ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 9 บทที่ 268 สถานที่อะไรล้วนกล้ามาทั้งสิ้น
เมื่อเห็นหงหลิงเป็นเช่นนี้ หลงจู๊จึงได้แต่กล่าวว่า “ช่างเถิด ในเมื่อเจ้าเอาแต่หน้ามืดตามัวไม่ยอมรับรู้ ข้าพูดอย่างไร เจ้าล้วนไม่ฟัง วันนี้ข้ามาที่นี่ไม่มีสาเหตุอื่น แต่เป็นเพราะนาง” พูดแล้วก็หันไปมองหลินชิงเวย “นางเดินทางจากบ้านเกิดมาถึงที่นี่ เพราะประสบภัยเช่นกัน ไม่มีที่พึ่งพิง คิดจะมาทำงานที่โรงเตี๊ยมของข้า แต่ในโรงเตี๊ยมของข้า ยามนี้ไม่มีลูกค้าไม่รู้ว่าต้องปิดกิจการเมื่อใด ข้าเห็นนางมีคุณสมบัติเพียบพร้อมและรูปโฉมงดงาม จึงแต่งตัวให้นางเล็กน้อย”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลงจู๊ สายตาของหงหลิงจึงตกลงบนร่างของหลินชิงเวย ดวงตาคู่งามของนางหรี่ลงเล็กน้อย ในแววตานั้นปรากฏให้เห็นความประหลาดใจพาดผ่านเพียงเล็กน้อย “เป็นหญิงงามจริงๆ เพียงแต่ตกมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ เป็นเรื่องน่าเสียดายอยู่บ้าง”
หลงจู๊ “นางยินดีมาอยู่ในหอจินหลิง ขอเพียงมีข้าวให้นางกินอิ่ม มีที่ให้หลับนอน เป็นข้าที่แนะนำให้นางมาที่นี่ หากเจ้าเห็นว่าดีก็รับนางเอาไว้”
หลังจากหงหลิงพินิจพิเคราะห์ชั่วครู่ก็สั่งสาวใช้ “ไปเบิกเงินมาหนึ่งร้อยตำลึง”
หงหลิงมอบเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้กับหลงจู๊แทนคำขอบคุณ ดูท่าแล้วว่าตัดสินใจรับหลินชิงเวยเอาไว้ หากหลงจู๊ไม่รับเงินอาจ ทำให้นางรู้สึกได้ว่ามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง อีกทั้งหลินชิงเวยไม่ได้ถูกขายตัวมาที่นี่ แต่ถูกรับตัวเอาไว้อย่างเปิดเผย หลงจู๊ทิ้งหลินชิงเวยไว้ที่หอจินหลิงและกลับไปคนเดียว
หงหลิง “ต่อไปเจ้าถือเป็นคนของหอจินหลิงของข้าแล้ว ชื่ออะไร?”
หลินชิงเวย “เวยเวยเจ้าค่ะ”
ต่อมาหลินชิงเวยถูกสาวใช้พาตัวออกไป จัดห้องให้นางอาศัยหนึ่งห้อง เมื่อคุ้นเคยกับงานในหอจินหลิงแล้วค่อยเป็นค่อยไป ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หงหลิงในฐานะเจ้าของหอจินหลิงย่อมต้องคำนึงถึงส่วนรวม ต่อมาจึงได้แบ่งเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับส่วนหนึ่งมาให้
ยามบ่ายแม่นางทั้งหลายในหอจินหลิงล้วนตื่นนอนแล้ว ได้ยินว่ารับแม่นางเข้ามาใหม่หนึ่งคนจึงพากันไปดู เมื่อเห็นหน้าตาของหลินชิงเวย และเห็นเสื้อผ้ารวมไปถึงเครื่องประดับที่หงหลิงส่งมาให้ ล้วนไม่มีคำพูดใดจะกล่าว
หลินชิงเวยถูกผู้คนมุงดูราวกับเป็นลิงในสวนสัตว์ นางตกอยู่ในวงล้อมของแม่นางทั้งหลาย กลิ่นผงแป้งและกลิ่นชาดอันเข้มข้นนั้นฉุนจมูก นางจึงได้แต่อดทนอดกลั้น
รอจนแม่นางทั้งหลายออกไปแล้ว มีคนเคาะประตูหน้าต่างของหลินชิงเวย
ห้องที่นางพักอยู่นี้หันหน้าไปทางห้องโถงหน้า หน้าต่างหันไปทางเรือนหลัง ที่เห็นเป็นแถวๆ ล้วนเป็นห้องพักของบรรดาแม่นางทั้งสิ้น ส่วนเรือนด้านหลังเป็นสถานที่ทำงานเบ็ดเตล็ด หลินชิงเวยไม่ประหลาดใจตรงไปเปิดหน้าต่าง
เงาร่างสีดำเหินกายเข้ามาในห้อง ชั่วพริบตาเดียวเซียวอี้ก็นั่งลงข้างโต๊ะ เขาตวัดสายตามองนาง ริมฝีปากมีรอยยิ้มเย็นเยียบ “ไม่ว่าสถานที่ใด เจ้าล้วนช่างกล้ามา” หลินชิงเวยเข้าออกสถานที่เช่นนี้ ต่อให้นางกล้าหาญชาญชัยยิ่งกว่านี้ เซียวอี้ย่อมไม่อาจวางใจได้จึงต้องมาดูสักหน่อย
หลินชิงเวยนั่งอยู่หน้ากระจกมองเครื่องประดับแต่ละชนิดบนโต๊ะแต่งหน้า หยิบเข้าหยิบออกหลายครั้ง ทว่ากลับไม่ถูกตาต้องใจนัก นางกล่าวว่า “วันนี้มาได้จังหวะดียิ่ง ไม่ต้องเสียเวลาไปเชิญท่านเจ้าเมืองมาที่นี่ คืนนี้เจ้าของหอจินหลิงจะเป็นฝ่ายไปเยือนท่านเจ้าเมืองเอง”
เซียวอี้ได้ยินแล้วไม่ประหลาดใจเช่นกัน “ยามนี้ข้างนอกเสียงโจษจันหนาหู หากท่านเจ้าเมืองนั่นยังกล้าออกมาที่นี่ ข้ายังต้องนับถือเขาแล้ว”
“พวกเราไปร่วมสนุกด้วยเถิด”
เซียวอี้มีสีหน้าราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน “เป็นเจ้าต้องการไป ไม่ใช่ข้าต้องการไป”
ที่จริงแล้วในยามบ่ายหอจินหลิงก็มีลูกค้าส่วนหนึ่งเข้ามาแล้ว ดื่มน้ำชาฟังดนตรี มีคนงามอยู่ข้างกายมีความสุขสบายใจ ในหอจินหลิงผู้คนมากมายสายตาคนก็มาก
หงหลิงกำลังเตรียมตัวอยู่ในห้อง เกี้ยวได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว รอให้ท้องฟ้ามืดลงสักหน่อย นางจึงค่อยออกไปทางประตูด้านหลัง หากออกไปทางประตูหน้าเกรงว่าจะเป็นจุดสนใจของผู้คน หากรู้ว่าเป็นนางที่เดินผ่านออกไประหว่างทางเกิดเรื่องอันใดขึ้นจะได้ไม่คุ้มเสีย
ทั้งหมดนี้เซียวอี้ได้สืบข่าวมาแน่ชัดแล้ว
เซียวอี้เข้ามาในหอจินหลิงในฐานะของลูกค้า บรรดาแม่นางทั้งหลายเห็นเขาเป็นบุรุษรูปงามจึงพากันส่งสายตาให้เขา แต่ไม่ว่าแม่นางคนใดเขาล้วนไม่พึงใจทั้งสิ้น ประกาศเพียงต้องการให้หงหลิงออกมาต้อนรับ ก่อเรื่องวุ่นวายไม่น้อย
หลินชิงเวยคิดคำนวณอย่างแม่นยำแล้ว เวลานี้หงหลิงกำลังเตรียมตัวอยู่ในห้องและท่านเจ้าเมืองเป็นบ่อเงินบ่อทองของนาง นางไม่มีทางไม่แต่งตัวอย่างพิถีพิถันเพื่อไปรับรองเขา สาวใช้คนสนิทข้างกายนางเป็นคนรู้งานยิ่ง หงหลิงย่อมต้องลงไปดูเหตุการณ์พร้อมกับสาวใช้ของนาง
เมื่อสาวใช้ออกมาจากห้องของหงหลิง หลินชิงเวยฉวยโอกาสลอบเข้าไปในห้องของหงหลิงอย่างราบรื่น หงหลิงสางผมเสร็จแล้วเตรียมลุกขึ้นผลัดอาภรณ์ ช้อนตาขึ้นมองคิดเป็นสาวใช้ของตนเข้ามา คิดไม่ถึงว่ากลับเป็นหลินชิงเวย จึงอดที่จะพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์อยู่บ้างว่า “วันนี้เจ้าเพิ่งมาใหม่ คิดดูแล้วน่าจะยังไม่ค่อยแจ่มแจ้งถึงกฎเกณฑ์ของที่นี่ ไม่มีผู้ใดบอกเจ้าหรือว่าห้ามเข้าออกห้องของข้าตามอำเภอใจ?”
หลินชิงเวย “พี่หงหลิงงดงามจริงๆ เจ้าค่ะ”
หงหลิงมองตนเองในกระจกด้วยสีหน้าบอกว่าต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่ด้วยคำพูดประโยคนี้ของหลินชิงเวยทำให้นางค่อยๆ เปลี่ยนความคิด “เจ้ามาด้วยเรื่องอันใด?”
หลินชิงเวย “ข้ามาถึงเป็นเวลาค่อนวันแล้วกลับไม่เห็นได้รับแจกจ่ายงานอันใดแก่ข้าไปทำ ดังนั้นจึงมาถามพี่สาวว่าจะจัดสรรงานให้ข้าทำบ้างได้หรือไม่เจ้าคะ”
หงหลิงหัวเราะ “คนอื่นแอบเกียจคร้านแทบไม่ทัน เจ้ากลับซื่อตรงนัก อีกประเดี๋ยวข้าจะให้คนสอนเจ้าเรียนรู้เรื่องพิณ หมาก อักษร ภาพวาด ไปพักผ่อนก่อนเถิด”
“พี่สาว ผมของท่านยุ่งเล็กน้อยเจ้าค่ะ”
หงหลิงหันมองซ้ายขวาในกระจก “ที่ไหนกัน?”
“ด้านหลังเจ้าค่ะ” หลินชิงเวยเดินเข้าไปด้วยสีหน้าปราศจากพิษสง “ข้าช่วยท่านเจ้าค่ะ”
ดังนั้นหลินชิงเวยจึงเดินไปยืนอยู่ข้างหลังหงหลิง แสร้งทำเป็นช่วยนางจัดทรงผม ปลายนิ้วพลันส่งกลิ่นเครื่องหอมชนิดหนึ่งออกมา หงหลิงกะพริบตาถี่ๆ หลังจากนั้นรู้สึกร่างกายหนักอึ้ง เพียงไม่นานก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะ หลินชิงเวยลากตัวนางไปซ่อนไว้ใต้เตียง เช่นนี้แล้วนางจะไม่ตื่นก่อนเวลาสองชั่วยาม แต่หลังจากสองชั่วยามให้หลังนั้น หลินชิงเวยย่อมต้องเข้าไปในจวนท่านเจ้าเมืองสำเร็จแล้ว
หลินชิงเวยนั่งลงหน้าโต๊ะประทินโฉมแทนหงหลิง ประทินโฉมให้ตนเอง ตลอดเวลาหลายวันมานี้นางเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อย ตากแดดตากลม แม้จะทำให้เนื้อตัวนางเต็มไปด้วยฝุ่น แต่ผิวพรรณบนร่างกายกลับไม่ได้รับผลกระทบอันใด ผิวพรรณยังคงผุดผ่องดังเดิม ผิวหน้าของนางเนียนลื่นเปล่งประกายไม่จำเป็นต้องผัดแป้งก็งดงามประดุจหยก
บนฉากกันลมแขวนกระโปรงสีแดงลายร้อยสกุณาเคียงดอกโบตั๋น ลวดลายหงส์สีทองนั้นกระจายตัวไปถึงชายกระโปรง ปกคอเสื้อเป็นลวดลายดอกโบตั๋นอันวิจิตรบรรจง แขนทั้งสองข้างปักลายร้อยสกุณาช่างเป็นอาภรณ์ที่สูงศักดิ์และวิจิตรตระการตายิ่งยวด
เมื่อสาวใช้จัดการงานข้างนอกเสร็จสรรพกลับเข้ามาในห้อง หลินชิงเวยสวมอาภรณ์ร้อยสกุณาเคียงดอกโบตั๋นเรียบร้อยแล้ว นางหันหลังให้สาวใช้แล้วถามเรียบๆ ว่า “จัดการเรียบร้อยแล้วหรือไม่?”
สาวใช้ตอบ “เรียบร้อยเจ้าค่ะแม่นาง”
“มานี่ มาช่วยข้าจัดมุมเสื้อ”
ดังนั้นสาวใช้จึงเดินเข้ามาใกล้ หลินชิงเวยจึงลงมือใช้เข็มเงินสกัดจุดหลับของนางทันที
รอจนฟ้ามืดลง ภายในหอจินหลิงเริ่มจุดโคมไฟกระเบื้องสีทองอันหรูหราไม่สามัญ ส่วนหลินชิงเวยออกไปทางประตูด้านหลังขึ้นเกี้ยวมุ่งหน้าสู่จวนท่านเจ้าเมือง