ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 13 บทที่ 386 ไม่เป็นอริกับเจ้า
ดูเหมือนนางหาพบแล้วจึงเดินกลับมา “ในภูเขาลูกนี้พบเห็นสมุนไพรได้ทุกที่ คิดจะหาใบสะระแหน่มาใช้มิใช่เรื่องยากอันใด” พูดแล้วนางก็ส่งสมุนไพรเข้าปากเคี้ยวให้ละเอียดจากนั้นแปะลงบนข้อมือของหลีเช่อ “จะรู้สึกเย็นๆ นอนหลับตื่นขึ้นมาก็ไม่มีอะไรแล้ว”
เมื่อหลีเช่อออกมาจากห้องของหลินชิงเวยเขาถามขึ้นอีกว่า “กลางดึกกลางดื่นมีคนลอบเข้ามา ที่จริงเจ้าคงตระหนกตกใจไม่น้อยกระมัง?”
หลินชิงเวยพยักหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “แน่นอน ข้าเป็นสตรี เมื่ออยู่ในโลกที่ให้บุรุษเป็นใหญ่ ข้าย่อมต้องอ่อนแออย่างยิ่ง”
ทุกๆ การกระทำและการพูดจาของหลินชิงเวยสำหรับหลีเช่อแล้ว เขาไม่ประหลาดใจอันใดอีก เขาเงียบขรึมแล้วกล่าวขึ้นว่า “ข้าสำหรับเจ้าแล้ว นับว่าเป็นกรณีพิเศษหรือไม่?”
รอยยิ้มในดวงตาของหลินชิงเวยสว่างไสวขึ้นอีก รอยยิ้มนั้นงดงามประดุจดอกท้อ ไร้สิ่งใดเทียบเทียม นางเอ่ยขึ้นว่า “แน่นอน พวกเราเป็นเพื่อนกัน”
หลีเช่อกลับไปนอนพักผ่อน เมื่อเขาตื่นขึ้นในวันถัดมาก็ทำเหมือนไม่เคยมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น
โรงเตี๊ยมบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่ยิ่ง ไม่เพียงแต่มีสิ่งแวดล้อมงดงาม อากาศสดชื่น ยังมีอาหารแปลกๆ รสชาติอร่อยและน้ำพุร้อน นับว่าเป็นสถานที่สำหรับเสวยสุขโดยแท้
ขณะกินอาหารมื้อเที่ยง หลีเช่อบีบแขนของหลินชิงเวย เขาคอยจับจ้องว่าตะเกียบของหลินชิงเวยจะคีบเนื้อชิ้นไหนแล้วชิงตัดหน้าคีบมากินก่อน “งูในคืนนั้น…ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเจ้า”
“พอใช้ได้”
“ข้าเห็นมันโอ้อวดดุร้ายปานนั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากนำมาตุ๋นในหม้อจะอร่อยหรือไม่”
หลินชิงเวยชำเลืองมองเขา “เจ้าไม่รู้ว่างูเป็นสัตว์เจ้าคิดเจ้าแค้นหรือ ก่อนหน้าที่เจ้าจะมาถึงที่นี่หนึ่งหรือสองวัน ที่นี่เพิ่งมีคนตายไปคนหนึ่ง บนร่างของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยถูกงูกัด อาจเป็นเพราะเขาก็อยากกินเนื้องูเช่นกันกระมัง”
“…”
ยามบ่ายหลีเช่อแช่กายในบ่อน้ำพุร้อนจนสบายไปทั้งตัว ด้วยไม่มีสิ่งใดทำ เขาจึงเรียกหลินชิงเวยและเซียวอี้มารวมตัวกัน “พวกเรามีด้วยกันสามคนพอดี มาเล่นโต้วตี้จู่ [1] กันดีหรือไม่?”
หลินชิงเวย “…” เมื่อคนผู้นี้มาถึง สถานที่แห่งนี้ไม่เงียบเหงาจริงๆ
เซียวอี้ถาม “ผู้ใดเป็นตี้จู่?”
หลีเช่อรีบหยิบไพ่โป๊กเกอร์ที่เขาติดตัวมาด้วยออกมาทันที เขาอธิบายกฎกติกาการเล่น แล้วถามว่า “พวกท่านฟังกฎกติกาการเล่นกระจ่างแจ้งแล้วกระมัง? เช่นนั้นพวกเราเริ่มเล่นเถิด คนที่แพ้เยอะที่สุด คืนนี้ต้องทำอาหารให้ทุกคนกิน”
…
ล่วงเลยสู่เวลากลางคืนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แสงจันทร์และดวงดาวดารดาษปรากฏอยู่บนท้องฟ้า หลีเช่อกำลังย่างสัตว์ป่าที่ล่ามาได้อยู่ในลานเรือนด้านหน้า หลินชิงเวยและเซียวอี้มีหน้าที่กิน เขามีหน้าที่ย่าง
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางคาดคิดว่า สิ่งของที่คนในยุคสมัยปัจจุบันเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา เขาเป็นคนที่มาจากยุคสมัยปัจจุบันคนหนึ่ง กลับแพ้ให้กับคนในยุคสมัยอันล้าหลัง!
คนทั้งสามพำนักอยู่ในโรงเตี๊ยมบ่อน้ำพุร้อนล้วนมีสิ่งของแปลกใหม่มาให้เล่นเสมอ หากอาศัยอยู่บนโลกที่ตัดขาดจากโลกภายนอกก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง
เพียงแต่เมื่อถึงเวลาต้องกลับสู่โลกของความจริงก็ต้องกลับไป
กว่าพวกเขาทั้งสามคนจะกลับไปถึงเมืองหลวง เวลาก็ล่วงเลยไปอีกสามถึงห้าวัน
เซียวอี้กำหนดวันลงมือตามแผนการเป็นวันส่งท้ายของปีนี้ ด้วยเหตุนี้จึงมีเวลาสองถึงสามเดือนสำหรับการเตรียมการอย่างเต็มที่
หากหลินชิงเวยต้องการทำหน้ากากหนังมนุษย์ของผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทหารรักษาพระองค์ นั่นนางจำเป็นต้องได้ใบหน้าของผู้บังคับบัญชาสูงสุดมาเป็นแบบ ทำอย่างไรจึงจะทำให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดหายตัวไปอย่างไม่มีผู้ใดรู้ แล้วยังต้องเปลี่ยนเป็นคนของเซียวอี้ จุดนี้นับเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งยวด
ระยะนั้นหลินชิงเวยกลับวังบ่อยๆ อีกทั้งยังพาหลีเช่อเดินเล่นไปทุกหนทุกแห่งในวัง เพื่อทำความคุ้นเคยกับเส้นทางในวังหลวง รวมไปถึงศึกษาการวางกองกำลังรักษาการของกองทหารรักษาพระองค์ให้กระจ่างแจ้ง
หลินชิงเวยคาดเดาไว้ไม่ผิด หลังจากเกิดเรื่องของจู๋กุ้ยเหริน โครงสร้างการป้องกันโดยส่วนใหญ่ของวังหลวงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันใดนัก
อาจเป็นเพราะหลินชิงเวยได้เบี่ยงเบนความสนใจของตน ต่อมานางจึงได้ยินเรื่องราวระหว่างไทเฮาและสุ่ยฉ่ายชิงน้อยมาก
ระหว่างที่เดินอยู่ด้วยกันหลินชิงเวยพูดเสียงเบา “หลีเช่อ เจ้าไปยืนอยู่ข้างฝ่ายเซี่ยนอ๋องอย่างชัดเจนเช่นนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเซี่ยนอ๋องกำลังคิดจะทำเรื่องใดอยู่?”
หลีเช่อตอบ “รู้ เขาต้องการก่อกบฏไงเล่า”
“หากกระทำการสำเร็จยังนับว่าดี หากล้มเหลว ไม่เพียงแต่เจ้า ยังมีชีวิตของคนทั้งหมดในคฤหาสน์หลังนั้นและคนในครอบครัวล้วนต้องชดใช้ด้วย”
หลีเช่อย้อนถาม “เช่นนั้นเหตุใดเจ้ายังต้องช่วยเหลือเขา?”
“มิใช่มีเจ้าเพิ่มขึ้นมาอีกคนหรอกหรือ ข้าย่อมไม่เป็นอริกับเจ้า”
หลีเช่อพูดเนิบๆ “ข้าคิดว่าความรู้สึกรับผิดชอบในใจของเจ้ามากเกินไป” เขาเอาแขนทั้งสองมารองศีรษะต่างหมอนแล้วเดินเข้ามาหยุดข้างกายหลินชิงเวย “นับแต่โบราณมา ผู้ต้องการขึ้นเป็นใหญ่คนใดบ้างที่มิต้องต่อสู้ฟาดฟันกันจนโลหิตไหลย้อมปฐพี นี่เป็นเรื่องที่ธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง พวกเราเป็นชาวบ้านไม่ว่าผู้ที่ขึ้นมาเป็นใหญ่จะเป็นผู้ใด ขอเพียงพวกเราสามารถกินอิ่มท้อง มีอาภรณ์สวมให้ร่างกายอบอุ่นมิใช่เพียงพอแล้วรึ ดังนั้นคนเช่นพวกเราเพียงแต่มิอาจมิยืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง ส่วนที่ว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปทางด้านใด ล้วนอยู่เหนือการควบคุมของพวกเรามิใช่หรือ?”
หลินชิงเวยมองเขา “เจ้ากลับมองทุกสิ่งอย่างปล่อยวาง”
ต่อมาพวกเขาล่วงรู้มาว่าท่านผู้บังคับบัญชาสูงสุดกองทหารรักษาพระองค์โดยส่วนใหญ่มักจะพำนักอยู่ในวังหลวง เขาจะมีวันหยุดหนึ่งวันในเดือนหนึ่งๆ ที่จะออกจากวังได้
นั่นย่อมเป็นโอกาส
เพียงแต่ท่านผู้บังคับบัญชาสูงสุดไม่ชอบดื่มสุราเคล้านารี ไม่ละโมบในทรัพย์ ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดี ถึงกับไม่มีช่องโหว่ใดๆ ให้พวกนางฉวยโอกาสเข้าแทรกแซง
ทว่าตามที่หลีเช่อพูดเอาไว้ “เฮอะ เรื่องเหล่านั้นล้วนเชื่อไม่ได้ทั้งสิ้น ในฐานะบุรุษสำหรับข้าแล้ว บุรุษล้วนเลือดร้อน เป็นสัตว์เลือดอุ่นชนิดหนึ่ง คนผู้นั้นไม่ดื่มสุราไม่เคล้านารี ไม่ละโมบในทรัพย์ ไม่ชอบแก่งแย่งชิงดี ย่อมเป็นเพราะไม่มีสุราคู่ควรและสตรีรูปโฉมงดงามมากพอ สตรีที่มีรูปโฉมงดงามเพียงพอ ลาภยศเงินทองที่มากมายพอ และคู่ต่อสู้ที่เหี้ยมโหดพอ”
เมื่อหิมะเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้า ลมอันหนาวเย็นพัดกรูกันเข้ามา หิมะเล็กๆ ประดุจบุปผาละเอียดราวกับถูกฟาดด้วยไม้ขนไก่ ร่วงลงมาใส่จมูกเขา ทำให้หนาวเย็นจนต้องกระแอมกระไอ
หลินชิงเวยสวมอาภรณ์ผ้าฝ้ายทั้งชุดยืนอยู่ข้างกำแพง ดวงตาของนางราวกับมีดวงดาราอยู่ในนั้น ช้อนตาขึ้นมองหิมะที่ค่อยๆ ตกลงมาจากท้องฟ้าช้าๆ พร้อมกับยื่นมือออกไปรับ หิมะที่ตกลงมาใส่ฝ่ามือของนาง ให้ความรู้สึกเย็นและละลายกลายเป็นน้ำ เมื่อเทียบกันแล้ว หลีเช่อที่สวมอาภรณ์สีแดงทั้งชุดยืนตัวสั่นงันงกอยู่ข้างกายนาง
หลีเช่อสวมเสื้อสีแดงของสตรีตัวหนึ่ง เดิมรูปร่างของเขาทั้งสูงและผอมเพรียว ยิ่งมาประทินโฉมแต่งหน้าเป็นสตรี สางผมในทรงผมของสตรี ความงดงามของนางนั้นเรียกได้ว่างามปานล่มเมือง ไร้ผู้ใดเทียบเทียมจริงๆ
ครั้งนี้เขาใช้หน้ากากที่เขานำมาเอง ไฝน้ำตาระหว่างหัวคิ้วนั้นงดงามอย่างที่สุด กระทั่งหลินชิงเวยเห็นแล้วถึงกับตกใจเพราะความงามของเขาจริงๆ
เพียงแต่ในขณะนี้เขายังไม่เข้าสู่การแสดงละคร น้ำเสียงในการพูดจาและการกระทำทุกๆ อิริยาบถจึงดูแล้วสวนทางกับโฉมหน้าของเขาอย่างเลี่ยงได้ยาก เขากระทืบเท้าพูดว่า “พวกเจ้ากลับดียิ่งนัก สวมอาภรณ์เนื้อหนา ยังมีอารมณ์สุนทรีย์มานั่งให้สายลมและหิมะพัดผ่าน ไม่ดูเสียบ้างว่าข้าหนาวจนจะกลายเป็นสุนัขอยู่แล้ว”
หลินชิงเวยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ที่จริงแล้วเจ้ามีท่าทางหนาวเหน็บน่าสงสารเช่นนี้จึงจะดี ทำให้ผู้คนเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะทะนุถนอม”
“ไอหยา เจ้าอย่าได้พูดจาส่งเดชเชียว” หลีเช่อกระทืบเท้าอีก เขาถูมือทั้งสองข้าง “ขนในกายลุกพรึ่บเช่นนี้ ข้าคิดว่าต้องหนาวขึ้นอีกแน่” พูดแล้วก็อดที่จะค้อนปะหลับปะเหลือกใส่หลินชิงเวยไม่ได้ “เจ้าบอกมา มีเจ้าเป็นสตรีแท้ๆ อยู่ทั้งคน เหตุใดยังต้องให้ข้าซึ่งเป็นบุรุษปลอมกายเป็นสตรีอีกเล่า ข้าดูเจ้าแล้วก็ไม่เลวนี่นา แม้จะด้อยกว่าข้าไปขั้นหนึ่งก็ตาม แต่ยังคงพอที่จะทำให้บุรุษจิตใจอ่อนไหวได้”
หลินชิงเวยเอนหน้ามากระซิบริมหูเขา “จิตใจอ่อนไหวเพียงพอที่ไหนกันเล่า ยังต้องให้คนผู้นั้นช่วยเหลือเจ้า ทั้งยังต้องให้เขามีใจมุ่งมาดปรารถนาคิดจะครอบครองเจ้าด้วย”
หลีเช่อสะดุ้งโหยง เขาชี้หน้าหลินชิงเวย “เจ้ามันคนลามก!”
————————
[1] โต้วตี้จู่ หรือ ไพ่พิชิตแลนลอร์ด เป็นเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในประเทศจีน มีผู้เล่นทั้งหมด 3 ฝ่าย ใช้ไพ่ 54 ใบ/สำรับ หนึ่งในนั้นเป็นตี้จู่ (เจ้าบ้าน) อีกสองฝ่ายต่อสู้กัน ฝ่ายที่ใช้ไพ่ในมือหมดก่อนเป็นผู้ชนะ มีต้นกำเนิดในรัชสมัยอู่ฮั่น เมืองหูเป่ย