ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 13 บทที่ 380 นางควรรู้สึกว่าตัวเองโชคดี
หยดน้ำตาของสุ่ยฉ่ายชิงค้างอยู่บนเปลือกตา นาทีนั้นนางถึงกับลืมร่ำไห้ คนทั้งหมดจ้องมองใบหน้าเปิดเปลือยของนางแล้วตกอยู่ในความเงียบงัน
นั่นเป็นใบหน้าที่ฟื้นฟูกลับมามีรูปโฉมงดงามปานล่มเมืองอีกครั้ง ดวงหน้านั้นปรากฏให้เห็นความอิ่มเอิบและเนียนลื่น ดวงหน้าทั้งดวงนั้นส่องประกายวับวาว มีเพียงริ้วรอยจางๆ สีแดงเล็กน้อยที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้า ชัดเจนยิ่งนักว่าดีขึ้นกว่าครึ่งแล้ว
ยามนี้ต่อให้สุ่ยฉ่ายชิงมีร้อยปากก็ไม่อาจแก้ตัวได้
นางมองเซียวเยี่ยนผ่านม่านน้ำตา แววตานั้นมีเพียงความสิ้นหวัง
ทว่าในเวลานี้เอง เซียวเยี่ยนขมวดคิ้วและพูดออกมาประโยคหนึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงถึงขีดสุด “สิ่งของของไทเฮา มิใช่นางขโมย แต่เป็นเปิ่นหวางหยิบมา นางไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้ เปิ่นหวางเห็นว่าใบหน้าของนางไม่ดีขึ้นเป็นเวลานาน จึงคิดวิธีการนี้ออกมา” เขาเงยหน้าขึ้นมองไทเฮา “หากต้องรับโทษ เปิ่นหวางขอรับโทษจากไทเฮา ขอไทเฮาอย่าได้บีบคั้นนางอีกเลย”
การหักมุมเช่นนี้ออกจะรวดเร็วเกินไปกระมัง
เดิมทีไทเฮานั้นมาเพื่อไต่สวนเอาผิด ใบหน้าของสุ่ยฉ่ายชิงปรากฏแก่สายตาแล้ว คิดไม่ถึงว่าเซ่อเจิ้งอ๋องกลับเสนอตัวออกมารับความผิดทั้งหมดเพื่อนาง ถึงขั้นยอมรับความผิดทั้งหมดไว้เพียงคนเดียว
นั่นสำหรับชื่อเสียงของเซ่อเจิ้งอ๋องแล้วนับเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบมากมายเพียงใด
นิ้วมือของไทเฮาใต้แขนเสื้อนั้นกำเป็นหมัดแน่น นางมองเซียวเยี่ยนด้วยสายตาทั้งรักทั้งเกลียด แต่ยามนี้นางถึงกับอับจนหนทาง ไทเฮาจึงหัวเราะและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดออกมาว่า “เพื่อสตรีเช่นนี้คนหนึ่ง ถึงกับยอมทำลายชื่อเสียงของท่านหรือ?”
สุ่ยฉ่ายชิงตกอยู่ในอาการตกตะลึงเช่นกัน นางคิดไม่ถึงว่าเซียวเยี่ยนจะทำเพื่อนางถึงขั้นนี้
เซียวเยี่ยนปกป้องสุ่ยฉ่ายชิง เขาไม่พูดจา หลินชิงเวยแสดงความรู้สึกออกมาอย่างหาได้ยาก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำโกหกอันเย็นชา ความเย็นชานั้นไม่เพียงมีต่อไทเฮาแต่ยังมีต่อสุ่ยฉ่ายชิงด้วย หรืออาจจะกล่าวได้ว่า สีหน้านั้นเกิดขึ้นเพราะเรื่องที่สุ่ยฉ่ายชิงได้ทำลงไปทั้งหมด
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขายังคงเลือกที่จะปกป้องสุ่ยฉ่ายชิง
หลินชิงเวยหัวเราะเบาๆ นางพูดกับหลีเช่อ “ไปเถิด งิ้วจบแล้ว ควรกลับไปได้แล้ว”
หลีเช่อยังไม่ลืมหันกลับไปพูดกลั้วหัวเราะกับสุ่ยฉ่ายชิง “หากมารดาของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ คงจะรู้สึกเสียใจยิ่งยวด มาตรว่าขณะที่นางคลอดเจ้าไม่ได้ระวัง ปล่อยให้เจ้าออกมาลืมตาดูโลก แม่นางของข้ายังไม่ถือสาการกระทำเช่นนี้ของเจ้า ชัดเจนยิ่งนักว่านางแน่ใจแล้วว่าเจ้าไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เช่นนั้นสุดแล้วแต่เจ้าเถิด”
สุ่ยฉ่ายชิง “…” นางร่ำไห้ขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากหลินชิงเวยจากไป ไทเฮาได้แต่ข่มกลั้นโทสะที่มีอยู่เต็มท้องเช่นกัน “ได้ ในเมื่อเซ่อเจิ้งอ๋องถึงกับยอมรับเช่นนี้แล้ว เปิ่นกงไม่มีอะไรจะพูดอีก ยิ่งไปกว่านั้นมิอาจติดใจเอาความกับเซ่อเจิ้งอ๋องได้ เรื่องนี้เปิ่นกงไม่ติดใจแล้ว แล้วแต่เซ่อเจิ้งอ๋องก็แล้วกัน”
ต่อมาไทเฮาไม่ติดใจเอาความเรื่องนี้จริงๆ ทันทีที่เรื่องในวันนี้ถูกแพร่ออกไป คนที่มีสติแจ่มชัดดีย่อมกระจ่างแจ้ง ส่วนเซ่อเจิ้งอ๋องและสุ่ยฉ่ายชิงย่อมกลายเป็นเรื่องขบขันของทุกคน
รอกระทั่งคนของตำหนักคุนเหอทั้งหมดออกไปจากตำหนักอวี้หลิง นางกำนัลของตำหนักอวี้หลิงถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ สุ่ยฉ่ายชิงนั่งลงบนพื้นร้องไห้เสียงดังด้วยความเจ็บปวด เซียวเยี่ยนไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เขาเดินผ่านร่างของนาง ต้องการไปจากที่นี่
สุ่ยฉ่ายชิงไม่แม้แต่จะคิด นางยื่นมือออกไปคว้าชายอาภรณ์ของเซียวเยี่ยน ย่างก้าวของเซียวเยี่ยนหยุดชะงัก ได้ยินนางพูดด้วยน้ำเสียงน่าเวทนา “เยี่ยน ขอโทษ…ล้วนเป็นข้าทำให้ท่านต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย…”
สีหน้าเซียวเยี่ยนไร้ความรู้สึก ยังคงไม่พูดจา
สุ่ยฉ่ายชิงแสดงท่าทีน่าสงสาร “ข้ารู้ ข้ารู้ว่าท่านล้วนทำเพื่อปกป้องข้า…เยี่ยน ท่านอภัยให้ข้าได้หรือไม่ ข้าจะไม่ทำเรื่องที่ทำร้ายท่านอีก...”
ดูเหมือนหากเซียวเยี่ยนไม่ยอมพูดจา นางก็จะไม่ยอมปล่อยมือ ในที่สุดเซียวเยี่ยนยังคงค่อยๆ หันหน้ากลับมา ก้มลงมองนาง คนผู้หนึ่งซึ่งเคยมีความงดงามพิสุทธิ์ราวกับเทพเซียน บัดนี้กลับตกต่ำจนหมอบอยู่บนพื้นแทบเท้าเขา เขาพูดว่า “เจ้าลุกขึ้นมา กลับไปพักผ่อนเถิด”
สุ่ยฉ่ายชิงเงยหน้ามองเขาด้วยความคาดหวัง “เช่นนั้นท่านยอมอภัยให้ข้าแล้วใช่หรือไม่?”
เซียวเยี่ยน “นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า นี่เป็นความผิดของเปิ่นหวาง เปิ่นหวางเคยคิดว่าเปิ่นหวางทำให้จิตใจของเจ้าสงบลงได้ ทว่ากลับมองข้ามไปว่ารูปโฉมมีความสำคัญต่อเจ้าถึงเพียงนี้”
คำพูดนี้เมื่อสุ่ยฉ่ายชิงได้ยินแล้ว กลับรู้สึกฝาดเฝื่อนเหลือเกิน
เซียวเยี่ยนพูดอีก “สมมติว่าวันหน้าหน้าตาของเปิ่นหวางถูกทำลาย เจ้าจะทุ่มเทจิตใจเช่นนี้ตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อรักษาใบหน้าของเปิ่นหวางให้หายดีใช่หรือไม่?”
สุ่ยฉ่ายชิงตอบไม่ได้ นางได้แต่สะอึกสะอื้น แต่นางคิดว่านางจะต้องคิดหาวิธีรักษาเขาให้หายดีแน่นอน ต่อให้ต้องไปคุกเข่าขอร้องผู้อื่น เพียงแต่พูดออกมาแล้วจะมีประโยชน์อันใด ในทางตรงข้ามกลับทำให้เซียวเยี่ยนรู้สึกว่านางเป็นคนให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกของมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น
เซียวเยี่ยนเคยคิดและพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาใบหน้าของสุ่ยฉ่ายชิงให้หายดี เพียงแต่ในเมื่อรักษาให้หายไม่ได้ เขาจึงไม่ได้ฝืนใจ ไม่ว่าใบหน้าของสุ่ยฉ่ายชิงจะเกิดจากสาเหตุใด เขาล้วนยินดีรับผิดชอบจนถึงที่สุด ในเมื่อการมองคนคนหนึ่ง มิใช่มองเพียงภายนอกเท่านั้น
เพียงแต่บัดนี้ ตำแหน่งเพียงหนึ่งเดียวของสุ่ยฉ่ายชิงที่อยู่ในใจเขา ดูเหมือนจะค่อยๆ อันตรธานหายไป
เซียวเยี่ยนไม่รั้งอยู่ต่อ เขายกเท้าก้าวไปข้างหน้า ชายอาภรณ์เรียบเย็นของผ้าไหมเนื้อดีนั้นค่อยๆ พลิ้วตัวไหลผ่านมือของสุ่ยฉ่ายชิง ไม่ว่านางจะคิดคว้าเอาไว้ด้วยวิธีการใด สุดท้ายล้วนคว้าเอาไว้ไม่อยู่ เสียงร้องไห้ของสุ่ยฉ่ายชิงเต็มไปด้วยความรู้สึกหมดสิ้นหนทางและสิ้นหวังดังก้องอยู่ในเรือน ที่อยู่กับนางมีเพียงเงาร่างเย็นชาด้านหลังของเซียวเยี่ยน
หลังจากหลินชิงเวยและหลีเช่อออกมาจากตำหนักคุนเหอ พวกเขาเดินอยู่บนทางเล็กๆ ใต้ร่มไม้
หลีเช่อส่ายหน้า “ในฐานะบุรุษ ข้าเห็นใจเซ่อเจิ้งอ๋องอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะต่ำช้ากระทั่งมั่นในรักและมีคุณธรรมเช่นนี้”
หลินชิงเวยมุมปากกระตุก ปิดบังแววตาของตน “นี่เจ้ากำลังพูดบ้าอะไร”
หลีเช่อยังคงแสดงความเห็นของตน “ของเถื่อนผู้นั้นควรจะรู้สึกว่าตนเองโชคดีสุดจะเปรียบ นั่นเป็นถึงเซ่อเจิ้งอ๋องของราชวงศ์ ทั้งๆ ที่รู้ว่านางทำอะไรลงไปบ้าง ถึงกับยอมละทิ้งเกียรติและศักดิ์ศรีของฐานะยศศักดิ์ไปช่วยนางรับผิด หากเป็นข้า ข้าคงทำไม่ได้แน่ ข้าจะต้องหันไปพูดกับของเถื่อนผู้นั้นว่า คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้! ดังนั้นพูดว่านางโชคดีมากที่ได้พบกับบุรุษตรงไปตรงมาที่ไม่รู้จักพลิกแพลงคนหนึ่ง”
หลีเช่อได้รู้เรื่องราวระหว่างเซ่อเจิ้งอ๋องและสุ่ยฉ่ายชิงรวมไปถึงหลินชิงเวยทั้งสามคนจากปากนางกำนัลเจ็ดส่วนและไปสืบมาอีกแปดส่วน ล้วนเป็นเรื่องซุบซิบนินทา เรื่องราวมีอยู่ว่าก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่างหลินชิงเวยและเซ่อเจิ้งอ๋องไม่เลวเลยทีเดียว คิดไม่ถึงว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะพาของเถื่อนผู้นั้นเข้าวังมาแล้วเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ให้หลินชิงเวยรักษาโรคให้นาง ของเถื่อนฉวยโอกาสใส่ร้ายป้ายสีหลินชิงเวย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเซ่อเจิ้งอ๋องและหลินชิงเวยขาดสะบั้นลงอย่างแท้จริง แต่เรื่องราวระหว่างเซ่อเจิ้งอ๋องและหลินชิงเวย คนนอกรู้ไม่ชัดเจน หลีเช่อจึงไม่ได้ไปสืบมา
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่มีทางรู้ว่าเมื่อเขาแสดงความเห็นเช่นนี้ของตนออกมาต่อหน้าหลินชิงเวย หลินชิงเวยอยู่ในอารมณ์และความรู้สึกใด
ขณะเดียวกันหลินชิงเวยเงยหน้าขึ้น มองท้องฟ้าที่ลอดตามใบไม้ เห็นเป็นวงกลมสีขาว รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก “ใช่แล้ว นางโชคดีเหลือเกิน”
หลีเช่อได้ยินคำพูดของหลินชิงเวย พลันรับรู้ได้ถึงความเหน็บหนาวที่บรรยายไม่ถูก เขามองหลินชิงเวย “เจ้าอายุยังน้อย ไม่ต้องไปอิจฉาผู้อื่น วันข้างหน้า ข้าจะช่วยเจ้าหาบุรุษที่โดดเด่นยิ่งกว่าเซ่อเจิ้งอ๋อง สายตาของเซ่อเจิ้งอ๋องใช้ไม่ได้ ลำพังเพียงแค่จุดนี้ เขาก็เลวร้ายมากแล้ว”