ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 13 บทที่ 373 รู้สึกตั้งตารอคอยอยู่บ้าง
เมื่อหลินชิงเวยเข้าไปในงานเลี้ยง ผู้ที่ควรมาล้วนมาถึงแล้ว เซียวจิ่นและไทเฮาเข้าประทับนั่ง เซียวเยี่ยนและสุ่ยฉ่ายชิงมาถึงแล้วเช่นกัน ที่สำคัญก่อนหน้าที่จะมาหลีเช่อยังรั้ง ตัวนางเพื่อแต่งหน้าประทินโฉมไปกว่าครึ่งชั่วยาม…
ยามนี้เมื่อก้าวเข้าไปในตำหนักคุนเหอ เขากวาดตามองไปรอบๆ ด้านอย่างช่วยไม่ได้ “ไทเฮาคนนี้ถึงกับกินเจหรือ ในวังยังมีห้องพระ”
“นางไม่ได้กินเจ”
หลีเช่อ “เช่นนั้นนางจะสวดมนต์เพื่ออะไร ไร้ซึ่งความจริงใจ วันนี้หากเห็นของเถื่อนผู้นั้น ดูสิว่าข้าจะทำให้นางเคียดแค้นเสียจนต้องขุดหลุมฝังตนเองและเสียใจที่มายังโลกใบนี้”
หลินชิงเวยหันหน้ามามองใบหน้าที่ปรากฏให้เห็นความกระตือรือร้นของเขา นางพูดทั้งมุมปากกระตุกว่า “สีหน้าท่าทางของเจ้า ควรจะเก็บงำสักเล็กน้อยดีหรือไม่”
เมื่อมาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง มีนางกำนัลขานขึ้นว่า “แม่นางหลินมาถึง—มอบขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณหนึ่งขวด—“
นี่ฟังดูแล้วดูเหมือนจะไม่มีหน้าพบผู้คนอยู่บ้าง แต่ทันทีที่สิ้นเสียง ดูเหมือนสายตาทั้งหมดจะพุ่งตรงมาที่นาง อย่าได้เห็นว่าเป็นเพียงขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณขวดเล็กๆ ขวดหนึ่ง ลำพั งเพียงแค่เห็นไทเฮามีรูปโฉมงดงามตรึงตาตรึงใจผู้คนเช่นนี้ก็รู้ได้ว่าสรรพคุณของขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณขวดเล็กนี้มหัศจรรย์มากเพียงใด นี่เป็นสิ่งของที่สตรีทุกคนล้วนปรารถนาที่จะได ด้มาครอบครอง
สุ่ยฉ่ายชิงที่ปิดใบหน้าด้วยผ้าโปร่งหันไปมองทางนั้นเช่นกัน ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกฝาดเฝื่อนและความวาดหวัง
หากนางได้รับขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณเช่นนี้ขวดหนึ่งจะดีเพียงใด นางยังจะต้องตกอยู่ในสภาพพบหน้าผู้อื่นด้วยการปิดใบหน้าด้วยผ้าโปร่งอีกหรือ? รอให้ใบหน้าของนายหายดีเสียก่อน จะมีผู้ใดกล้ามองนางด้วยสายตาดูแคลนอีกหรือไม่ รูปโฉมของนางงดงามเพียงพอที่จะกดข่มคนทั้งหมดที่อยู่ในงานเลี้ยง
ไทเฮาทรงปลาบปลื้มยินดียิ่ง ในสายตาของนางแล้วเงินทองไข่มุกอัญมณีทั้งหมดที่มีอยู่ล้วนไม่อาจเทียบของขวัญเพียงชิ้นเดียวที่หลินชิงเวยมอบให้นาง “เชิญแม่นางหลินนั่ง นำขี้ผึ้งบำ ำรุงผิวพรรณมาให้เปิ่นกงดู”
นางกำนัลเปิดกล่องผ้าไหม นำขวดกระเบื้องสีเขียวขวดหนึ่งส่งขึ้นมา ไทเฮาถือไว้ในมือไม่ยอมปล่อย นางเปิดขวดออกดมแล้วเอ่ยอย่างพึงพอใจว่า “กลิ่นหอมจรุงใจ ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง เป็ นชนิดเดียวกับที่เปิ่นกงใช้อยู่ทุกวัน ช่างเป็นของชั้นดียิ่งยวด” พูดแล้วก็หันไปมองหลินชิงเวย ในแววตาปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่มาจากความจริงใจ แต่อย่าได้คาดหวังว่ารอยยิ้มนั้น จะมีให้หลินชิงเวย นางเพียงแต่พอใจในสิ่งที่หลินชิงเวยมอบให้เท่านั้นเอง นางตรัสอีกว่า “แม่นางหลินตั้งใจปรุงขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณขวดนี้ ช่างมีน้ำใจจริงๆ”
หลินชิงเวยพูดเรียบๆ “ขออวยพรให้ไทเฮาทรงมีรูปโฉมงดงามอ่อนเยาว์อยู่เสมอเพคะ”
บรรดาพระชายาและสนมที่อยู่ในงานเลี้ยงไม่ใคร่เข้าใจนัก เมื่อก่อนระหว่างไทเฮาและหลินชิงเวยเป็นเสมือนน้ำกับไฟ มาบัดนี้กลับปรองดองเช่นนี้?
แต่ต่อมากลับพอจะเข้าใจได้ว่า ตอนนี้หลินชิงเวยมิใช่คนของตำหนักในแล้ว ย่อมไม่เกิดความขัดแย้งบาดหมางอันใดกับไทเฮา
ตัวละครเอกในวันนี้คือไทเฮา ย่อมไม่มีใครสังเกตเห็นซีเฟยที่อยู่ท่ามกลางบรรดาพระชายาและสนม รูปโฉมและบุคลิกของซีเฟยอยู่ในขั้นไม่เลวเลยทีเดียว นางมีนิสัยอ่อนโยน ไม่เป็นจุดสนใจข ของผู้คนนัก คนอื่นได้แต่เข้าใจว่านางได้รับความโปรดปรานจึงมีรูปโฉมงดงามเช่นนี้
เห็นหลินชิงเวยมาถึง นางส่งสายตาไปทางหลินชิงเวยพร้อมกับรอยยิ้มกระจ่างใสและเป็นมิตร
หลังจากหลินชิงเวยเข้านั่งประจำที่แล้วสังเกตเห็นซีเฟยเช่นกัน จึงพยักหน้าน้อยๆ นับว่าเป็นการทักทายกัน
ทว่าสุ่ยฉ่ายชิง นับแต่ไทเฮาถือขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณไว้ในมือ สายตาของนางมิได้เลื่อนออกจากมือของไทเฮาอีกเลย ในใจของนางเต็มไปด้วยความสับสนว้าวุ่น มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ ว่านางคาดหวังเพียงใด
หากเรื่องนี้เลือกได้อีกครั้ง นางไม่มีทางใช้วิธีการเช่นนี้มาต่อกรกับหลินชิงเวย เพียงแต่น่าเสียดายที่เรื่องนี้ไม่อาจเลือกใหม่ได้อีกครั้ง
ไทเฮาตรัสด้วยความปีติยินดี “เด็กๆ ประทานสุราให้กับแม่นางหลิน”
นางกำนัลหน้าตางดงามถือกาสุราสีม่วงทองเข้ามา รินสุราให้หลินชิงเวยถ้วยหนึ่ง หลินชิงเวยลุกขึ้นคารวะไทเฮาราวกับไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นแล้วเงยหน้าขึ้นดื่มสุรา
ต่อมาไทเฮารับสั่งให้เริ่มเงินเลี้ยง บรรดานางกำนัลเข้ามานำอาหารเลิศรสขึ้นโต๊ะ หลีเช่อยืนอยู่ข้างหลังหลินชิงเวย เขาไม่มีวาสนาต่ออาหารอันโอชะเหล่านี้ ได้แต่น้ำลายไหลมองตาป ปริบๆ
ก่อนจะเริ่มงานเลี้ยง เซียวจิ่นดื่มสุราคารวะไทเฮาก่อนหนึ่งถ้วย ต่อมาเป็นเซียวเยี่ยนดื่มสุราคารวะ ต่อมาอีกเป็นพระชายาและสนมของตำหนักในลุกขึ้นมาดื่มคารวะต่อไทเฮา ต่างได้อ อำนวยอวยพรด้วยคำพูดอันเป็นสิริมงคล ไทเฮาล้วนรับคำอวยพรเหล่านั้น
เมื่อดื่มสุราคารวะล้วนเป็นสุราพระราชทาน แขกเหรื่อที่นั่งอยู่ล้วนมิต้องรินสุราด้วยตนเอง บริเวณโดยรอบของงานเลี้ยงล้วนมีนางกำนัลในชุดกระโปรงสีอ่อนถือกาสุรารออยู่ เมื่อเห็น ท่านใดลุกขึ้นยืนจะมีนางกำนัลที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นเข้าไปรินสุราให้ทันที
เพียงแต่บังเอิญเหลือเกิน ด้วยนางกำนัลที่เดินอ้อมด้านหลังโต๊ะเข้าไปรินสุราให้กับหลินชิงเวย แขกในงานเลี้ยงมากมายเช่นนี้ ทันทีที่สุ่ยฉ่ายชิงยืนขึ้นก็ดึงดูดสายตาของทุกคน ผู้ใด ดเลยจะไปสังเกตนางกำนัลผู้ทำหน้าที่รินสุราเล่า ดังนั้นเมื่อนางกำนัลผู้นั้นเดินผ่านร่างของหลีเช่อ เขาจึงยื่นมือมาหยิบสุราบนถาดไปพร้อมกับยิ้มกะพริบตาปริบๆ “ลำบากพี่สาวแล้ว ข้ าเอง”
แม้หลีเช่อจะเปลี่ยนหน้าตา ทว่าดวงตาคู่นั้นยังคงเป็นดวงตาของเขา เป็นดวงตาเปี่ยมเสน่ห์ ชวนให้ลุ่มหลง เมื่อเขาทิ้งสายตาให้นางกำนัลผู้นั้น นางกำนัลถึงกับตกตะลึง ต่อมาราวกับว วิญญาณหลุดออกจากร่าง ปล่อยให้หลีเช่อหยิบถาดไปทั้งถาดแล้วทำหน้าที่รินสุราให้สุ่ยฉ่ายชิงแทนนาง
รอกระทั่งนางกำนัลได้สติกลับมาก็ไม่ทันการแล้ว
หลินชิงเวยเอนกายไปข้างหลังเล็กน้อยแล้วทอดสายตามองไป เห็นหลีเช่อค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ คนที่ไม่รู้อาจเข้าใจว่านางกำลังมองสุ่ยฉ่ายชิง คนที่รู้กลับคิดว่านางกำลังมองเซียวเย ยี่ยน
ไม่มีใครคาดคิดว่าร่างอรชรอ้อนแอ้นที่เดินก้าวเล็กๆ นั้น ชายกระโปรงของนางกำนัลที่สะบัดพลิ้วด้วยท่วงท่าการเดินเหินอันแช่มช้อย มารดามันเถอะ ถึงกับเป็นบุรุษคนหนึ่ง แม้หลีเช่อจ จะสูงกว่าสตรีทั่วไปอยู่บ้าง แต่เมื่ออยู่ในกลุ่มบุรุษแล้วเขาไม่ได้สูงโดดเด่น ด้วยเหตุนี้เมื่อเขาเดินไปเดินมาในงานเลี้ยงจึงไม่ได้เป็นจุดสนใจของผู้อื่น
หลินชิงเวยจับจ้องสายตามองไป ริมฝีปากของนางปรากฏให้เห็นรอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่ นางถึงขั้นรู้สึกตั้งตารอคอยอยู่บ้างว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะสำแดงเดชอันใด ออกมา
เซียวเยี่ยนหลุบตาลงครึ่งหนึ่ง สีหน้าบนใบหน้านั้นเรียบเฉย เขาพลันรู้สึกรับรู้ได้ว่ามีสายตาคมปลาบคู่หนึ่งมองมาที่นี่ จึงค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมอง ชั่วขณะที่เขามองไปกลับมองเห็น ดวงหน้างดงามแฉล้มเฉกเช่นครั้งแรกที่ได้พบหลินชิงเวย ส่งผลให้เขาตกอยู่ในอาการตะลึงงันน้อยๆ
หลินชิงเวยกลับไม่รู้ตัวว่าขณะที่นางกำลังมองหลีเช่อ เซียวเยี่ยนมองนางอยู่ตลอดเวลา
เวลาหมุนย้อนกลับ ราวกับกลับไปในอดีต รอยยิ้มและความสดใสทั้งหมดบนใบหน้าของนางล้วนเกิดขึ้นเพราะเขาทั้งสิ้น เขาคิดว่าบางทีอาจเป็นเพียงความรู้สึกสับสนชั่วครู่ชั่วยามที่เกิดขึ้ นเพียงประเดี๋ยวประด๋าวของเขา นับตั้งแต่ที่แยกกันที่เมืองจิงโจว เขากระจ่างแจ้งดีแล้วมิใช่หรือ เขากระจ่างแจ้งและได้สติว่าตนเองควรทำอะไร ได้สติว่าควรปกป้องใคร ทุกอย่างที่เขา วางแผนเอาไว้ล้วนทำเพื่อสตรีในอาภรณ์สีขาวที่อยู่ข้างกายนางนี้
เขาหลอกใช้จากนาง ทำร้ายจิตใจนาง ตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อนางเข้าใกล้เขาอย่างไร้เงื่อนไขเขาได้ตัดสินใจที่จะทำเช่นนี้แล้ว เพียงแต่มาบัดนี้ เมื่อเห็นหลินชิงเวยที่เป็นเช่นนี้ เซีย ยวเยี่ยนรู้สึกเพียงว่าความว่างเปล่าในหัวใจของเขากลับเพิ่มมากขึ้น
ดูเหมือนการเดินจากไปครั้งนี้ของหลินชิงเวย นางได้นำสิ่งของบางอย่างที่มิใช่ของนางไปด้วยอย่างมิรู้เนื้อรู้ตัว