ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 9 บทที่ 264 หากละโมบเกินไปย่อมเสียเปรียบ
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นส่งสายตา สตรีนางนั้นจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อเปิดประตูเรือนแล้วจะเห็นคนแปลกหน้าสองคนยืนอยู่หน้าประตู คนหนึ่งสูง คนหนึ่งเตี้ยยืนอยู่ท่ามกลางสายลมและหิมะที่ตกหนักราวกับหยกสลักก็ไม่ปาน หน้าตาชวนมองอย่างยิ่ง
หญิงออกเรือนถามว่า “พวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน?”
หลินชิงเวยยกมือขึ้นยื่นเงินก้อนหนึ่งให้นาง “รบกวนแจ้งสักหน่อย พวกเรามีเรื่องขอความช่วยเหลือจากใต้เท้า”
ทันทีที่หญิงออกเรือนจับจ้องสายตาพลันรู้สึกเบิกบานใจ ก่อนหน้าที่เมืองแห่งนี้จะเผชิญหน้ากับภัยหิมะตกหนัก เคยมีชาวบ้านมาเคาะประตูยามดึกดื่นมอบสิ่งของดีๆ ให้ เพื่อขอร้องให้สามีของตนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์บางอย่างให้
ครั้งนี้มิใช่ครั้งแรก อีกทั้งการรับสิ่งของมีค่าจากผู้อื่นสำหรับนางแล้วคิดว่าเป็นเรื่องถูกต้องดีอยู่แล้ว นี่กลายเป็นรายได้ทางหนึ่งของครอบครัว หาไม่แล้วลำพังเพียงแค่อาศัยเบี้ยหวัดอันน้อยนิดจากตำแหน่งขุนนาง ไหนเลยจะสามารถพำนักอยู่ในเรือนที่ดีเช่นนี้ได้ ในขณะที่ผู้อื่นต้องได้รับความทุกข์ ไม่มีเสื้อผ้าให้สวมใส่ ไร้บ้านให้กลับ ไฉนครอบครัวของพวกเขาจึงไม่เดือดร้อน
ดังนั้นหญิงออกเรือนจึงรับเงินเอาไว้ ท่าทีที่นางปฏิบัติต่อคนทั้งสองเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและเป็นมิตร หลีกทางให้พวกเขาเข้ามา “เชิญทั้งสองท่านเข้ามาเถิด ใต้เท้าของข้าอยู่ในเรือน”
“รบกวนฮูหยินนำทางด้วย”
ดังนั้นหญิงออกเรือนจึงเดินนำหลินชิงเวยและเซียวอี้เข้าไปในห้องที่หัวหน้าหน่วยอย่างไม่สงสัยอันใด
เมื่อเปิดประตู หญิงออกเรือนกล่าวว่า “ท่านพี่ มีแขกมาสองคนเจ้าค่ะ”
ทันทีที่หัวหน้าหน่วยเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นใบหน้าของคนทั้งสองชัดเจน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาตวาดเสียงดัง “ไยเจ้าจึงปล่อยให้สองคนนี้เข้ามา!”
หญิงออกเรือนสะดุ้งตัวโยนเมื่อถูกตวาดเสียงดัง รีบหดกายไปอยู่ด้านข้างและพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า “มิใช่พวกเขา…มีเรื่องขอพบท่านหรือ”
หลินชิงเวยและเซียวอี้ก้าวเข้าประตูเรือนพร้อมเปรยยิ้มๆ “ใต้เท้าท่านนี้ พวกเราพบหน้ากันอีกแล้ว”
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นลุกพรวดขึ้นมาประหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ “พวกเจ้ามิใช่ถูกขังไว้ในเรือนจำหรือ พวกเจ้าออกมาได้อย่างไรกัน”
หลินชิงเวยเห็นห่อผ้าของตนเองวางอยู่บนโต๊ะ ชัดเจนยิ่งนักว่าถูกเปิดออกรื้อค้น แววตาจึงอดจะขุ่นมัวลงไม่ได้ ในดวงตาดำขลับของนางมีความเย็นชาปรากฏขึ้น ทว่าริมฝีปากกลับแย้มให้เห็นรอยยิ้มร้ายกาจ “ดูท่าแล้ว พวกเรามาได้จังหวะพอดี ทันได้เห็นใต้เท้าริบทรัพย์ผู้อื่น”
หัวหน้าหน่วย “ไยพวกเจ้าจึงตามหามาถึงที่นี่ได้?!”
สำหรับคำถามของเขาหลินชิงเวยไม่ตอบสักอย่าง นางยื่นมือขาวๆ ของตนออกไป “คืนห่อผ้ามาให้ข้า ข้าจะไม่ถือสาเอาความกับเจ้า เป็นอย่างไร?”
หัวหน้าหน่วยมองริมฝีปากแดงฟันขาว และรูปร่างบอบบางราวไร้กระดูกของนางแล้วก้มหน้าลงมองห่อผ้านี้อีกครั้ง สิ่งของอื่นๆ ในห่อผ้านั้นเขาล้วนไม่อยากได้ แต่ในเมื่อเงินในถุงเงินนั้นตกมาถึงมือของเขาแล้ว ก็อย่าหมายว่าจะให้เขาคายออกมา
หัวหน้าหน่วยแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ฮึ อาศัยเจ้าก็กล้ามาพูดจาวางโตที่นี่ ไม่ดูเสียบ้างว่าพวกเจ้าออกมาอย่างไร ลำพังแค่ต้องการเอาสิ่งของคืนก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ห่อผ้านี้ไม่ใช่ของพวกเจ้าแล้ว!”
หลินชิงเวยเก็บมือของตนกลับมา “คิดไม่ถึงว่าผู้ที่มีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ ถึงกับกล้ายึดสิ่งของมีค่าของชาวบ้าน ช่างทำเรื่องหน้าหนาเช่นนี้ออกมาอย่างไม่รู้สึกสำนึกผิด”
หญิงออกเรือนผู้นั้นเป็นคนเห็นเงินแล้วตาโต คิดว่าคนทั้งสองมาเพื่อมอบสิ่งของแลกกับความช่วยเหลือ นางคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะหลอกลวงนาง พวกเขากลับมาเพื่อต้องการห่อผ้าของตนคืน ทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน นางจึงลุกขึ้นมาพูดอย่างไร้ซึ่งความละอายใจ ทั้งยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลดีอยู่แล้ว “สิ่งใดที่เรียกว่ายึดสิ่งของมีค่าของชาวบ้าน? สิบแปดมงกุฎเช่นพวกเจ้าถึงกับกล้าบุกรุกเข้ามาในเรือนของเจ้าหน้าที่ ไม่โยนพวกเจ้าออกไปนับว่าไม่เลวแล้ว! ต่อให้ห่อผ้านี้เป็นของพวกเจ้าแล้วอย่างไรเล่า ยามกลางวันพวกเจ้าทำความผิดห่อผ้านี้จึงถูกยึด ยามนี้ย่อมไม่ใช่ห่อผ้าของพวกเจ้าอีก! หากพวกเจ้ายังรู้จักหนักเบาก็รีบๆ ไสหัวออกไปซะ หาไม่แล้วดาบของสามีข้าคงไม่พูดจาด้วยง่ายดายนัก!” พูดแล้วก็หันกายกลับไปชี้ดาบของหัวหน้าหน่วยที่แขวนอยู่บนผนังด้วยท่าทีคุกคาม
หลินชิงเวย “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมคืนของ เช่นนั้นข้าคงได้แต่แย่งกลับมา”
เซียวอี้ยืนกอดอกดูละครอยู่ด้านข้างตลอดเวลา ได้ยินเช่นนั้นกลับไม่คิดจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือแม้แต่น้อย นั่นมิใช่สิ่งของของเขาเสียหน่อย หลินชิงเวยน่าจะมีความสามารถเอาสิ่งของของตนเองคืนมา ไม่เช่นนั้นท่ามกลางราตรีที่หิมะตกหนักเช่นนี้นางไม่ได้ถามใครสักคำ ไฉนจึงรู้ได้ว่าหัวหน้าหน่วยผู้นี้พำนักอยู่ที่นี่?
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นแจ่มแจ้งแก่ใจดีว่าเขาไม่ควรประมาทต่อคนทั้งสอง ในเมื่อยามกลางวันมีผู้ใต้บังบัญชาของเขาคนหนึ่งถูกทุบตีจนน่าเวทนาราวกับหัวสุกร ยามนี้เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงเดินเข้าไปเก็บห่อผ้าบนโต๊ะก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้หลินชิงเวยฉวยโอกาสทำสิ่งใด
ในเวลานี้เองหลินชิงเวยหรี่ตาลง ขณะที่มือของหัวหน้าหน่วยกำลังจะสัมผัสกับห่อผ้า มีสิ่งของอย่างหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากเสื้อผ้าในห่อผ้านั้น งูสีเขียวมันเลื่อมน่ากลัวตัวหนึ่งปรากฏขึ้นในคลองจักษุ มันฝังเขี้ยวลงบนหลังมือของหัวหน้าหน่วยอย่างแรงครั้งหนึ่ง
หญิงออกเรือนเห็นแล้วตื่นตระหนกจนสีหน้าเผือดขาว นางใช้ผ้าเช็ดหน้าในมืออุดปากตนเองไว้ ทว่ายังคงหลุดเสียงร้องด้วยความตกใจออกมาว่า “งู!”
สีหน้าของหัวหน้าหน่วยเปลี่ยนไปทันที เขาคิดจะใช้มืออีกข้างหนึ่งของตนจับชิงหลันเอาไว้ ทว่าร่างของชิงหลันนั้นลื่นยิ่ง หลังจากที่มันกัดหัวหน้าหน่วยแล้วก็ถอยทัพผละออกจากมือของหัวหน้าหน่วยทันที มือของหลินชิงเวยแตะกับขอบโต๊ะ ชิงหลันจึงเลื้อยขึ้นมาตามแขนของนางแล้วพันรอบอยู่บนหัวไหล่ของนางซ้ำยังหันมาส่งเสียงขู่ฟ่อๆ ใส่หัวหน้าหน่วย
ที่จริงตั้งแต่ห่อผ้าของหลินชิงเวยถูกยึด ชิงหลันอยู่ในห่อผ้าของนางตลอดเวลา มันช่างมีความอดทนดีแท้ เนิ่นนานเช่นนี้ก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมา หัวหน้าหน่วยถูกเงินในห่อผ้าดึงดูดความสนใจเสียสิ้น ไฉนเลยจะมีสายตาสนใจเสื้อผ้าอาภรณ์ธรรมดาๆ สองชุดนั้นอีกเล่า?
หัวหน้าหน่วยเห็นงูตัวนั้นพันอยู่รอบหัวไหล่หลินชิงเวยแล้วอดที่จะตวาดด้วยโทสะไม่ได้ “นางปีศาจ!” เขามองบาดแผลของตนเอง ปากแผลของเขากลายเป็นสีดำ โลหิตที่ไหลออกมามีสีดำคล้ำเช่นกัน!
งูนี้มีพิษ!
กระทั่งหญิงออกเรือนก็เห็นในจุดนี้ “มีพิษ! งูนี้มีพิษ!”
หัวหน้าหน่วยรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมา พิษของงูกำลังกระจายในมือของเขา เส้นเลือดสีเขียวบนใบหน้าของเขาเต้นตุบ เขาถลึงตามองหลินชิงเวยและหันกายกลับไปหยิบดาบของตน “นางปีศาจ ดูว่าข้าจะสังหารเจ้าหรือไม่!”
หลินชิงเวยหัวเราะ “หากข้าเป็นท่าน และยังอยากจะรักษาชีวิตเอาไว้ เรื่องแรกที่ทำมิใช่สังหารข้า แต่ต้องตัดมือของตนเองก่อน”
หัวหน้าหน่วยมองมือของตน เส้นเลือดบนแขนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทีละนิ้วๆ เขาหลั่งเหงื่อเย็นเต็มหน้าผาก ถลึงตามองหลินชิงเวยด้วยความเหี้ยมโหดและเคียดแค้น แต่ขอเพียงเป็นคนที่มีประสบการณ์ต่างกระจ่างแจ้งดีว่าในสถานการณ์เยี่ยงนี้ หากต้องการรักษาชีวิตของตนย่อมต้องตัดมือของตนทิ้งข้างหนึ่ง หาไม่แล้วรอให้พิษงูกระจายทั่วร่าง คงได้แต่กลับสู่สรวงสวรรค์
เขาไม่มีเวลาไปเอาชีวิตหลินชิงเวย ต้องการมือหรือต้องการชีวิต หัวหน้าหน่วยผู้นี้ตัดสินใจได้ในทันที เขาตัดสินใจเด็ดขาดกัดฟันดึงดาบของตนออกมาแล้วฟันลงไปบนแขนของตนเองอย่างแม่นยำและไม่ลังเลแม้แต่น้อย