ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 13 บทที่ 379 พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ
วันนี้เซียวเยี่ยนไม่อนุญาตให้ไทเฮาค้นตัวสุ่ยฉ่ายชิงและชูซวง ไทเฮาตระหนักได้ว่ามิอาจค้นตัวคนเช่นกัน แต่หากจะให้นางตัดใจเช่นนี้ นางรู้สึกไม่ยินยอมอย่างยิ่ง นางไม่เชื่อว่าสิ งของมิใช่สุ่ยฉ่ายชิงเป็นผู้ขโมยไป
ไทเฮาพูด “ในเมื่อได้ตรวจค้นในห้องแล้ว หากต้องการคืนความบริสุทธิ์ใจให้กับนางย่อมต้องตรวจค้นให้ถึงที่สุด นี่เซ่อเจิ้งอ๋องหมายความว่าต้องการลำเอียง ปกป้องนางใช่หรือไม่?”
หลีเช่อพูดขึ้นด้วยความผิดหวัง “ละครแสดงมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่ได้เข้าสู่ฉากสำคัญเลย ทำเช่นนี้ขาดความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์นี่นา”
หลินชิงเวยหัวเราะเสียงเบา “อย่าใจร้อน ยังมีละครฉากดีๆ ให้ดูอีก”
เพียงแต่ผู้ใดล้วนคาดไม่ถึงว่า ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ยังไม่รอให้เซียวเยี่ยนได้พูดอันใด ชูซวงพลันก้าวออกมาสองก้าว ปรากฏกายขึ้นในคลองจักษุของทุกคน
สุ่ยฉ่ายชิงเห็นเช่นนี้จึงร้อนใจ “ชูซวง ท่านอ๋องไม่มีทางยอมให้ไทเฮาค้นตัวพวกเรา นี่เจ้า…”
ชูซวงไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าสุ่ยฉ่ายชิง ทว่านางกลับคุกเข่าลงกับพื้นดังตุบ “สิ่งที่ไทเฮาเหนียงเหนียงต้องการค้นหาใช่ของสิ่งนี้หรือไม่เพคะ?” พูดแล้วนางก็หยิบขวดกระเบื้องขวด หนึ่งออกมาจากแขนเสื้อต่อหน้าต่อตาทุกคน พร้อมกับประคองไว้ในมือทั้งสองข้าง
ทันทีที่ไทเฮาเห็นเข้า มันคือขวดกระเบื้องสีเขียวขวดนั้น นางสั่งให้หมัวมัวหยิบมาแล้วเปิดออกแล้วสูดดมกลิ่น จากนั้นนำขวดไปส่องดูกับแสงแดดเพื่อมองเข้าไปข้างในขวด ไทเฮาพูด ขึ้นด้วยความยินดีว่า “ถูกต้อง นี่เป็นขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณที่เปิ่นกงกำลังตามหาขวดนั้น ดูลักษณะแล้วถูกเปิดใช้ไปไม่น้อยทีเดียว เจ้ามีความผิดอันใด?!”
ยามนี้สีหน้าของสุ่ยฉ่ายชิงซีดขาว กระทั่งยืนก็แทบจะยืนได้ไม่มั่นคง โอนไปเอนมา
ชูซวงที่หมอบอยู่กับพื้นพูดว่า “ทูลไทเฮาเหนียงเหนียง บ่าวเป็นคนที่หัวหน้าขันทีจัดให้มาปรนนิบัติแม่นางสุ่ยในตำหนักอวี้หลิงเพคะ บ่าวปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายแม่นางสุ่ยมา าตลอด แม่นางสุ่ยได้สิ่งของขวดนี้มาต้องใช้ทาหน้าเช้าเย็นทุกวัน เมื่อสักครู่ได้ยินว่าไทเฮาเหนียงเหนียงเสด็จมาจึงรีบสั่งให้บ่าวนำของสิ่งนี้ไปซ่อนเพคะ” ไม่อาจไม่พูดว่าชูซวงผู้ นี้เป็นนางกำนัลที่ฉลาดเฉลียวคนหนึ่ง คำพูดเพียงประโยคเดียวกลับแนะนำที่มาของตนว่านางเป็นคนที่หัวหน้าขันทีส่งมา ในตำหนักซวี่หยางยังมีหัวหน้าขันทีคนไหนอีกเล่า มิใช่กงกงข้า างกายเซียวจิ่นหรอกหรือ? เมื่อเป็นเช่นนี้ นางจึงไม่นับว่าเป็นคนของตำหนักอวี้หลิง แต่เป็นคนของฮ่องเต้ หากไทเฮาต้องการพิพากษาความผิดต่อนาง ยังต้องพิจารณาใคร่ครวญสองส่วน อี กทั้งนางยังเป็นฝ่ายก้าวออกมาชี้แจงเรื่องราวด้วยตนเอง อย่างไรก็เป็นการสร้างความชอบ ลบล้างความผิด
ส่วนสุ่ยฉ่ายชิงนั้นคาดไม่ถึงว่าชูซวงจะถึงกับซัดทอดนาง
ในเมื่อชูซวงเป็นคนที่ฮ่องเต้ส่งมา นางย่อมไม่เหมือนฉ่ายอวิ๋นในอดีต นับตั้งแต่วันที่นางเข้ามาปรนนิบัติรับใช้ หัวหน้าขันทียังได้กำชับนางว่าต้องแยกแยะให้ออกว่าสิ่งใดถูก สิ่ งใดผิด จะปล่อยให้เหตุการณ์เช่นครั้งก่อนที่สุ่ยฉ่ายชิงอาการป่วยกำเริบแล้วกล่าวโทษหลินชิงเวยเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งไม่ได้
ดังนั้นระหว่างที่นางปรนนิบัติสุ่ยฉ่ายชิงในระยะเวลาหลายวันนี้จึงไม่ได้ถูกระแวงสงสัยแม้แต่น้อย และเป็นเพียงการดูแลแม่นางคนหนึ่ง สุ่ยฉ่ายชิงเองไม่จำเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ เช่นกัน เพียงแต่สุ่ยฉ่ายชิงยังไม่ทันได้ให้ร้ายป้ายสีผู้ใด ตัวนางเองกลับกระทำเรื่องไม่อาจพบหน้าผู้คนขึ้นมาเสียก่อน
สายตาของคนทั้งหมดมองไปที่สุ่ยฉ่ายชิง
ไทเฮาพูดด้วยน้ำเสียงคมปลาบ “เวลานี้ถึงคราเปิ่นกงถามเจ้าบ้างแล้ว ยามนี้พยานบุคคลและหลักฐานพร้อมมูล เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่!”
ดวงตาทั้งคู่ของสุ่ยฉ่ายชิงเบิกกว้าง นางค่อยๆ ก้าวถอยหลัง “ข้าไม่รู้ ข้าไม่เคยทำ…ชูซวง เหตุใดเจ้าต้องใส่ร้ายข้า…” นางพูดแล้วรีบหันไปมองเซียวเยี่ยน “เยี่ยน เยี่ยน ข้าไม ม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้ออกมา แม้แต่ท่านก็ไม่เชื่อข้าใช่หรือไม่?”
เซียวเยี่ยนไม่ได้มองนาง สีหน้าของเขายุ่งเหยิงจนแยกแยะอารมณ์ไม่ออก
สุ่ยฉ่ายชิงกัดฟันพูดทั้งน้ำตา “ในเมื่อพวกเจ้าล้วนไม่เชื่อข้า เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นข้าคงได้แต่ใช้ความตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ!” พูดแล้วนางถึงกับเอาศีรษะพุ่งเข้าไปหากำ ำแพง
เซียวเยี่ยนมือไวตาไว คว้าตัวนางเอาไว้
สุ่ยฉ่ายชิงร่ำไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของเซียวเยี่ยนไม่หยุด
หลีเช่อเห็นแล้วหมดสนุก “ตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ นี่เป็นเรื่องง่ายดายเพียงใด กลัวแต่ว่าต่อให้เจ้าตายไปก็มิอาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้น่ะสิ” เขาส่ายหน้าอีก “เซ่อเจิ้ งอ๋องใจร้อนเกินไป หากท่านไม่เข้าขัดขวางแม่นางสุ่ย ข้ากล้าพนันด้วยเมล็ดแตงโมหนึ่งจิน [1] นางไม่มีทางเอาศีรษะพุ่งชนกำแพงแน่นอน”
คนหนึ่งร่ำไห้อยู่ในอ้อมกอด อีกคนหนึ่งพูดจาเสียดสีเหน็บแนมอยู่ด้านข้าง โทสะของเซียวเยี่ยนแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ เขาหันไปพูดกับหลีเช่อ “บังอาจ! ผู้ใดให้ความกล้าหาญเช่นนี้กับ บเจ้า ถึงกับยุแยงวิพากษ์วิจารณ์ความผิดของเจ้านาย?!”
หลีเช่อหลบไปอยู่ข้างหลังร่างของหลินชิงเวย “เซ่อเจิ้งอ๋องดุร้ายเหลือเกิน”
เดิมทีหลินชิงเวยนั่งพับขาทั้งคู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีเกียจคร้าน มีเมล็ดแตงโมจานหนึ่งถูกนางและหลีเช่อกินตกเต็มพื้น ได้ยินเซียวเยี่ยนพูดจาข่มขู่ สีหน้าหลินชิงเวยไม่เปลี่ยนแม ม้แต่น้อย นางสะบัดมือปัดเปลือกเมล็ดแตงโมบนกระโปรงของตน แล้ววางเท้าลงบนพื้นยืนขึ้นมา นางพูดและมองเซียวเยี่ยนด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าคิดว่าท่านกล่าวถูกต้อง ต่อให้เขากำเริบเสิบสานก็เป็นข้าที่ให้ท้ายเขา ความกล้าหาญก็เป็นข้าเช่นกันที่อบรมสั่งสอน เซ่อเจิ้งอ๋องมีความเห็นอันใดเล่า?” เซียวเยี่ยนเม้มปาก สายตานิ่งลึกนั้นจับจ้องบนร่าง ของหลินชิงเวย หลินชิงเวยไม่ได้รับผลกระทบจากสายตานั้นแม้สักกระผีก นางหัวเราะแล้วพูดอีกว่า “เวลานี้เรื่องของแม่นางสุ่ยยังไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างกระจ่างแจ้ง เซ่อเจิ้งอ๋องกลับบ บันดาลโทสะใส่คนของตำหนักข้า หรือต้องการเบี่ยงเบนความสนใจไปที่อื่น”
ไทเฮาถึงกับหัวเราะแล้วพูดว่า “คำพูดของแม่นางหลินมีเหตุผล แม่นางหลินไม่เหมือนคนอื่น เช่นนั้นบ่าวที่นางอบรมสั่งสอนออกมาย่อมต้องแตกต่างกับผู้อื่นอยู่บ้าง แม้นางกำนัลข้างกายนาง งจะพูดจาไร้ระเบียบสักหน่อย แต่สิ่งที่เขาพูดมาล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น”
สุ่ยฉ่ายชิงกระตุกชายแขนเสื้อของเซียวเยี่ยน พูดทั้งร่ำไห้ “เยี่ยน ข้าไม่เคยทำ ท่านต้องเชื่อข้านะ…ล้วนเป็นชูซวงที่พูดจาเหลวไหล ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงมีสิ่งของนั้น ข้า าไม่เคยมอบสิ่งของอันใดถึงมือนาง…นางหยิบขวดกระเบื้องออกมา แล้วพูดจาเลื่อนลอยเช่นนั้น อย่างนี้ก็สามารถตัดสินความบริสุทธิ์ของข้าได้หรือ…”
หลีเช่อผู้นี้กลัวว่าเรื่องราวจะลุกลามใหญ่โตไม่พอ เขาจึงบ่นพึมพำออกมาอีกว่า “มีวิธีหนึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าชูซวงได้พูดปดหรือไม่ และพิสูจน์ได้ว่าแม่นางสุ่ยบริสุทธิ์หรือไม่ ”
ไทเฮาจึงถามขึ้นว่า “วิธีอะไร?”
หลีเช่อชี้มาที่หน้าของตน “นางมิใช่สวมผ้าโปร่งอยู่หรอกหรือ ก็แค่ปลดผ้าโปร่งออกดูหน้าของนาง เปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ว่าดีขึ้นหรือว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็ชัดเจนแล้ว หา ากหน้าของนางดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก นั่นมิใช่เพราะใช้ขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณหรือ” พูดแล้วก็ร้องฮึด้วยน้ำเสียงใส่จริตจะก้านเต็มที่ “บ่าวได้ยินมาว่ากระทั่งยาของหมอหลวงก็รักษาใบห หน้าของนางไม่ได้ นี่หากอยู่ดีๆ ก็ดีขึ้น มิใช่ใช้ขี้ผึ้งของแม่นางตำหนักข้าแล้วจะเป็นเพราะอะไรได้อีก?”
ไทเฮาได้ยินเช่นนั้น “เด็กๆ ช่วยนางปลดผ้าโปร่งออกมา!”
“ไม่! ไม่!” สุ่ยฉ่ายชิงหลบหลีกอยู่บนร่างของเซียวเยี่ยน ทำให้นางกำนัลทั้งหมดตกตะลึงด้วยจนปัญญา นางพูดทั้งสะอึกสะอื้น “เยี่ยน ช่วยข้า! อย่าให้พวกเขาแตะต้องใบหน้าของข้า!”
เซียวเยี่ยนก้มหน้าลงครึ่งหนึ่งมองคนในอ้อมแขน ใครเลยจะคาดคิดว่าเขากลับยกมือขึ้นลูบไล้เบาๆ บนใบหน้าของสุ่ยฉ่ายชิง เวลานี้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน เขามองสตรีเบื้องหน้า าที่กำลังร่ำไห้ด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงด้วยสีหน้ายากจะบอกอารมณ์และความรู้สึก มือของเขาสัมผัสใบหน้าของสุ่ยฉ่ายชิงผ่านผ้าโปร่งผืนนั้น เขาแยกแยะไม่ออกเช่นกันว่าตนเองกำลังรู สึกเช่นไร อาจเป็นเพราะตัวเขาเองอยากรู้ความจริงเช่นกันกระมัง ขณะที่สุ่ยฉ่ายชิงไม่ทันได้ป้องกันตัว เขากระตุกปลายนิ้วปลดผ้าโปร่งออกจากใบหน้าของนาง
——————
[1] จิน คือหน่วยวัดน้ำหนักของจีน 1 จิน เท่ากับ 500 กรัม 2 จิน เท่ากับ 1000 กรัม หรือ 2จิน เท่ากับ 1 กงจิน (กก.) ในปัจจุบัน