ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 13 บทที่ 377 การต่อสู้แห่งปีของวังหลวง
หลินชิงเวยหรี่ตาลงมองทิศทางที่ไทเฮามุ่งหน้าไปแล้วพูดว่า “ดูเหมือนจะไปตำหนักซวี่หยาง นางคงมิได้ไปฉีกอกฝ่าบาทหรอก ควรจะไปฉีกอกสุ่ยฉ่ายชิงในตำหนักอวี้หลิงที่อยู่ในตำหนักซว วี่หยาง”
หลีเช่อดูคล้ายได้สติในทันที “ว้าว นี่เป็นการต่อสู้แห่งปีของวังหลวงเชียว เราจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด”
ไทเฮานำคนของตนเข้าไปในตำหนักซวี่หยางด้วยสีหน้าเดือดดาล นางตรงไปยังตำหนักอวี้หลิง นางกำนัลและขันทีที่ยืนเฝ้าอยู่ตลอดทางไม่ทันได้เข้าไปรายงานก็ถูกนำตัวไปรวมกันไว้อีกด้ านหนึ่ง
สุ่ยฉ่ายชิงเพิ่งจะตื่นขึ้นอย่างเกียจคร้าน หลังจากล้างหน้าล้างตา นางยังไม่ทันได้กินอาหารเช้า ก็นั่งเหม่อลอยอยู่หน้าโต๊ะแต่งหน้าเป็นเวลานาน ปลายนิ้วของนางลูบไล้ใบหน้าของตน พิ ศซ้ายมองขวาแล้วปรากฏให้เห็นรอยยิ้มอันสดใสในหลายวันนี้ในที่สุด
ดวงหน้าของนางในยามนี้ไม่ได้สวมผ้าโปร่ง รอยผดผื่นบนใบหน้าทุเลาลงมาก ริ้วรอยตุ่มแดงไม่ค่อยแดงและไม่ค่อยลึกแล้ว รออีกไม่กี่วันเชื่อว่าริ้วรอยบนใบหน้าของนางจะต้องเลือน นหายไปหมดกระทั่งมองไม่เห็น ถึงเวลานั้นนางย่อมจะกลับไปเป็นสตรีโฉมงามอันดับหนึ่งเช่นในอดีต ไม่ว่าผู้ใดพบเห็นนางล้วนถูกรูปโฉมของนางทำให้รู้สึกว่ามิอาจเทียบได้
ขณะที่สุ่ยฉ่ายชิงกำลังลูบไล้ดวงหน้าของตนด้วยความปลาบปลื้มอยู่นั้น นางกำนัลคนหนึ่งวิ่งเข้ามาลานเรือนพร้อมกับพูดอย่างลนลานว่า “แม่นาง แม่นาง แย่แล้วเจ้าค่ะ ไทเฮาเสด็จมาเจ้า าค่ะ”
ดวงหน้าที่เพิ่งจะมีสีแดงเรื่อของสุ่ยฉ่ายชิงพลันซีดขาว ในใจกระจ่างแจ้งกว่าผู้ใดว่าเหตุใดไทเฮาจึงมาที่นี่ เพียงแต่นางคิดไม่ถึงว่าไทเฮาจะมาหานางรวดเร็วเช่นนี้ เดิมทีนางคิดว่า านางกระทำการอย่างรอบคอบรัดกุมย่อมไม่มีใครล่วงรู้
สุ่ยฉ่ายชิงรีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับนางกำนัล “เจ้ารีบไปเรียกเซ่อเจิ้งอ๋องมา” นางกำนัลรับคำแล้ววิ่งออกไป สุ่ยฉ่ายชิงรีบหันมาส่งขวดกระเบื้องสีเขียวใส่มือชูซวง นางกำนัลคนสนิทข้าง งกายนางพร้อมพูดกำชับว่า “เจ้ารีบนำสิ่งนี้ไปซ่อนเอาไว้ ซ่อนในที่ที่หาไม่เจอ จะให้ไทเฮาหาเจอไม่ได้เด็ดขาด!”
ชูซวงมองขวดกระเบื้องในมือแล้วรับคำเสียงเบา นางหลุบดวงตาทั้งคู่ลงต่ำแล้วออกไปหาที่ซ่อนของ
เพียงไม่นานขบวนของไทเฮาก็มาถึงในเรือน ไทเฮาพูดด้วยโทสะ “สุ่ยฉ่ายชิง เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!”
ไทเฮาไม่อาจรอแม้แต่นาทีเดียว เมื่อเห็นประตูห้องปิดสนิท สุ่ยฉ่ายชิงถ่วงเวลาไม่ตอบรับ จึงรับสั่งให้ขันทีสองคนเข้าไปพังประตู
ทว่าเมื่อขันทีเพิ่งจะเดินไปถึงข้างประตู สุ่ยฉ่ายชิงรู้ดีว่าตนเองไม่อาจซ่อนตัวได้จึงเปิดประตูห้อง ร่างของนางยืนอยู่ตรงกลางกรอบประตูในอาภรณ์สีขาวยาวระไปกับพื้นประดุจดอกบัว วสีขาวที่ส่ายไหวเล็กน้อย
ใบหน้าของนางยังคงสวมผ้าโปร่งเอาไว้ นางถวายพระพรไทเฮาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉ่ายชิงถวายพระพรไทเฮาเพคะ” นางเงยหน้าขึ้นมองขันทีสองคนที่ก้าวขึ้นมาข้างหน้าด้วยท่าทีหวาดก กลัว “ไทเฮาเข้ามาอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ ฉ่ายชิงทำความผิดอันใดเพคะ?”
ไทเฮาแค่นหัวเราะเสียงเย็น “เปิ่นกงรู้ตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วว่าเจ้าเสแสร้งมารยาเก่ง มาบัดนี้เจ้ายังคิดจะเสแสร้งต่อหน้าเปิ่นกงอีกหรือ?! บุรุษพวกนั้นอาจจะถูกเจ้าหลอกเสียจนหั วหมุน แต่เปิ่นกงกระจ่างแจ้งดียิ่งว่าเจ้าเป็นคนอย่างไร! เมื่อก่อนเจ้าอาศัยที่เซ่อเจิ้งอ๋องและอดีตฮ่องเต้หนุนหลังเจ้า มาบัดนี้เปิ่นกงอยากจะดูนักว่า วันนี้ยังมีใครหนุนหลังเจ้า าอีก!”
สุ่ยฉ่ายชิงพูดด้วยท่าทีน่าเวทนา “ไม่ทราบว่าฉ่ายชิงทำผิดอันใดเพคะ ไทเฮาจึงได้ตรัสวาจาดูหมิ่นดูแคลนเช่นนี้?”
เมื่อหลีเช่อและหลินชิงเวยมาดูงิ้วฉากสนุกที่ตำหนักอวี้หลิง ประจวบเหมาะกับทันได้ยินไทเฮาด่าทอด้วยคำพูดดูแคลนเช่นนี้ และทันได้เห็นท่าทางอ่อนแอเปราะบางราวเป็นผู้บริสุทธิ์ขอ องสุ่ยฉ่ายชิง หลีเช่อพูดขึ้นว่า “ระหว่างสตรีด้วยกัน หากมีบุรุษร่วมวงอยู่ในนั้นด้วยละก็ แน่นอนว่าต้องฉีกอกกันจนปลาไม่ตาย แหก็ต้องขาด ข้าไม่เกรงกลัวเสียด้วย ข้าชอบดูฉา ากซาบซึ้งใจและฉากที่เต็มไปด้วยคาวเลือด”
ดังนั้นหลีเช่อจึงกวักมือเรียกนางกำนัลคนหนึ่งเข้ามา “เร็วเข้า ไปหยิบเก้าอี้พับมาให้แม่นางของข้าตัวหนึ่ง อย่าลืมเอาเมล็ดแตงโมมาจานหนึ่งด้วยเล่า”
ในเมื่อมาก็มาแล้ว หลินชิงเวยจึงได้แต่ตามใจหลีเช่อผู้กลัวว่าใต้หล้านี้จะไม่วุ่นวาย
ดูเหมือนบรรยากาศที่กำลังเข้มข้นและร้อนระอุนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นประดักประเดิด…ด้วยการมาถึงของหลีเช่อและหลินชิงเวย รวมไปถึงคำพูดประโยคนั้นของหลีเช่อ
ไทเฮาเห็นหลินชิงเวยเช่นกัน นางกำนัลทำงานว่องไวนัก เก้าอี้ถูกจัดวางลงพร้อมด้วยเมล็ดแตงโมหนึ่งจาน ไทเฮาพูดขึ้นด้วยสีหน้าแข็งเกร็ง “นี่แม่นางหลินมาดูงิ้วหรือ?” เดิมทีในใจนา างเต็มไปด้วยโทสะ หากมิใช่เพราะสุ่ยฉ่ายชิงผู้นี้กล้ากระทำการล่วงเกินนางในงานเลี้ยงวันเกิดอย่างไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ ไยนางจึงต้องมาด้วยตัวเองด้วย เมื่อก่อนไทเฮาคิดหาวิธีการเป็นร้ อยเป็นพันเพื่อให้สุ่ยฉ่ายชิงและหลินชิงเวยต่อสู้กันเอง มาบัดนี้ตนเองกลับต้องเป็นคนที่ต้องลงมาเล่นเอง แล้วยังต้องให้หลินชิงเวยมานั่งดูเสือสองตัวต่อสู้กัน
ในใจของไทเฮาจะรู้สึกยินยอมได้อย่างไร
หลีเช่อประคองหัวไหล่หลินชิงเวยแล้วออกแรงกด บังคับให้นางนั่งลง เขาพูดกับไทเฮาว่า “ไทเฮาโปรดผ่อนคลายเพคะ แม่นางของข้าเพียงแต่เดินผ่านมามิได้มีเจตนาร้ายอันใด ไทเฮาทรงคิดเส สียว่าพวกเราไม่มีตัวตนก็พอเพคะ”
ไทเฮาถลึงตาใส่หลีเช่อ “บ่าวอย่างเจ้ามีโอกาสพูดจาตั้งแต่เมื่อใดกัน”
หลินชิงเวยพูดเรียบ “เขาพูดถูกต้องแล้วเพคะ เชิญไทเฮาตามสบายเพคะ”
ไทเฮาย่อมรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา นางจึงไม่ติดใจเอาความกับหลินชิงเวยแล้วหันหน้าพยักพเยิดปลายคางไปที่สุ่ยฉ่ายชิงแล้วรับสั่งกับขันทีสองคน “พวกเจ้าสองคน เข้าไปค้น!”
สุ่ยฉ่ายชิงยืนขวางประตูทางเข้า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมให้ขันทีเข้าไป นางพูดว่า “ไทเฮาเหนียงเหนียงทรงต้องการตรวจค้นห้องของฉ่ายชิงโดยไม่แยกแยะถูกผิดดำขาวเช่นนี้ ฉ่ายชิงทำผิดอ อันใดต่อไทเฮาเพคะ? เป็นเพราะฉ่ายชิงมิใช่คนของตำหนักใน ไทเฮาจึงดูถูกฉ่ายชิงเช่นนี้หรือเพคะ?”
ไทเฮาแค่นหัวเราะเสียงเย็นอีกครั้ง “ทำผิดอันใดต่อเปิ่นกงกันแน่ ประเดี๋ยวรอเปิ่นกงตรวจค้นพบสิ่งของแล้วค่อยมาจัดการกับเจ้า คนที่ดูถูกเจ้ามิใช่เปิ่นกง แต่เป็นตัวเจ้าเอง!”
ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่มีใครยอมใคร
ต่อมา นางกำนัลผู้ไปส่งข่าวก็เชิญเซียวเยี่ยนกลับมาเป็นผลสำเร็จในที่สุด
ทันทีที่เซียวเยี่ยนเดินเข้าไปในเรือน คนทั้งหมดล้วนเงียบขรึมไม่พูดจา เขามีสีหน้าเย็นชาและกวาดตามองไปรอบๆ ครั้งหนึ่ง ทว่ากลับหยุดอยู่บนร่างของหลินชิงเวยเล็กน้อย สุดท้ายสายตา าของเขาตกลงบนร่างของนางกำนัลของทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงสุ่ยฉ่ายชิงที่ร่ำไห้จนแทบจะสิ้นสติอยู่หน้าประตู
เซียวเยี่ยนถาม “พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่?”
สุ่ยฉ่ายชิงพูดทั้งสะอึกสะอื้นร่ำไห้ “เยี่ยน นับว่าท่านกลับมาเสียที ข้าไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดไทเฮาจึงพาคนมากะทันหันเช่นนี้ บอกว่าจะตรวจค้นห้องของข้า เป็นเพราะข้าฐานะต่ำต้อยไม่ มียศศักดิ์ ไทเฮาจึงได้รังแกข้าเช่นนี้”
ไทเฮาอดปรบมือให้สุ่ยฉ่ายชิงไม่ได้ “คำพูดนี้ของแม่นางสุ่ยพูดได้จริงใจยิ่ง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจไม่ใจอ่อน เพียงแต่ในเมื่อเจ้ามิได้กินปูนร้อนท้อง ไหนเลยจะต้องเกรงกลัวเปิ่นกงเข้าไ ไปตรวจค้นสักครั้งเล่า? ไม่ใส่ใจเป็นตายร้ายดี เจ้าเอาแต่ขวางอยู่หน้าประตู เป็นเพราะร้อนตัวหรือไม่?”
สุ่ยฉ่ายชิง “ไม่ทราบว่าไทเฮาต้องการตรวจค้นสิ่งใดในห้องของข้า? หากสิ่งที่ไทเฮาทรงต้องการแล้วข้าสามารถให้ได้ เช่นนั้นข้ายินดีนำออกมามอบให้ไทเฮา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับร้อนตัว หรือไม่ ฉ่ายชิงเพียงแต่ไม่ต้องการถูกคนใส่ร้ายป้ายสี”