ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 13 บทที่ 382 แขกแปลกหน้า
เมื่อเข้าไปข้างในแล้วจึงรู้ว่าข้างในกว้างขวางใหญ่โตเหนือจินตนาการ ลำดับแรกคือห้องโถงด้านหน้า ห้องโถงด้านหน้ามีเส้นทางแบ่งเป็นหลายทิศทางไปยังสถานที่ต่างๆ เซียวอี้พาหลินชิงเว วยเดินทะลุห้องโถงด้านหน้าตรงเข้าไปด้านในแล้วเดินผ่านระเบียงทางเดินของเรือนหลังเล็กหลังหนึ่ง ใต้พื้นระเบียงทางเดินคือสายน้ำ กระเบื้องสีเขียว ณ บริเวณต้นน้ำมีปลาจิ๋นหลี่ [1] ต ตัวอ้วนกำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำอย่างเป็นธรรมชาติ หลินชิงเวยเงยหน้าขึ้นมองไป เห็นเสาสองต้นที่อยู่ข้างระเบียงทางเดินมีเถาวัลย์ของต้นองุ่นพันเลื้อย ยังมีองุ่นสีเขียวสดสุกงอมพวง งหนึ่งที่ยังไม่ทันได้เก็บลงมา
เมื่อหลินชิงเวยเดินผ่านจึงยื่นมือไปเด็ดองุ่นผลหนึ่งส่งเข้าปาก องุ่นเขียวรสชาติหวานยิ่ง ในความหวานนั้นอมเปรี้ยวเล็กน้อย
เซียวอี้ถาม “เจ้าชอบสถานที่แห่งนี้หรือไม่?”
หลินชิงเวย “สถานที่แห่งนี้ไม่เลวทีเดียว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นสถานที่อะไร”
เซียวอี้พูดกลั้วหัวเราะ “รอให้เจ้าค้างที่นี่สักคืนสองคืน เจ้าจะรู้เอง”
กระทั่งพวกเขาเดินไปจนสุดระเบียงทางเดินจึงอ้อมออกไปด้านนอกกำแพงทั้งสองด้าน มาถึงห้องด้านหน้าห้องหนึ่ง เซียวอี้ผลักประตูเปิดออก กลิ่นหอมของอาหารก็พวยพุ่งออกมา
เวลานี้เป็นเวลาพลบค่ำ ใกล้จะถึงเวลากินอาหารเย็นแล้ว
หลินชิงเวยยังไม่เห็นตัวคน ทว่าได้ยินเสียงของคนก่อน ต่อมาจึงได้ยินเสียงหัวเราะดังก้องลอยออกมา นางมองไปตามเสียงคิดไม่ถึงว่าในห้องจะมีบุรุษนั่งอยู่ถึงสามคน ล้วนเป็นบุรุษใน วัยกลางคนทั้งสิ้น แต่ละคนสวมอาภรณ์ผ้าแพรชั้นดีอยู่บนร่าง ย่อมเป็นคนฐานะไม่ธรรมดาอย่างไร้ข้อกังขา และสายตาของแต่ละคนเป็นผู้ผ่านร้อนผ่านหนาว เห็นอะไรในชีวิตมามากมาย
ห้องนี้เป็นห้องชุดห้องหนึ่ง ข้างในมีขนาดกว้างขวาง มีโต๊ะอาหารตั้งอยู่ตัวหนึ่ง ยามนี้บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารพื้นบ้านอันหอมหวน
พวกเขาเห็นเซียวอี้เข้ามาจึงค่อยๆ ลุกขึ้นต้อนรับ บุรุษที่ยืนอยู่ตรงกลางหัวเราะเสียงดัง เขาพูดกับเซียวอี้ “ข้าพูดว่าเวลานี้เซี่ยนอ๋องควรจะมาถึงแล้ว เห็นหรือยัง เพิ่งจะขึ้นกั บข้าว เซี่ยนอ๋องก็มาถึงทันที”
คนที่ยืนด้านข้างคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ยังพาโฉมสะคราญมาหนึ่งท่านด้วย”
หลินชิงเวยยืนอยู่ด้านหลังเซียวอี้ มองบุรุษที่กำลังเอ่ยวาจา กล่าวพูดจาล่วงเกิน สีหน้าบนใบหน้านั้นก็เช่นเดียวกัน ทันทีวาจานี้ถูกเปล่งออกไป แม้เซียวอี้จะไม่ได้พูดอะไร ทว่า บุรุษที่ยืนอยู่ตรงกลางกลับขึงตาส่งสัญญาณตักเตือนเขา นอกจากเขาแล้วบุรุษอีกสองคนล้วนเป็นคนสำรวมกิริยายิ่ง ไม่มีลักษณะเช่นคนชอบเอ่ยวาจาหยอกล้อผู้อื่น บุคลิกลักษณะเช่นนี้ หลิ นชิงเวยเคยเห็นจากแม่ทัพเฉินเหยียนจือระหว่างอยู่หนานเจียง
พวกเขาทุกคนล้วนเป็นทหาร
เมื่อเทียบกันแล้ว เซียวอี้เป็นบุรุษเจ้าสำราญและเสเพลกว่ามาก เขาดึงหลินชิงเวยเข้ามานั่งลง ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มหยอกเย้า “ช่วยไม่ได้ ข้าผู้แซ่เซียวชอบแบบนี้” พูดแล้วเขาก็ หันมามองหลินชิงเวย “เวยเวย ข้าแนะนำให้เจ้ารู้จัก” เขาชี้ไปที่บุรุษผู้นั่งอยู่ตรงกลาง “ท่านนี้คือ แม่ทัพซุน ผู้รับผิดชอบหน่วยทหารลับสามมณฑลเขตบูรพา สองท่านนี้คือรองแม่ทัพ พของแม่ทัพซุน”
หลังจากทั้งสองฝ่ายได้ทำความรู้จักกันตามมารยาท จึงเริ่มกินอาหาร
บนโต๊ะอาหารพวกเขาเพียงแต่กินอาหารดื่มสุราอย่างเบิกบานใจโดยมิได้เอ่ยถึงเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางการแม้แต่น้อย มื้อกลางวัน หลินชิงเวยกินเพียงอาหารแห้งเล็กน้อย ยามนี้นางห หิวแล้วจริงๆ จึงตั้งอกตั้งใจกินอาหารอย่างเป็นจริงเป็นจัง
ทว่าบนโต๊ะอาหารมีสายคู่หนึ่งจ้องนางเขม็งมิวางตา ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจยิ่งยวด
การเดินทางทั้งวันทำให้หลินชิงเวยรู้สึกเหนื่อยล้า หลังอาหารเซียวอี้พานางไปยังห้องที่ตระเตรียมไว้ให้นาง ภายในห้องสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย แสงสว่างภายในห้องชัดเจนยิ่ง หล ลินชิงเวยยังเห็นประตูอีกบานหนึ่งอยู่ด้านข้าง ถึงกับมีบ่อน้ำพุร้อนอยู่ติดกันด้วย ยามนี้น้ำในบ่อส่งไอร้อนออกมาเป็นสาย
หลินชิงเวยพลันกระจ่างแจ้งว่าที่แท้ที่นี่เป็นโรงเตี๊ยมที่มีบ่อน้ำพุร้อนแห่งหนึ่ง
เซียวอี้ยืนอยู่ด้านหลัง ลมหายใจของเขาที่รินรดต้นคอหลินชิงเวยยังเต็มไปด้วยกลิ่นสุราเมื่อเขาพูดขึ้นว่า “น้ำพุร้อนของที่นี่สามารถขจัดไอเย็นออกจากร่างกาย รักษาโรค และทำให้ สุขภาพแข็งแรง หลังจากแช่น้ำพุร้อนแล้วเมื่อถึงฤดูหนาวจะไม่กลัวความหนาวเย็น” หยุดไปครู่หนึ่งเขาพูดอีกว่า “ข้ารู้ การไปหนานเจียงครั้งที่แล้วร่างกายของเจ้าถูกความหนาวเย็นจากหิ มะเล่นงาน เมื่อกลับมาสุขภาพของเจ้าไม่ดีเหมือนก่อน ยามนี้ดีแล้วจะได้ขับไอเย็นออกจากร่างกายของเจ้า”
หลินชิงเวยพูดเรียบๆ “หาได้ยากนักที่เซี่ยนอ๋องจะทุ่มเทจิตใจตระเตรียมเพื่อข้า”
เซียวอี้หัวเราะ “เจ้ารู้ดีว่าเปิ่นหวางทำเท่าที่ทำได้เท่านั้น” เขามองเงาร่างเล็กบอบบางน่ารักที่อยู่เบื้องหน้า แววตาพลันนิ่งลึก สุดท้ายพูดเพียงว่า “เดินทางมาทั้งวัน เจ้าพักผ่อ อนเถิด”
พูดแล้วเซียวอี้หักใจเดินออกจากห้องไป ห้องกว้างขวางใหญ่โต หลินชิงเวยอยู่เพียงลำพัง
หลินชิงเวยนำสิ่งของในห่อผ้าออกมาจัด นางเอนกายลงหลับตาพักผ่อนครู่หนึ่ง รอจนอาหารเย็นที่กินเข้าไปย่อยไปพอสมควรจึงลุกขึ้นจากเตียง เห็นด้านนอกเรือนทิ้งโคมไฟไว้เพียงดวงเดียว ว บริเวณโดยรอบถูกม่านหมอกและความมืดของราตรีอันเงียบสงบเข้าปกคลุม แสงสว่างจากพระจันทร์และดวงดาราปรากฏอยู่บนผิวน้ำ
ริมบ่อน้ำจุดโคมไฟแสงสลัวไว้ดวงหนึ่ง
หลินชิงเวยค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากร่างของตนทีละชิ้นๆขาเล็กเรียวยาวของนางก้าวเดินไป เส้นผมด้านหน้าของนางถูกแบ่งด้วยปิ่นปักผม เส้นผมด้านหลังปล่อยสยายลงมาราวม่านน้ำตกที่ทิ งตัวลงถึงช่วงเอวขาวราวกับหิมะของนาง หลินชิงเวยก้าวเท้าเข้าไปในบ่อน้ำพุร้อน น้ำร้อนเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยๆ ลงไปในน้ำ กระทั่งร่างทั้งร่างแช่อยู่ในน้ำพุร้อน
เมื่อถึงฤดูหนาวร่างกายของนางกลัวความเหน็บหนาวจริงๆ ผนวกกับช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้นางดื่มสุราเมามายทุกค่ำคืน ภายในร่างกายจึงมีไอเย็นหลงเหลืออยู่ไม่น้อย ยามนี้เมื่อแช่กายอย ยู่ในบ่อน้ำพุร้อน ทำให้รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวสุดจะเปรียบ
ภายในบ่อน้ำพุร้อนมีตาน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยามนี้ฟองอากาศกำลังพวยพุ่งขึ้นมาดังตุ๋มๆ จากที่นั่น น้ำทั้งหมดไหลลงมาในบ่อน้ำแล้วค่อยระบายออกไป
บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งแห่งนี้เงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงสายน้ำไหลเบาๆ ในชั่วพริบตา
ทันใดนั้นชิงหลันที่อยู่ด้านข้างอ้าปากแสยะเขี้ยวของมันแล้วส่งเสียงขู่ฟ่อๆ หลินชิงเวยรู้สึกตัว ต่อมาจึงตั้งใจฟัง ท่ามกลางเสียงของน้ำนั้นยังมีเสียงอื่นอยู่ด้วย นั่นเป็นเสียง งที่ดังมาจากในห้องของนางและเป็นเสียงอันเบายิ่ง
ยามนี้เงาร่างสายหนึ่งงัดประตูห้องของหลินชิงเวยอย่างไร้สุ้มเสียง เงาร่างนั้นเร้นกายเข้ามาในห้องของนาง ข้างบ่อน้ำมีโคมไฟเพียงดวงเดียว ทว่าภายในห้องกลับดูมืดสลัวอยู่บ้า าง เงาร่างนั้นเดินไปที่เตียง เมื่อพบว่าหลินชิงเวยไม่อยู่ที่เตียงและขณะเดียวกันมีเสียงซู่ซ่าของน้ำดังขึ้นจากบ่อน้ำด้านนอก เขารีบสาวเท้าเข้าไปดูจึงทันเห็นหลินชิงเวยเพิ่งขึ นจากน้ำกำลังสวมอาภรณ์ เขาเห็นเพียงแผ่นหลังขาวเนียนละเอียด นางกำลังสะบัดเส้นผมดำขลับของนางออกจากปกคอเสื้อ ทุกๆ อิริยาบถเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน เส้นผมเปียกชื้นทิ้งรอย ยหยดน้ำไว้บนตัวเสื้อ ทำให้คล้ายเห็นคล้ายไม่เห็นเรือนร่างของนาง
หลินชิงเวยผูกสายผ้าคาดเอวเสร็จแล้วจึงค่อยๆ หมุนตัวกลับมามองบุรุษคนหนึ่งยืนอยู่ข้างบ่อน้ำพุร้อนด้วยดวงตาสงบนิ่งราวกับแสงจันทร์และดวงดารา ขณะที่อยู่บนโต๊ะอาหารนางไม่พึงพอใ ใจอย่างเอกอุ ด้วยคนผู้นี้มองนางด้วยสายตาเช่นนี้
คนผู้นี้คือรองแม่ทัพข้างกายท่านหนึ่งของแม่ทัพซุน คิดไม่ถึงว่าจะขวัญกล้าปานนี้ ถึงกับกล้าบุกรุกเข้าห้องของนางในยามวิกาล
หลินชิงเวยยังไม่ได้พูดอันใด เขากลับหัวเราะขึ้นมาเสียก่อน “คนงาม คิดไม่ถึงว่าเจ้ากำลังอาบน้ำ อยากให้ข้าลงน้ำไปอาบน้ำแบบยวนยางอี้กับเจ้าหรือไม่?”
———————–
[1] ปลาจิ๋นหลี่ หมายถึง ปลาคาร์ฟ