่อนางปรนนิบัติเจ้าไม่ดี ไร้ประโยชน์ที่จะให้นางอยู่ต่อไป”
“แต่…” ในใจสุ่ยฉ่ายชิงยากจะสงบลงได้ นางรู้สึกอยู่เสมอว่าเซียวเยี่ยนรู้แล้ว แต่เขากลับมิได้เปิดโปงเรื่องนี้ออกมา เป็นเพราะต้องการปกป้องนาง ไม่อยากทำให้นางต้องเสียหน้า หรือ?
ความคิดเช่นนี้จึงเหมือนหนามแหลมที่เข้าทิ่มแทงหัวใจของสุ่ยฉ่ายชิง
ส่งผลให้ต่อมานางล้มป่วยลงอีกครั้ง
ยามนี้หลินชิงเวยและหลีเช่อเดินเล่นในอุทยานหลวงจนเหน็ดเหนื่อย จึงนั่งพักที่โต๊ะหินใต้ต้นไม้ หลีเช่อมองหลินชิงเวยด้วยสีหน้าสงบนิ่งราวกับสายน้ำ เขาทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่าเจ จ้าอยู่ในวังหลวงแห่งนี้ถึงกับไม่แก่งแย่งชิงดีกับผู้ใด สุ่ยฉ่ายชิงผู้นั้น หากคิดจะตรวจสอบว่าใบหน้าของนางเป็นเพราะนางทำตนเองหรือไม่ เป็นเรื่องง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ เหตุใดเ เจ้าต้องแบกความผิดนี้เอาไว้เองเล่า?”
หลินชิงเวยพูดคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ความผิดนี้อย่างไรก็ต้องมีคนมาแบกรับ ข้าแบกรับความผิดไว้ จะได้เป็นสตรีใจคอเหี้ยมโหดอย่างสมเหตุสมผลไงเล่า เหมือนเซ่อเจิ้งอ๋องที่กระจ่างแจ้ งแก่ใจดี เขาไม่ใช่คนเลอะเลือน แต่เขากลับเลือกที่จะเป็นคนเลอะเลือน”
หลีเช่อ “พวกเจ้าคนในยุคสมัยโบราณก็ยุ่งยากเช่นนี้แหละ ความในใจต้องอ้อมเก้าโค้งสิบแปดแยก อ้อมไปถึงขอบฟ้าแล้ว”
“ช่วยไม่ได้ เข้าเมืองตาหลิ่วย่อมต้องหลิ่วตาตาม”
หลีเช่องันไปครู่หนึ่งแล้วพูดอีกว่า “ข้าดูสายตาที่เซ่อเจิ้งอ๋องนั่นมองเจ้าแล้วดูเหมือนยังมีความหมายอื่นอีกเล็กน้อย”
รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนริมฝีปากของหลินชิงเวยสว่างไสวเจิดจ้าไร้ช่องโหว่ให้โจมตี “คงได้แต่พูดว่าแค่มองเขาก็รู้ว่าเป็นคนที่มีเรื่องราวคนหนึ่ง เพียงแต่เรื่องราวเหล่านั้นของเ เขากลับไม่มีความเกี่ยวข้องกับข้าแม้เพียงครึ่งอีแปะ”
หลีเช่อลูบคางของตน “ไม่ ข้ารู้สึกว่าเขารู้สึกผิดในใจและโทษตัวเอง ยังมีอย่างอื่นอีก” หลินชิงเวยหรี่ตาลง สัมผัสแสงแดดอันอบอุ่นและสายลมที่พัดมา คนทั้งคนไม่ขยับเคลื่อนไหว หลีเช่อยังคงวิเคราะห์แจกแจง “อาจเป็นเพราะเขารู้สึกว่าเข้าใจเจ้าผิด ดังนั้นจึงรู้สึกผิดในใจและโทษตัวเอง เพียงแต่ในเมื่อแบกรับความผิดนี้แล้วย่อมมิอาจแบกรับเปล่าๆ ปลี้ๆ ของ งเถื่อนผู้นั้นขุดหลุมฝังตนเอง ก็ให้นางกระโดดลงไปทั้งน้ำตา ถึงเวลานั้นต้องให้นางรู้สำนึกเสียบ้าง ถูกต้อง ข้าก็เป็นคนเช่นนี้แหละ”
หลินชิงเวยชำเลืองมองเขาอย่างเห็นขัน “ข้าว่าเจ้ากลัวใต้หล้านี้จะไม่วุ่นวายมากกว่า หากไม่ก่อเรื่องขึ้นมาสักหน่อย เจ้าคงรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว”
หลีเช่อตบไหล่หลินชิงเวย “ให้คิดเสียว่าข้าหาเงินจากเจ้ามากมายเช่นนั้น ถือเป็นการคืนกำไรเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเจ้า เจ้าไม่ต้องรู้สึกขอบคุณข้านักหรอก”
ทั้งสองนั่งพักผ่อนใต้ต้นไม้ครู่หนึ่ง หลีเช่อจึงเอ่ยปากขึ้นว่า “ข้าคิดว่าข้าหิวแล้ว”
หลินชิงเวยยังไม่ทันได้ตั้งตัว นางหันมาก็เห็นหลีเช่อกัดหมั่นโถวที่อยู่ในมือเข้าปากคำหนึ่ง “เจ้าเอาหมั่นโถวมาจากที่ใดกัน?”
หลีเช่อยืดอก ชัดเจนยิ่งนักว่าหน้าอกข้างหนึ่งยุบลงไปแล้ว เขาหัวเราะชั่วร้าย “ที่นี่ไงเล่า ยังมีอีกลูกหนึ่ง เจ้าจะกินหรือไม่?”
หลินชิงเวยหางตากระตุก “ข้าไม่กิน”
หลีเช่อแนบกายเข้ามา บิหมั่นโถวในมือออกเป็นสองส่วนต่อหน้านาง “เจ้าดูสิ ข้ายังซ่อนไข่เค็มไว้ในนี้ลูกหนึ่งด้วย”
หลินชิงเวย “…” ต่อมานางมองหลีเช่อหยิบไข่เค็มที่อยู่ตรงกลางนั้นออกมากิน นางจึงยื่นมือออกไปเงียบๆ จับหน้าอกอีกข้างหนึ่งของหลีเช่อ หยิบหมั่นโถวอีกลูกหนึ่งมาบิออกแล้วหยิบ บไข่เค็มออกมากินพร้อมกับยัดคืนกลับไปให้เขา
“นี่ มีใครเขาทำเช่นเจ้าบ้าง?”
หลินชิงเวยหรี่ตาลง หัวเราะเบาๆ
สองวันให้หลังเป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของไทเฮา
เวลานี้ตำหนักในไม่เหมือนปีที่แล้วทว่ากลับคึกคักขึ้นมาก ไทเฮาเป็นคนชอบโอ้อวดรูปโฉมอันอ่อนเยาว์งดงามของตน ด้วยเป็นงานฉลองวันเกิดของนาง นางจึงแทบจะเชิญคนในวังหลวงทั้งหมดที่ เชิญได้มาร่วมงาน และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือสุ่ยฉ่ายชิงและหลินชิงเวย
บรรดาพระชายาและนางสนมของตำหนักในไม่เรื่องมากอันใด ทว่าไม่ได้หมายความว่าพวกนางเหล่านั้นไม่ชอบดูงิ้วฉากดีๆ ดังนั้นจะไม่มาร่วมงานได้อย่างไร
วันนี้หลินชิงเวยพาหลีเช่อที่แต่งกายเป็นนางกำนัลไปร่วมงานเลี้ยงในตำหนักคุนเหอ วันนี้เซียวจิ่นย่อมต้องมาร่วมงานเช่นกัน รวมไปถึงต้องมอบของขวัญชิ้นหนึ่ง ดังนั้นนางกำนัลจะประ ะกาศรายชื่อผู้ที่มอบของขวัญและของขวัญที่นำมามอบให้ทุกชิ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ บรรดาพระชายาและสนมของตำหนักในจึงลอบประชันขันแข่งกันอย่างเลี่ยงได้ยาก