ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 13 บทที่ 384 ที่ทำได้มีเพียงเท่านี้
หลินชิงเวยมุมปากกระตุกอย่างมิยี่หระ “เซียวอี้ ท่านคิดง่ายเกินไปหรือไม่ ไม่ทราบว่าทหารจำนวนหนึ่งหมื่นนายนั้น ล้วนมีเป็นทหารฝีมือดีทั้งสิ้น? ล้วนได้ผ่านการเตรียมการอย่างรอบ บคอบแล้ว?”
แม่ทัพซุนกล่าว “เรื่องนี้แม่นางไม่ต้องเป็นห่วง ข้าผู้แซ่ซุนกรำศึกมาเป็นเวลากว่ายี่สิบปี กำลังทหารหนึ่งหมื่นนายสามารถรับมือทหารหนึ่งถึงสองหมื่นนายได้ไม่มีปัญหา”
ทว่าทหารของกองทหารรักษาพระองค์ล้วนเป็นทหารฝีมือมือดีทุกนายเช่นกัน
หลินชิงเวยเงียบขรึมเนิ่นนาน เซียวอี้กำลังรอคำตอบของนาง
รอกระทั่งน้ำชาเย็นชืด นางจึงเงยหน้าขึ้นมองเซียวอี้ด้วยสายตาสงบนิ่ง “หากท่านอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตน เป็นท่านอ๋องว่างงานแต่ในนามคงไม่จำเป็นต้องหารือเรื่องนี้ หากท่านเริ่ มเดินหมากก้าวนี้แล้ว ย่อมไม่มีทางเลือกให้ท่านหันหลังกลับเป็นแน่ คนแซ่เซียว ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าจะหันหลังให้เส้นทางรอดอื่นๆ?”
เซียวอี้ชี้ไปยังทิศทางของท้องพระโรง ณ ตำแหน่งตรงกลางของท้องพระโรงมีบัลลังก์มังกรวางอยู่ นั่นเป็นสิ่งที่เขาปรารถนากระทั่งในความฝัน
เซียวอี้หัวเราะกับนาง “หากมิใช่สิ่งที่ใจข้ามุ่งมั่นปรารถนา ข้าไหนเลยจะทุ่มเทแรงกายแรงใจเช่นนี้ แล้วไยจึงต้องพาเจ้ามายังสถานที่แห่งนี้? ต่อให้ต้องตัดขาดเส้นทางหนีรอดอื่นๆ จ จนหมดสิ้น ข้าจึงจะเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่มีห่วงหรือกังวล เพื่อบุกเบิกเส้นทางใหม่ที่รุ่งโรจน์ยิ่งกว่านี้”
หลินชิงเวยได้แต่หลุบตาลงคลี่ยิ้มบางๆ “ช่างเถิด ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าท่านเป็นคนเช่นไร เป็นไก่ป่าหรือเป็นหงส์ มีเพียงเดินไปจนสุดสายจึงจะรู้แน่ชัดได้ หวังว่าท่านจะเป็นหงส ส์ที่สามารถเกิดใหม่อีกครั้งในเวลาที่เหมาะสมที่สุด” นางไม่ให้เวลาเซียวอี้ใคร่ครวญความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนี้นานนัก นางเงยหน้ามองเขาแล้วพูดอีกว่า “วันนี้หากข้าไม่รับปาก กท่าน เกรงว่าคงไม่มีชีวิตเดินออกไปจากที่นี่ใช่หรือไม่? หลังจากการตายของจู๋กุ้ยเหริน เซ่อเจิ้งอ๋องได้จัดระเบียบการป้องกันกองทหารรักษาพระองค์ของวังหลวงใหม่ทั้งหมด บังเอิญยิ่งน นักที่ข้าอยู่ข้างกายเขาในเวลานั้น หากการกระจายอำนาจและแผนผังโดยรวมทั้งหมดในภายหลังมิได้มีการปรับเปลี่ยนใหญ่ ข้าพอจะรู้คร่าวๆ”
ต่อมาในวังหลวงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นครั้งจู๋กุ้ยเหริน ด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยได้ยินว่าระเบียบการป้องกันมีการปรับเปลี่ยน ต่อให้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ส่งผลกระทบอันใดมากนัก
ดวงตาทั้งคู่ของเซียวอี้เบิกกว้างด้วยอย่างคาดไม่ถึง “มิเสียแรงที่เป็นเวยเวย มีความช่วยเหลือจากเจ้าย่อมต้องเหมือนพยัคฆ์ติดปีก”
หลินชิงเวยรีบพูดอีกว่า “ทหารรักษาพระองค์ฟังคำสั่งจากผู้บัญชาการสูงสุดเท่านั้น ในอดีตผู้บัญชาการสูงสุดคือเซ่อเจิ้งอ๋อง แต่บัดนี้พวกเขาฟังคำสั่งจากฮ่องเต้ คิดจะให้คนของแม่ทั พซุนแฝงกายเข้าไปในกองทหารรักษาพระองค์ มิใช่เรื่องยากอันใด”
ยากที่แม่ทัพซุนจะจินตนาการออกมาได้ว่าสตรีสูงศักดิ์รูปร่างบอบบางจะพูดคำว่า มิใช่เรื่องอันใดต่อหน้าเขา ทำให้เขารู้สึกเย้ยหยันอยู่บ้าง หลินชิงเวยกระจ่างแจ้งหรือไม่
หลินชิงเวยดูเหมือนจะอ่านความคิดในใจของเขาออก จึงหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เรื่องเกี่ยวกับการทหารนั้น ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ข้าเพียงแต่ยึดหลักการที่ว่าจับโจรต้องจับหัวหน้าโจรก่อน ขอ อเพียงควบคุมผู้บังคับบัญชากองทหารรักษาพระองค์และรองแม่ทัพของกองทหารรักษาพระองค์เอาไว้ได้ มิใช่เท่ากับควบคุมกองทหารรักษาพระองค์ได้ทั้งหมดหรอกหรือ ทันทีที่ผู้บังคับบัญชากองทหารร รักษาพระองค์มีคำสั่งลงมา ทหารหนึ่งหมื่นนายในมือของแม่ทัพซุนย่อมเข้าวังหลวงได้ เช่นนั้นแผนการใหญ่ย่อมสำเร็จ”
เซียวอี้ถาม “เวยเวย เจ้ามีความเห็นอย่างไร?”
หลินชิงเวยตวัดสายตามองไปทางเขา “ท่านมาหาข้า มิใช่รู้แต่แรกแล้วหรอกหรือว่าข้ามีแผนการอะไร? ก็แค่หน้ากากหนังมนุษย์เพียงไม่กี่แผ่น หากคนของแม่ทัพซุนแฝงกายเข้าไปในฐานะผู้บั งคับบัญชาตัวปลอม ยังมีผู้ใดขัดขวางท่านได้อีก? ที่ข้าพอจะคิดออกมีเพียงเท่านี้”
เซียวอี้กุมมือของนางเอาไว้ “สิ่งเหล่านี้ที่เวยเวยทำเพื่อข้าถือว่าเพียงพอแล้ว”
เมื่อถึงยามบ่ายสิ่งที่ควรหารือได้หารือเสร็จสิ้นและได้ข้อสรุป แม่ทัพซุนจึงออกจากโรงเตี๊ยมบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ หลังจากเซียวอี้ส่งแม่ทัพซุนออกไป เขากลับมายังห้องของหลินชิงเวย เซียวอี้นั่งหันหน้าไปทางน้ำพุร้อน มือหนึ่งค้ำโต๊ะ อีกมือหนึ่งยกน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะขึ้นดื่มพร้อมกับมองหลินชิงเวยผ่านม่านไอน้ำของน้ำพุร้อน เส้นผมดำราวกับขนกาของนางแผ่ สยายอยู่บนผิวน้ำ คนทั้งคนจมลงในบ่อน้ำพุร้อน เห็นเพียงศีรษะที่อยู่ด้านนอก
แม้เซียวอี้จะนั่งอยู่ด้านข้าง แต่นางกลับทำราวกับปราศจากผู้คน แช่น้ำของตนไปเรื่อยๆ
เซียวอี้ถามขึ้นว่า “เจ้าจะดื่มน้ำชาหรือไม่?”
หลินชิงเวยไม่ได้ตอบเขา เขารินน้ำชามาให้หลินชิงเวยหนึ่งถ้วย ใช้ถาดไม้ใบหนึ่งวางลงบนผิวน้ำแล้วผลักไปหานาง
เมื่อถาดไม้มาถึงใกล้มือ หลินชิงเวยยกขึ้นจิบหนึ่งคำ
“เหตุใดเจ้าต้องสังหารรองแม่ทัพหลิวผู้นั้น?” จู่ๆ เซียวอี้ก็ถามขึ้นพร้อมกับเป่าใบชาที่ลอยอยู่ในถ้วย
หลินชิงเวยถามกลับ “ตาข้างไหนของท่านเห็นข้าสังหารเขา?”
ริมฝีปากเซียวอี้ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มเย็นชา “สถานที่แห่งนี้ของข้าไม่มีรังงู นอกจากเจ้าแล้วจะมีผู้ใดสามารถเรียกงูมากมายมาที่นี่ได้อีก?”
“แม่ทัพซุนไม่รู้สึกเสียดายที่เขาตาย แต่ท่านกลับรู้สึกเสียดายหรือ?” หลินชิงเวยพูด “ข้าเห็นแม่ทัพซุนมีท่าทางราวกับโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด”
เซียวอี้ “ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้น เวยเวย เจ้าไม่ต้องจริงจังถึงเพียงนี้”
หลินชิงเวยพูดเรียบๆ “หรือท่านอ๋องพาข้าซึ่งเป็นสตรีอ่อนแอเพียงคนเดียวมาที่นี่เพื่อสร้างความสุขให้กับบุรุษเหล่านี้?”
สีหน้าเซียวอี้ชะงักงัน “ดูแล้วเขาสมควรตายจริงๆ”
แม้เรื่องราวจะได้ข้อสรุปแล้ว ทว่าเซียวอี้มิได้รีบร้อนพาหลินชิงเวยกลับไปเมืองหลวง สถานที่แห่งนี้นับเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักฟื้นร่างกายโดยแท้จริง หลินชิงเวยแช่กายในบ่อน้ ำพุร้อนทุกวันและไปเดินออกกำลังด้านหลังภูเขา ช่วยให้จิตใจผ่องใสอีกด้วย
นางขับไอเย็นออกไปจากร่างกายและดื่มสุราถ้วยเล็กๆ สักสองถ้วยเป็นครั้งคราวเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย แต่มิได้ดื่มจนเมาหัวราน้ำเช่นในกาลก่อน ดูเหมือนนางจะกลับไปเป็น หลินชิงเวยคนเดิมที่รักและทะนุถนอมสุขภาพของตนเองอย่างยิ่ง ราวกับนางไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
บัดนี้พวกเขามีจุดประสงค์และเป้าหมายเดียวกันแล้ว เซียวอี้จึงไม่มีเวลามาทำตัวสำมะเลเทเมาเป็นเพื่อนหลินชิงเวยอีก เขาคิดว่าหลินชิงเวยกำลังค่อยๆ เดินออกจากเงามืดในจิตใจทีละน้อย แ แล้วเผชิญหน้ากับวันข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นหลินชิงเวยมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้นในคฤหาสน์แห่งนี้เขาจึงดีใจไปด้วย
นับตั้งแต่หลินชิงเวยมาถึงโลกใบนี้ดูเหมือนจะไม่มีเคยเวลาว่างเช่นตอนนี้มาก่อน นางกินข้าวและเข้านอนเป็นเวลา ทั้งยังฝึกโยคะในห้อง ส่งผลให้ร่างกายของนางเปี่ยมไปด้วยพละกำลังโดย ไม่รู้เนื้อรู้ตัว
คืนนี้หลินชิงเวยนอนหลับสนิทอยู่ในห้องในเวลากลางดึก หลังมีประสบการณ์จากรองแม่ทัพหลิวในครั้งที่แล้ว ทำให้นางระวังตัวแม้กระทั่งเวลานอนหลับ นางรู้สึกตัวตื่นขึ้นทันทีเมื่อได้ยิน นเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ จากประตูห้อง นางยังคงนอนอยู่บนเตียงโดยไม่ส่งเสียง
เพียงไม่นาน ดาลประตูก็หลุดออกจากกัน มีคนผลักประตูเข้ามาเบาๆ เงาร่างสีดำสายหนึ่งกำลังเดินเข้ามา
เงาร่างสายนั้นไม่คุ้นเคยกับสภาพภายในห้อง ดูท่าแล้วไม่มีทักษะของโจรขโมย เขาเดินสะเปะสะปะลูบคลำสิ่งของภายในห้องอยู่เนิ่นนานก็หาเป้าหมายไม่พบ ต่อมาเขาเห็นว่าทางด้านนี้มีเตีย ยงหลังหนึ่งในที่สุด จึงเดินเบามือเบาเท้าเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกมาลูบมุมเตียงและลูบคลำขึ้นมาเรื่อยๆ