ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 13 บทที่ 383 ต้องการความร่วมมือจากนาง
หลินชิงเวยยกยิ้มมุมปาก “ท่านแม่ทัพซุนและท่านอ๋องรู้หรือไม่ว่ายามนี้ท่านมาที่ห้องของข้า?”
บุรุษผู้นั้นหัวเราะ “พวกเขารู้หรือไม่จะแตกต่างกันที่ใด? อยู่ในภูเขาลึกเปล่าเปลี่ยวเช่นนี้ยากนักที่จะหาคนงามราวจะคั้นน้ำออกมาได้เช่นเจ้า เซี่ยนอ๋องยินดีพาเจ้ามาไกลถึงเพีย ยงนี้เพื่อพบหน้าพวกเราซึ่งเป็นบุรุษหลายคน หากมิใช่มีความคิดจะมอบเจ้าให้กับพวกเรา แล้วจะพาเจ้าลำบากลำบนมาถึงสถานที่ห่างไกลเช่นนี้เพื่ออะไร?”
หลินชิงเวยมองออกแต่แรกว่าจิตใจของบุรุษผู้นี้คิดนอกลู่นอกทาง ระหว่างอยู่บนโต๊ะอาหารยังกล้าพูดจาล่วงเกินปานนั้น ทว่าท่านแม่ทัพซุนเพียงแค่ถลึงตาใส่เขาเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าร ระหว่างเขาและแม่ทัพซุนน่าจะมีความเกี่ยวพันกันบางอย่าง
หลินชิงเวย “ในเมื่อเซี่ยนอ๋องพาข้ามาเพื่อมอบให้กับพวกท่าน ย่อมสมควรเป็นแม่ทัพซุนก่อน เจ้าอยู่ข้างหลัง เจ้าไม่กลัวว่าแม่ทัพซุนจะมีโทสะหรือ?”
เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ นางได้ยินบุรุษผู้นั้นพูดอีกว่า “สำหรับแม่ทัพซุนนั้นแทบจะไม่ต้องเป็นกังวล แม้ข้ามีฐานะเป็นรองแม่ทัพของเขา แต่ข้าและเขายังมีความสัมพันธ์เป็นลุงและหล ลาน เขายิ่งไม่ทำอันใดข้า” พูดแล้วก็ก้าวเข้ามาหาหลินชิงเวยทีละก้าวๆ “วันนี้หากเจ้าติดตามข้า วันหน้าย่อมต้องได้ดิบได้ดีตามข้าไปด้วย รอให้แผนการใหญ่ของเซี่ยนอ๋องลุล่วง ข้า าจะได้รับแต่งตั้งเป็นท่านโหว เจ้าย่อมต้องกลายเป็นหงส์ที่บินขึ้นสู่ที่สูงเช่นกัน”
หลินชิงเวยเอียงคอหัวเราะเสียงชั่วร้าย “ดูเหมือนได้ยินท่านกล่าวเช่นนี้ หากข้าติดตามท่านแม่ทัพจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด”
บุรุษผู้นี้ลอบหัวเราะในใจ สตรีล้วนเป็นของเล่นอันโง่เขลา รอให้เขาเสพสุขกับเรือนร่างอันงดงามของนางเสียก่อน ใครจะใส่ใจนางในวันหน้า คิดไม่ถึงว่าการเดินทางมาสู่สถานที่อันห่าง งไกลนี้จะได้พบเหยื่อในอ้อมแขน การเดินทางมาครั้งนี้ไม่สูญเปล่าแล้ว
ขณะที่เขากำลังจะยื่นมือออกมารวบร่างของหลินชิงเวยเข้าสู่อ้อมแขน หลินชิงเวยกลับยื่นแขนเรียวขาวราวเนื้อหยกออกมาวางลงบนหน้าอกของบุรุษผู้นั้น รอยยิ้มบนคิ้วตาของนางเสมือน บุปผาบานสะพรั่ง “ท่านแม่ทัพอย่าใจร้อน สถานที่แห่งนี้มีสายลมยามราตรีพัดมา ทำให้รู้สึกหนาวยิ่ง ไม่สู้ไปที่ห้องของท่านแม่ทัพ ข้ารับรองว่าจะทำให้ท่านแม่ทัพมีความสุขแทบเป็นแทบตาย ยทีเดียว”
บุรุษได้ยินเช่นนั้นพลันรู้สึกหัวใจกระชุ่มกระชวยยิ่ง เขาไม่ระแวงสงสัยใดๆ รีบอุ้มหลินชิงเวยขึ้นมา
หลินชิงเวยพูดกลั้วหัวเราะอย่างโอนอ่อนผ่อนตาม “ประเจิดประเจ้อเช่นนี้มิงามกระมัง หากออกประตูไปแล้วมีคนพบเห็นเข้าย่อมส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของท่านแม่ทัพ ไม่สู้ให้ข้าไปรอท่านแม่ทั พในห้องก่อน ท่านแม่ทัพค่อยตามเข้ามาทีหลัง”
อย่างไรค่ำคืนนี้คนงามตรงหน้าต้องตกเป็นเหยื่อในกำมือของเขาแน่นอนแล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตอนนี้ก็ได้ บุรุษผู้นี้คล้อยตามคำพูดของหลินชิงเวยทุกอย่าง เขาหัวเราะ “ก็ได้ เจ้าไปรอ อข้าในห้องก่อน หากเจ้าคิดจะหนี คืนนี้อย่างไรเจ้าก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของข้าแน่”
หลินชิงเวยหัวเราะเบาๆ เดินเท้าเปล่าผ่านร่างของบุรุษผู้นั้น “ข้าไม่คิดหนี หวังเพียงว่าเมื่อถึงเวลานั้นท่านแม่ทัพอย่าหนีก็แล้วกัน”
ต่อมาภายในห้องของรองแม่ทัพท่านนั้นเกิดเสียงสั่นสะเทือนเบาๆ ลอยออกมา หลินชิงเวยยังคงเดินเท้าเปล่าอยู่บนพื้นไม้กระดานของห้องโดยมิบุบสลายใดๆ ทว่ารองแม่ทัพท่านนั้นกลับก้าว ถอยหลังทีละก้าวๆ ด้วยสีหน้าหวาดกลัว ลูกกระเดือกของเขาถูกเข็มเงินสกัดปิดเอาไว้แล้ว ฝูงงูกำลังเลื้อยเข้าไปหาเขา
หลินชิงเวยชำเลืองมองเขาด้วยดวงตาเย็นชา นางพูดเรียบๆ “การจะได้สัมผัสสาวงามนั้นยากที่สุด เจ้าไม่รู้หรอกหรือ?”
เป็นค่ำคืนที่นอนหลับโดยไม่ฝัน
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หลินชิงเวยถูกเสียงอึกทึกโครมครามจากด้านนอกปลุกให้ตื่น นางสวมเสื้อผ้าทั้งสะลึมสะลือแล้วเดินออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ต่อมาได้ยินเสียงคนกรีดร้อง เสียงแหลม
หลินชิงเวยปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเซียวอี้ “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
เซียวอี้ไม่ตอบ ต่อมามีศพๆ หนึ่งถูกลากขึ้นมาจากบ่อน้ำพุร้อน ศพนั้นถูกแช่อยู่ในน้ำจนขึ้นอืดและซีดขาว ทุกส่วนของร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากรอยฟัน สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าว ว่าพิษนั้นลุกลามจากบาดแผลของเขาไปถึงแขนขากลายเป็นรอยสีเขียวคล้ำ ใบหน้าของเขามีสีหน้าหวาดกลัวและทุกข์ทรมาน...ตายตาไม่หลับ
โรงเตี๊ยมน้ำพุร้อนที่แยกออกจากโลกภายนอกแห่งนี้เป็นทรัพย์สินชิ้นหนึ่งของเซียวอี้ นอกจากบ่าวชาย เสี่ยวเอ้อร์ รวมไปถึงผู้ที่อยู่ที่นี่เพื่อทำหน้าที่ต้อนรับและดูแลแขกของโรงเต ตี๊ยมแล้ว ดูเหมือนแทบจะไม่มีคนนอกเข้าออก
สีหน้าของแม่ทัพซุนสงบนิ่งอย่างที่สุด ดูเหมือนไม่ได้รู้สึกมีโทสะหรือเสียดายที่รองแม่ทัพของเขาคนหนึ่งตายอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนโดยหาสาเหตุไม่ได้ ราวกับคนอย่างรองแม่ทัพคนนั้นม มีความเป็นได้อย่างยิ่งว่าจะตายได้ตลอดเวลา ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แม้รองแม่ทัพที่เสียชีวิตจะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับแม่ทัพซุน ทว่ากลับเห็นได้ชัดว่าแม่ทัพซุนไม่ได้เอ็นดูเขานัก ในทางตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าลูกหลานไม่เอาถ่านเช่นนี้ตายไปก็ดี เหมือนกัน
ทว่าแม่ทัพซุนยังเอ่ยปากถามไถ่ “ท่านอ๋อง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
สีหน้าท่าทางของเซียวอี้เคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด “ดูจากบาดแผลบนร่างกายของเขาแล้วไม่เหมือนเกิดจากการกระทำของมนุษย์” เขาหันไปมองหลินชิงเวย ในแววตานั้นชัดเจนกว่านี้ไม่ได้อีก กแล้ว—ประเดี๋ยวเจ้าต้องอธิบายกับข้าว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? “เวยเวย เจ้าเป็นหมอ เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”
แม่ทัพซุนหันมามองหลินชิงเวยเช่นกัน
หลินชิงเวยจึงก้าวขึ้นข้างหน้าหนึ่งก้าวและมองด้วยสายตาเรียบเฉย จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจว่า “บาดแผลบนร่างกายของเขาเป็นบาดแผลที่เกิดจากงู ที่นี่เป็นภูเขาย่อมมีง งูอย่างเลี่ยงได้ยาก มีความเป็นไปได้ว่าเมื่อคืนแม่ทัพท่านนี้อาจจะไม่ทันระวังไปรบกวนงูเข้า”
เซียวอี้หรี่ตามองหลินชิงเวยปราดหนึ่ง สีหน้าของหลินชิงเวยไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เขาจึงหันไปกล่าวกับแม่ทัพซุน “แม่ทัพซุน ขออภัยจริงๆ นี่อาจเป็นความเลินเล่อของเปิ่นหวางเช่น นกัน ด้วยเห็นว่าสถานที่แห่งนี้มีบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติ ถึงกับคาดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีรังงู กลับไปเปิ่นหวางจะเรียกให้คนขึ้นเขามาจับงูเพื่อเป็นการขอขมารองแม่ทัพหลิว”
แม่ทัพซุนยกมือขึ้นส่ายหน้าแล้วทอดถอนใจ “ไม่รบกวนท่านอ๋องแล้ว ข้าน้อยมิได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก ทว่ากลับไม่เคยพบงูแม้เพียงครึ่งตัว คิดดูแล้วคงเป็นตัวเขาเองที่ไม่เอาถ่านไปก่อเร รื่องอันใดเอาไว้ ในยามปกติไม่ร่ำเรียนวิชา ขาดแคลนทักษะนั้นช่างเถิด กระทั่งงูก็ยังเอาชนะไม่ได้ ตายไปก็ไม่สาสมกับความผิดที่ได้ทำเอาไว้!” ต่อมาเขาสั่งให้รองแม่ทัพข้างกายอีก ท่านหนึ่งนำศพของรองแม่ทัพหลิวกลับไป
หลังจากรองแม่ทัพอีกท่านหนึ่งนำศพกลับไปแล้ว เซียวอี้ลากตัวหลินชิงเวยเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง และมีแม่ทัพซุนอยู่ด้วย
ภายในห้องหอมกรุ่นด้วยกลิ่นของน้ำชา หลินชิงเวยนั่งดื่มชาอยู่ด้านข้าง ฟังเซียวอี้และแม่ทัพซุนวางแผนขั้นต่อไป
ที่แท้แม่ทัพซุนรับผิดชอบกองทหารสามมณฑลได้รวบรวมกำลังไพร่พลทหารหนึ่งหมื่นนายเอาไว้แล้ว เขาลอบสมคบคิดกับเซียวอี้ เวลานี้เซียวอี้รอไม่ได้ เมื่อลูกศรถูกน้าวขึ้นมาแล้วมิอาจม มิปล่อยออกจากแล่ง เขาไม่อาจนั่งรอต่อไปได้อีก รอให้เซียวจิ่นบีบเขาทีละก้าวๆ จนตาย
บัดนี้เขาคิดจะวางแผนล้อมวังหลวง หากเขาสามารถล้อมวังหลวงอย่างราบรื่น บัลลังก์มังกรย่อมเปลี่ยนเจ้าของ เช่นนั้นเขาย่อมกลายร่างจากมัจฉาเป็นมังกรเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า
เพียงแต่ยามนี้เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับเซียวจิ่นที่อยู่ในวังหลวง ที่เขาหนักใจก็คือกองทหารรักษาพระองค์จำนวนสามหมื่นนายที่ทำหน้าที่อารักขาวังหลวง มีเพียงตัดขาดวังหลวงจากข่าวสาร รรอบด้านแล้วเข้าควบคุมกองทหารรักษาพระองค์ของวังหลวง เช่นนั้นความเป็นไปได้ว่าความสำเร็จย่อมมีมากขึ้น เพราะการโยกย้ายกองกำลังทหารสนับสนุนจากรอบนอกเข้ามาช่วยเหลือนั้นต้องใช้เวลา อย่างน้อยหนึ่งถึงสองวัน ขอเพียงเซียวอี้และแม่ทัพซุนควบคุมวังหลวงให้ได้ภายในหนึ่งวัน กองกำลังทหารสนับสนุนย่อมหมดหนทางช่วยเหลือเซียวจิ่น
เพียงแต่ทำอย่างไรจึงจะควบคุมกองทหารจิ่นเว่ยได้เล่า?
เซียวอี้หันไปมองหลินชิงเวย แม่ทัพซุนไม่กระจ่างแจ้งจึงมองมาทางนางเช่นกัน
เซียวอี้ “เวยเวยสามารถเข้าออกวังหลวงได้อย่างอิสระ ดังนั้นส่วนที่สำคัญที่สุดยังคงต้องอาศัยเจ้า”
หลินชิงเวยพูดอย่างเห็นขัน “พวกท่านคงไม่ให้สตรีบอบบางเช่นข้าเพียงคนเดียวต่อสู้กับกองทหารรักษาพระองค์มากมายเช่นนั้นกระมัง?”
เซียวอี้พูดยิ้มๆ “ขอเพียงทำให้พวกเราเข้าไปแฝงตัวอยู่ในกองทหารรักษาพระองค์ได้ เรื่องราวย่อมสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว จับโจรต้องจับหัวหน้าโจรก่อน เหตุผลนี้เจ้าควรจะกระจ่างแจ้ง กว่าผู้ใด หากสามารถควบคุมผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ได้ เรื่องทุกอย่างล้วนเป็นเช่นน้ำมาคลองเกิด”