ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 13 บทที่ 385 เขาเป็นกรณีพิเศษ
ไหนเลยจะคิดว่าเขาลูบคลำขึ้นมาได้ครึ่งหนึ่งกลับพบว่าในผ้าห่มมีมืออบอุ่นข้างหนึ่งยื่นออกมาจับข้อมือของเขาเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ เขาตกตะลึงและตั้งตัวไม่ติด หลินชิงเวยออกแรงบิดข้อมือของเขาทันที
ความเจ็บปวดในขณะนั้นทำให้เขาต้องกัดฟัน เพราะไม่กล้าส่งเสียงร้องออกมา
หลินชิงเวยตวัดผ้าห่มออกไปคลุมศีรษะของคนผู้นั้นพร้อมกับเตะเขากระเด็นลงไปบนพื้น หลินชิงเวยพลิกตัวลงจากเตียง อีกฝ่ายรีบลุกขึ้นมาจากผ้าห่มอย่างมือเท้าว่องไวเช่นกันเพียงแต่ปฏิกิริยาของเขาช้ากว่าหลินชิงเวย หลินชิงเวยรอจังหวะอยู่แล้ว เขาเพิ่งจะคลานออกมาจากผ้าห่ม นางก็จับเขาทุ่มลงพื้นด้วยเทควันโดราวกับเขาเป็นดินโคลนก้อนหนึ่ง
ขณะที่มือของหลินชิงเวยกำลังจะสกัดจุดที่ลำคอของเขา เขาตะโกนร้องเสียงดัง “ช่วยด้วย มีคนกำลังจะตายแล้ว!”
มือของหลินชิงเวยหยุดชะงักค้างอยู่บนกระดูกไหปลาร้าใต้ลำคอของเขา มารดามันเถอะ ดูเหมือนเสียงนี้จะคุ้นๆ หูอยู่บ้างนะ
ขณะเดียวกันเซียวอี้ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่ดังออกไปจากห้องนี้ เขาจึงรีบรุดมาทันทีพร้อมกับจุดโคมไฟในห้องให้สว่างขึ้น
เปลวไฟเท่าเมล็ดถั่วพลันค่อยๆ สว่างขึ้นภายในห้อง แสงไฟในห้องส่องเงาร่างอันแตกต่างของคนทั้งสามสะท้อนขึ้นไปบนผนังห้อง
หลินชิงเวยสวมเสื้อนอน เท้าเปล่า ฟูกนอนตกลงมาบนพื้นเละเทะยุ่งเหยิง
เส้นผมดำขลับของนางปล่อยตัวทิ้งลงมาระใบหน้าด้านข้าง ขับให้ใบหน้าของนางงดงามยิ่งขึ้น ทว่าสีหน้าบนใบหน้ากลับทำให้คนรู้สึกหนาวเหน็บ ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายเจิดจ้า ทว่ากลับบีบคั้นผู้คน บนไหล่ของนางมีชิงหลันขดกายนั่งอยู่ มันกำลังอ้าปากโชว์เขี้ยว ราวกับเตรียมพร้อมที่จะจู่โจมใส่คนที่คิดมิดีมิร้ายกับหลินชิงเวยทุกๆ นาที
หากเมื่อสักครู่เขาไม่ร้องตะโกนออกมา เกรงว่าหลินชิงเวยคงจะเล่นงานเขาด้วยศอกเพื่อหักคอเขาเป็นแน่ อย่าได้เห็นว่านางมีรูปร่างเล็กบอบบาง ทว่านางกลับมีเรี่ยวแรงมหาศาล
หลังจากเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน ทั้งสองคนถึงกับตะลึงงัน
“หลีเช่อ?” หลินชิงเวยเรียกออกมาอย่างไม่แน่ใจนัก ไม่ผิด นาทีนี้ผู้ที่ถูกนางทุ่มลงไปบนพื้นเป็นหลีเช่อแน่แล้ว ภายใต้อาภรณ์สีแดงบนร่างของเขาท่ามกลางแสงไฟในห้อง ส่งให้เขาดูแดงสดราวกับเปลวเพลิง ใบหน้าของเขาราวกับดอกไห่ถังที่เพิ่งจะเบ่งบาน ไฝที่อยู่ระหว่างคิ้วเม็ดนั้นมีชีวิตชีวาราวกับจะหยดออกมาเป็นหยดน้ำตา
ส่วนหลีเช่อ เขาไม่เคยเผชิญหน้ากับหลินชิงเวยในยามที่เต็มไปด้วยพลังการโจมตีและทำลายล้างเช่นนี้มาก่อน เขานอนอยู่บนพื้นมองสีหน้าของนางที่เปลี่ยนจากเย็นชาเป็นตกตะลึง เขาเองถึงกับตกใจอยู่บ้าง
เขาถึงกับคิดด้วยความหวาดกลัว หากเมื่อสักครู่เขาไม่ส่งเสียง สตรีที่ภายนอกดูเหมือนต้องการการปกป้องจากผู้อื่นอาจจะสังหารตนเองไปแล้วกระมัง…ยังมีงูตัวนั้นบนหัวไหล่ของนางอีก บนร่างของงูมีลวดลายสีเขียวสดใส ทันทีที่เห็นก็รู้ว่าเป็นงูมีพิษร้ายแรงสุดจะเปรียบ น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน
“เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่ในเวลานี้?” หลินชิงเวยขมวดคิ้ว
หลีเช่อชี้ไปที่หัวไหล่ของหลินชิงเวย เขากลืนน้ำลายลงคอ “ข้าเดินผิดห้องไม่ได้หรือ…เจ้า…เอางูตัวนั้นออกไปก่อนได้หรือไม่ เห็นแล้วน่ากลัว”
ชิงหลันเลื้อยลงมาจากไหล่ของหลินชิงเวยแล้วหายลับไปโดยไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวอยู่ที่ใด หลินชิงเวยปล่อยตัวหลีเช่อแล้วจึงปัดๆ อาภรณ์ลุกขึ้นยืน หยิบผ้าห่มขึ้นมาบนเตียง
หลีเช่อเบ้ปากด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เขามองรอยแดงบนข้อมือ “ข้าคิดไม่ถึง เจ้าถึงกับ…ถึงกับ…ลงมือกับข้าได้ลงคอ”
หลินชิงเวย “ข้าไม่รู้ว่าเป็นเจ้า ใครใช้ให้เจ้าเข้ามาลับๆ ล่อๆ”
เซียวอี้ยักไหล่ “ดูแล้วเป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้น คุณชายหลี ห้องของท่านอยู่ด้านข้าง ท่านเดินเข้าห้องผิดใช่หรือไม่?”
หลีเช่อ “ถูกต้อง ข้าคิดอยู่เหตุใดบนเตียงมีคนนอนอยู่คนหนึ่ง ยังคิดว่านี่เป็นบริการพิเศษของที่นี่เสียอีก ประตูนี้ไม่ปลอดภัยเกินไปแล้ว กระทั่งข้าก็เปิดได้ กลางค่ำกลางคืนป้องกันไฟไหม้ ป้องกันขโมยไม่ได้แม้แต่น้อย”
หลินชิงเวยกลับเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง นางเอนกายพิงหัวเตียง “เหตุใดเจ้าจึงมาดึกดื่นเช่นนี้?”
หลีเช่อ “ข้าออกเดินทางตั้งแต่เช้า แต่สถานที่แห่งนี้หายากเหลือเกิน ระหว่างทางข้าหลงทางด้วย จึงหาสถานที่แห่งนี้พบอย่างมิง่ายดายนัก”
หลินชิงเวยหันไปมองเซียวอี้ “ท่านให้เขามาที่นี่?”
เซียวอี้พูดกลั้วหัวเราะ “กลัวเจ้าเบื่อหน่าย”
หลินชิงเวยหรี่ตาลงมองเซียวอี้ หากนางเชื่อคำพูดของเขาก็แปลกแล้ว
เซียวอี้กลับห้องไปนอนก่อน หลินชิงเวยเห็นรอยช้ำเขียวบนมือของหลีเช่อ ในใจนางจึงรู้สึกผิดอยู่บ้าง “ขอโทษ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นเจ้า” นางดูเหมือนจะพบว่าสายตาที่หลีเช่อมองนางเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ตรองดูแล้วน่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อสักครู่ นางมิได้ออมมือแม้ครึ่งส่วน คงทำให้เขาตื่นตระหนกตกใจแล้วจริงๆ ยามนี้ดูเหมือนมีท่าทีห่างเหินเล็กน้อย
ดวงตาของหลีเช่อที่มองนางไหววูบ เนิ่นนานจึงปริปาก “สตรีช่างน่ากลัว”
หลินชิงเวยยักไหล่ หัวเราะอย่างจนใจ “ออกจากเรือนมาอยู่ข้างนอก หากไม่มีการป้องกันตัวเลยย่อมเสียเปรียบอย่างง่ายดาย เจ้าโปรดเข้าใจด้วย” นางกวักมือให้หลีเช่อ “มานี่ ให้ข้าดูมือของเจ้า ข้าคิดว่าข้าบิดข้อมือของเจ้าหลุด”
“…ไม่หรอก”
หลีเช่อมองนางด้วยสายตาที่ใช้มองแม่เสือ หลินชิงเวยพยายามใช้ไม้อ่อน ในที่สุดก็ทำให้หลีเช่อมานั่งริมเตียงนางได้สำเร็จ
หลินชิงเวยเพิ่งจะแตะถูกข้อมือของเขาก็เลิกคิ้วถามเขาว่า “ข้าทำให้เจ้าตกใจถึงเพียงนั้น?”
“เมื่อสักครู่เจ้าคิดจะสังหารข้าให้ตายกระมัง…หา!”
หลินชิงเวยฉวยโอกาสตอนที่เขาหันเหความสนใจไปเรื่องอื่น บิดข้อมือของเขาเข้าที่อย่างรวดเร็ว ทั้งยังใช้ปลายนิ้วนวดคลึงรอบข้อมือเขาเบาๆ แม้เริ่มแรกจะเจ็บอยู่บ้าง ทว่าความเจ็บปวดนั้นค่อยๆ บรรเทาเบาบางลงไป มีความรู้สึกชาและบวมเล็กน้อย แม้หลีเช่อจะไม่อยากยอมรับ แต่มัน…สบายตัว
หลินชิงเวยก้มหน้า “หากเป็นคนอื่น ข้าอาจจะสังหารเขา แต่กับเจ้า ข้าไม่” นางพูดเนิบๆทว่าในน้ำเสียงกลับทำให้คนรู้สึกเชื่ออย่างมิอาจบรรยายได้
ในใจหลีเช่อมีความรู้สึกนับหมื่นโถมเข้ามา ดูเหมือนตนเองในสายตาของนางต่างจากผู้อื่น ความรู้สึกที่ถูกผู้อื่นให้ความสำคัญ ถูกคนผู้หนึ่งนำไปใส่ใจ อาจเป็นเพราะไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เขาบังเกิดความรู้สึกอุ่นซ่านขึ้นกลางใจ
หลีเช่อ “นี่เจ้าคงไม่ได้เห็นว่าข้าหน้าตาดี จึงเป็นกรณีพิเศษกระมัง?”
หลินชิงเวยหัวเราะขึ้นมา “เจ้าจะคิดเช่นนี้ก็ได้” นางเงยหน้าขึ้นมามองเขาและพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ในสถานการณ์ที่ข้ารู้ว่าเป็นเจ้า ข้าจะไม่มีวันทำร้ายเจ้าเด็ดขาด” หลีเช่อตะลึงงันเล็กๆ นางหัวเราะอีกแล้ว “หาได้ยากนักที่พวกเราจะมีวาสนาต่อกันเช่นนี้ มิใช่หรือ”
ราวกับหลีเช่อตกลงไปในดวงตาอันอบอุ่นของนาง เขาได้สติกลับมาอย่างมิง่ายดาย เห็นหลินชิงเวยยังคงนวดคลึงข้อมือให้เขา จึงอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ก็ได้ๆ เห็นแก่ที่เจ้าช่วยข้าทำแผลและขออภัยด้วยความจริงใจเช่นนี้ ข้าอภัยให้เจ้าแล้ว”
หลินชิงเวยมองมือของเขา “ยังเขียวอยู่เล็กน้อย ข้าไม่ได้นำยาลดรอยฟกช้ำติดตัวมาด้วย เจ้ารอสักครู่” หลินชิงเวยลงจากเตียงสวมรองเท้าแล้วเดินออกไปทางบ่อน้ำพุร้อน ท่ามกลางแสงไฟสลัวจากโคมไฟ หลีเช่อเห็นนางโน้มกายลงบนพื้นหญ้าข้างบ่อน้ำเพื่อหาสิ่งใด