ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi - ตอนที่ 112 ชาติแห่งไฟ ชาติแห่งดิน
112 ชาติแห่งไฟ ชาติแห่งดิน
—————————————————————
【–มุมมอง เอเกอร์–】
หลังจากที่เดินทางหลายวันมาจกราเฟน เรามาถึงบริเวณที่เป็นไปได้ของจุดหมายเรา – เหมือง
「นั่นมันเร็วนะ ชั้นคิดว่ามันจะใช้เวลามากกว่านี้ ทีจะมาถึงดินแดนของชาติภูเขา」
ผมคิดว่าจะเป็นอย่างนั้้น และมากขึ้นเพราะเรานำรถเกวียนมาด้วยกับเราในครั้งนี้
「พูดอีกอย่าง มันเป็นการบำรุงรักษาทางหลวง ถ้ามีทางที่ถูกดูแลรักษา มันจะใช้เวลาสำหรับคนเท่ากัน ได้เร็วกว่าสองถึงสามเท่าที่จะเดินผ่าน」
หลังจากอดอล์ฟส่งมอบการพูดที่เร่าร้อน เขาสูดขี้มูก ขอโทษที่ผมทำให้นายอยู่ข้างนอก หลายคืนที่ผมโอบกอดซีเลียและคนอื่นๆ
「ไม่ ผมก็ทนไม่ได้ที่จะนอนเมื่อท่านมีเซ็กส์ข้างผมด้วย」
งี้ด้วยนั่น เราเท่ากันแล้วถ้างั้น
ผมเข้าหาภูเขาอีกครั้ง เทือกเขาที่ยิ่งใหญ่นอนอยู่ที่ทิศตะวันออก ที่ยอดเขาดูมัวตาและไม่มีอะไรที่ถูกเห็นได้มาก และเหมือนลูกของมัน ภูเขาหินที่ยื่นออกมาทางทิศตะวันตก เป็นที่ที่เหมืองถูกสงสัยว่าอยู่ที่นั่น
แม้ว่ามันยื่นออกมา ภูเขายังสูงหลายร้อยเมตร ยืนโดนเด่นมากกว่าภูเขาส่วนใหญ่ในที่ราบกลาง พื้นผิวมันเป็นหิน และไม่มีต้นไม้หรือหญ้าโตมาก แต่การลาดชันของมันไม่ได้ลาดขนาดนั้น ดังนั้นมันเป็นไปได้ที่จะไต่ขึ้นไปถึงยอดได้อย่างง่าย ถ้าคุณลัดไปที่นั่นที่นี่
มันไม่ได้ดูเหมือนภูเขาหินธรรมดา และทั้งหมดของมันดูค่อนข้างที่จะสีออกน้ำตาลแดงเล็กน้อย มันมีน้ำพุไหลไปรอบๆภูเขาที่นั่นที่นี่ แต่มันไม่พอที่จะให้ทำการทำนาแบบเต็มรูปแบบ บวกกับ น้ำมีสีแปลกๆ และกลิ่นแปลกๆ
「ผมก็เห็นมันครั้งที่แล้วด้วย แต่มันเป็นเหมืองที่น่าทึ่งจริงๆ แต่พื้นผิวมันถูกปกคลุมไปด้วยเศษหินแดงนะ……」
ชายที่แคลร์นำมากับเธอ……ผมลืมชื่อของเขา แต่เขาหาซอกในภูเขาหิน และตีมันด้วยค้อน
「ถ้าคุณนำชั้นนึงออก มันมีเหล็กคุณภาพสูงอยู่ข้างใน……และด้วยการปรับแต่งเล็กน้อย มันจะเป็นเหล็กที่ดีที่สุด」
「งั้น เราควรจะขุดรูในภูเขาม้้ย?」
「ครับ เราได้แร่จำนวนมากในแบบนั้นได้……」
เขาเคลื่อนที่ไปที่สายน้ำที่ไหลอยู่ใกล้ๆ
「แม้ว่าท่านจะไม่เข้าไปในภูเขา ท่านได้ทรายเหล็กเยอะจากสายน้ำนี้ได้ด้วย ดินแดนนี้ โดยพื้นฐานแล้วมี่นี่มันเป็นก้อนเหล็กใหญ่ๆก้อนนึง」
เข้าใจแล้ว ถ้าเขาพูดมันแบบนั้น มันอาจจะดีกว่า ที่จะเร่งการพัฒนาที่นี่
「เพราะท่านยังไงก็สร้างมันอยู่ดี มันอาจจะดีกว่าที่จะสร้างเตาหลอมเหล็กใหญ่ แทนที่จะเป็นเตาเล็ก」
อดอล์ฟกระโดดเข้ามาในการสนทนา
「ถ้ามันเป็นเหล็กกล้า งั้นมันจะเป็นคุณภาพที่ดีกว่า……」
「ที่สำคัญกว่านั้น การรวบรวมแร่จำนวนมาก……」
「ไม่เพียงแค่คนทำเหมือง……」
อดอล์ฟและแคลร์เริ่มที่จะโต้เถียงกัน ดังนั้น ซีเลียและผมละตัวเราเองจากการวนเวียนนั้น เราจะไม่เข้าใจได้ซักอย่างเดียว แม้ว่าเราพยายามจะฟัง ไม่ว่ายังไง มันดีที่สุดที่จะมอบความไว้วางใจมัน ให้คนอื่น ถ้าคุณไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง
ผมเลื่อนสายตาาผมไปที่อื่น ผมเห็นกระท่อมเล็กๆ ซ่อนยู่ที่ข้างภูเขา ควันบางๆพ่นออกมาจากปล่องไฟ และไต่สู่อากาศ ยังไงเพราะผมว่างอยู่ ผมจะไปตรวจมันดู
「นั่นเป็นชาติแห่งไฟ ที่ชาติภูเขาพูดถึงเหรอ ……คนที่พวกเค้าแลกเปลี่ยนอาหารเพื่อเหล็กด้วยน่ะ?」
「ใช่ พวกเค้าพูดว่า พวกเค้าเป็นมิตรและจะไม่โจมตี แต่หนูจะอยู่ในความระวัง」
ซีเลียสั่งหน่วยคุ้มกันให้จัดขบวนแถวป้องกัน
「พ่อไม่คิดว่าพวกเค้าจะโจมตีเรากระทันหัน แต่มาคุยให้ทั่วๆเผื่อไว้ก่อน」
ในอนาคตที่ห่างไกล มันจะไร้สารถที่จะขัดแย้งกัน ถ้าเราจะต่อต้านพวกเขาตั้งแต่ทีแรก มันดีกว่าที่จะแค่โจมตีพวกเขาก่อน
เมื่อผมขี่ไปบนชวาร์ซและเข้าหากระท่อม สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นแค่บ้านไม่กี่หลัง เปลี่ยนเป็นกระท่อมเป็นโหล ซ่อนอยู่ในเวิ้งของพื้นผิวภูเขา สร้างหมู่บ้านเล็กๆบางอย่าง กระท่อมของพวกเขา ไม่ได้สร้างมาจากไม้ แต่ด้วยดินอบหรือขี้ดินหรือวัตถุดิบที่ไม่รู้จักอย่างอื่น
มันมีควันออกมาจกบ้านส่วนใหญ่ และผมได้คินเสียงแคล๊งของเหล็ก มันดูเหมือนมันจริงที่ว่าพวกเขาเป็นคนที่ทำเหล็ก
「โอ้ ชั้นคิดว่าพวนายยจะไม่มาอีกแล้วไม่นานนี้ และจากนั้นจู่ๆ……」
น่าจะได้ยินเสียงของเกือกม้า ชายที่ถูกปกคลุมไปด้วยเขม่า ออกมาจากกระท่อมหลังหนึ่งอย่างต้วมเตี้ยม ชายคนนั้น น่าจะเข้าใจเราผิดว่าเป็นชาติภูเขา ที่มาเพื่อแลกเปลี่ยนกับพวกเขา แต่เมื่อเขาเห็นความต่าางในอาวุธและชุดเกราะที่เราถืออย่างชัดเจน เขาตะโกนดังๆกระทันหัน
「พวกนายเป็นใคร!? พวกนายเป็นคนที่ราบเหรอ!? พวกนายจะมาโจมตีเราครั้งนี้เหรอ!?」
ชายที่ตะโกน พาคนออกมาจากกระท่อมทั้งหลายทีละคนตามๆกัน แต่พวกเขาแค่ออกมาเพื่อตรวจดูสถานการณ์และจ้องเรา
「จึ」
ผมหยุดซีเลียจากการชักดาบของเธอ
「ใจเย็น พวกเค้าไม่ใช่ศัตรู……พวกเค้ากลัว」
พวกเขาไม่ได้ขนอาวุธ และมีพวกเขาแค่ไม่กี่คน ดังนั้น มันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะทำอะไรกับหน่วยคุ้มกัน ผู้ที่เป็นทหารม้าหนักใส่อาวุธเต็มตัว ด้วยนั่นที่พูดไป มันจะง่ายกว่าที่จะคุยกับพวกเขาถ้าพวกเขากลัวเล็กน้อย
「หัวหน้าหมู่บ้านของที่นี่……ชั้นไม่รู้ว่านายเรียกเขาหัวหน้ามั้ย แต่ไม่ว่ายังไง พาคนที่ชั้นคุยด้วยได้ออกมา ตราบใดที่พวกนายไม่โจมตีเรา เราก็จะไม่ทำอะไรด้วย」
หลังจากพูดอย่างนั้น ซีเลียและคนอื่นจงใจรักษาขบวนแถวต่อสู้ของพวกเขาต่อไป
—————————————————————
ที่ที่เราถูกนำมา เป็นกระท่อมที่ค่อนข้างจะใหญ่กว่า ซึ่งดูเหมือนจะทำเป็นหอรวมพล แม้ว่า มันยังเป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่ยังไม่สามารถจะใส่คนแม้แต่สิบคนเข้าไปได้ หน่วยคุ้มกันคอยอยู่ข้างนอกทางเข้า ระหว่างที่ผมเข้าไป ที่ที่นั่นมีชายแก่ที่นั่งเซไปเซมาข้างใน หน้าของเขาดำไปด้วยเขม่า และตาข้างหนึ่งได้รับความเสียหาย
「ชั้นเป็นคนที่ดูแลที่นี่ เรียกกชั้นว่าแฟลมมี่ได้」
「ชั้นเอเกอร์ ชั้นเป็นลอร์ดศักดินาที่อยู่ใต้ภูเขาเหล่านี้」
เขาจะไม่เข้าใจแม้ว่าผมจะพูดมัน ดังนั้นการแนะนำตัวหยาบๆนี้ควรจะโอเคแล้ว
「นี่อาจจะดูกระทันหัน แต่ทุกคนกลัว นายบอกชั้นได้มั้ยว่าเป้าหมายของนายคืออะไร?」
ผมแค่มาที่นี่เพราะผมเห็นกระท่อม แต่นั่นจะไม่นำไปสู่สิ่งที่ผมอยากจะพูด
「เราเอาเหล็กออกจาภูเขานี้ได้ ใช่มั้ย?」
「แน่นอน เราใช้ชีวิตอยู่โดยการตีเหล็ก」
「ดูเหมือนเป็นอย่างนั้น เราก็อยากได้เหล็กด้วย เราอยากจะขุดในบริเวณนี้ นั่นทำไมเรามาที่นี่สำหรับการตรวจสอบ」
ไม่มีจุดประสงค์ในการใส่คำนำในการพูดของผม ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้พวกเขาทรมาน แต่ผมก็ไม่อยากจะสงวนตัวมากเกินไปด้วย
「……งั้นนายจะไล่เราออกไป?」
「ไม่ ชั้นจะไม่สนใจอะไรพวกนาย ถ้าพวกนายไม่เข้ามาขวาง แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่ามันจะกวนใจนาย ที่เราเริ่มทำเหมืองกระทันหันเหรอ?」
หลังจากพูดอย่างนั้น ผมสังเกตบางอย่างแปลกๆได้กระทันหัน เพราะพวกเขาดูเหมือนจะติดต่อกับชาติภูเขาเป็นรายวัน ผมคิดอย่างมั่นใจว่าพวกเขาจะเป็นเผ่าที่คล้ายๆกัน แต่คนที่เรียกว่าแฟลมมี่นี่สูงเกือบ 180 ซม และมีร่างกายที่ใหญ่ แม้ว่าเขาจะแก่ เขาค่อนข้างที่จะใหญ่เมื่อเทียบกับคนที่ตัวใหญ่ส่วนใหญ่ของชาติภูเขา ผู้ที่ยังเตี้ยกว่าผมหัวหนึ่ง
「นายไม่ใช่ชาติภูเขานี่ ใช่มั้ย?」
แฟลมมี่ปิดตาของเขา และพยักหน้าอย่างช้าๆ
「ถูกต้อง ชั้นไม่ได้มาจากชาติภูเขา มันมากกว่า 40 ปีมาแล้วในที่ราบ……และชั้นก็ได้ลื่มชื่อของประเทศไปแล้ว แต่ชั้นถูกขับไล่ออกไป โดยไฟของการต่อสู้ ถูกไล่มาที่นี่โดยโจร และถูกหยิบขึ้นมาหลังจากที่สลบไป」
แฟลมมี่นำผมออกจากหอรวมพล ผู้คนได้รวมตัวกัน และมองดูผมด้วยสีหน้าที่กังวล
「คนเหล่านี้ก็มาจากที่ราบเหมือนชั้น หรือเผ่าของชาติภูเขาที่พินาศจากสงครามหรือการป่วย และเผ่าอื่นๆปนๆกัน ที่นี่ เป็นที่ที่คนแบบนั้นรวมตัวกัน」
เมื่อผมมองดูผู้คนที่นี่ มันจริงที่ว่าความต่างระหว่างขนาดตัว และสีผิวนั้นใหญ่
「โฮฮฮ่ ……น่าสนใจ」
ผมคิดว่ามันเพราะพวกเขาจะแค่ตาย ถ้าพวกเขามาอยู่ในดินแดนของชาติภูเขา แต่มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเลย แต่มันก็มีคนอยู่น้อยมากเกินไป มีแค่ 40 ถึง 50 คนมากที่สุด
「จากที่นายพูดก่อนหน้า มันเป็น 40 ปีตั้งแต่นายได้มาที่นี่ใช่มั้ย? มนเป็นเวลาที่ค่อนข้างนานแล้ว และแม้อย่างนั้น นี่เป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างเงียบเหงานะ ไม่ใช่เหรอ?」
แฟลมมี่ยิ้มและพูด
「เราไม่มีอาหาร น้ำก็แย่ด้วย ดังนั้นแม้ว่าเราทำเด็กให้เกิดได้ 80% ของพวกเค้าไม่รอด」
แฟลมมี่เอื้อมเข้าไปในตะกร้า ที่ดูเหมือนจะถูกใช้สำหรับอาหาร และโยนบางอย่างจากข้างในให้ผม สิ่งนั้นคือหนูตัวใหญ่ ที่ถูกรมควัน
「นี่เป็นอาหารที่ดีที่สุดที่เรามี แมลงตัวเล็กๆ เห็ด มอสส์……เราหาอะไรที่เราไม่เคยจะได้คิดว่ากินได้อย่างสิ้นเชิง เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ในทีราบ นานๆครั้ง เราจะมอบอุปกรณ์เหล็กให้ชาติภูเขา เพื่อแลกเปลี่ยนกับอาหาร แต่พวกเค้าไม่ได้มาหลังๆมานี้อย่างน่าตกใจ」
ขอโทษ มันน่าจะเป็นเพราะผมมอบอาวุธให้ คนส่วนใหญ่ของเผ่า ไปแล้วเมื่อพวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของผม มันดูเหมือนมันจะททำให้สิ่งต่างๆแย่ลงไป ดังนั้นผมจะไม่พูดอะไร
「ที่สำคัญกว่านั้น น้ำที่ไหลจากสายน้ำในภูเขาเป็นพิษเมื่อนายกินมัน ชั้นเข้าใจเรื่องนั้น แต่ไม่มีต้นทางน้ำอื่นเลย ดังนั้นเราต้องดื่มนี่ มากกว่านั้น เด็กอ่อนทนเรื่องนี้ไม่ได้」
ช่างเป็นวิถีชีวิตที่น่าสงสารที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ พวกเขาไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ ในแง่ของจำนวนประชากร และพวกเขาไม่ได้ดุร้ายหรืออะไรเลย มันน่าจะไม่มีความต่าง ถ้าผมปล่อยพวกเขาไว้ตามลำพัง
「เข้าใจแล้ว ตอนนี้ชั้นเข้าใจ เราจะขุดเข้าไปในภูเขา และทำเหล็ก แต่ชั้นไม่มีเจตนาจะทำอะไรกับนาย……แต่ถ้านายรวมทรายเหล็กมา เราให้น้ำแลกเปลี่ยนกันได้」
ถ้าพวกเขาจะไม่มาขัดกับเรา งั้นผมไม่มีเจตนาจะคุยกับพวกเขาไปมากกว่านี้ ผมไม่คาดหวังอะไรจากพวกเขา ในฐานะกลุ่มของช่างเหล็ก และถ้าพวกเขาทำได้แค่ดาบหยาบๆที่สากๆ ที่ชาติภูเขาใช้ในอดีต พวกเขาไร้ค่าในฐานะผู้ผลิตด้วย เราไม่มีทางเลือก นอกจากจะรวมช่างเหล็กมาจากที่อื่น
「ขุดเข้าไปในภูเขา……นั่นจะค่อนข้างมีปัญหา」
「อะไร?」
แฟลมมี่ยืนขึ้น และชักดาบที่พิงด้านข้างอยู่
「บัดซบ!!」
ซีเลียได้ชักดาบของเธอทันทีและก้าวไปข้างหน้า แต่มันไม่ได้ดูเหมือนพวกเขาจะโจมตี
「นั่นคือ……」
ตาาของผมถูกดึงดูดไปที่ดาบ และผมบอกได้อยากชัดเจนในห้องที่สลัวๆ จากความส่องสว่างและความคมของมัน ว่าของชิ้นนี้ เป็นบางอย่างที่ดีจนแทบไม่ถูกพบเห็น แม้จากช่างเหล็กในเมืองหลวง
「นายทำนี่เหรอ?」
「นั่นใช่แล้ว……และชั้นจะไม่มีวันทำมันอีกครั้ง」
ผมนั่งลงอีกครั้ง มันดูเหมือนมันมีค่าที่จะคุยกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง
「เราได้ตีเหล็กมาหลายสิบปีแล้ว และเรามีบางอย่างที่เราส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น เราไม่ได้ทำเพียงของที่สากๆ」
「งั้นทำไมนายไม่ส่งมันไปให้ชาติภูเขาล่ะ?」
ถ้าพวกเขานำอาหารทาให้นายเป็นระยะๆ พวกเขาไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรที่จะเกลียดชาติภูเขานี่
「มันเป็นเพราะเราหาวัตถุดิบไม่ได้ มีต้นไม้อยู่น้อยมากที่นี่ และคุณภาพของหินที่พื้นผิวของภูเขานั้นค่อนข้างที่จะแย่ มีเชื้อเพลิงที่ดีกว่าและเหล็กที่คุณภาพสูงกว่าด้วย แต่……」
「มันอยู่ที่ไหน?」
「ลึกเข้าไปในภูเขา……นายจะเจอมันถ้านายขุดนิดหน่อย」
「งั้นทำไมไม่แค่ขุดมันล่ะ พวกนายไม่ได้งี่เง่านี่ ใช่มั้ย?」
แต่แฟลมมี่ส่ายหัวของเขา
「ถ้าเราทำเหมืองในภูเขา เราจะสร้างความขัดแย้งกับพวกเขา เรามีคนน้อยมาก พร้อมด้วยพลังงานที่น้อยมาก และเราทนมันด้วยพวกเราเองไม่ได้จริงๆ」
「พวกเค้า?」
เขาหายใจและพูดคำพูดของเขาให้ชัดเจนทุกคำอย่างช้าๆ
「คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในภูเขา……กึ่งมนุษย์」
—————————————————————
ผมออกจากหมู่บ้าน และกลับไปที่ที่อดอล์ฟและคนอื่นๆเอะอะกัน
「กึ่งมนุษย์?」
「นั่นคืออะไรที่ชั้นได้ยิน」
「ยังไงซะ มันดีที่เราปล่อยหมู่บ้านที่มีคนหลายโหลไว้ตามลำพัง ถ้าเราไม่สร้างอันตรายกับพวกเค้า แต่มันแปลกที่มีกึ่งมนุษย์」
「แค่เมื่อสิ่งต่างๆไปได้ดี พีก็ไม่อยากจะจุกจิกเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วย ใช่มั้ย」
อดอล์ฟและแคลร์ถอนหายใจ ผมไม่เคยเห็นกึ่งมนุษย์มาก่อน แต่เพราะแวมไพร์มีตัวตนอยู่ ผมก็มั่นใจว่ากึ่งมนุษย์ ก็มีตัวตนด้วยเหมือนกัน
「ชั้นก็ไม่รู้ว่าพวกเค้าเป็นกึ่งมนุษย์ มอนสเตอร์ หรือบางที่คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใต้ดินในเวลานี้ แต่เพราะเราอยู่ที่นี่แล้ว ชั้นอยากจะสรุปเรื่องนี้ให้เร็ว」
「แต่แม้ว่าท่านจะพูดว่าพวกเค้าอยู่ในภูเขา……」
ภูเขานี้เหมือนเด็กเมื่อเทียบขนาดกับเทือกเขาที่ยิ่งใหญ่ แต่เด็กของยักษ์นี้ยังยักษ์อยู่ แม้ว่าจะใช่คนหลายร้อยเพื่อทำการสืบสวน ผมไม่รู้วามันจะใช้เวลาไปกี่เดือน
「มันจะดีถ้าพวกเค้าออกมาที่นี่……ข้างในภูเขา โดยพื้นฐานแล้วเป็นที่เหมือนถ้ำ ใช่มั้ย?」
เพื่อเป็นการทดลอง ผมพยายามเข้าไปที่หนึ่งในถ้ำนับไม่ถ้วนและตะโกนออกมาอย่างดัง
「ถ้ามีบางคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในภูเขานี้ ออกมา!!」
「……ไม่มีทางที่นั่นจะได้ผล」
「อย่างที่คาด นี่ไม่ได้……」
อย่าพูดมันทีหลังสิ ผมจะอายด้วย
เพิ่มเติมจากการซ่อนความอายของผม ผมใช้ค้อนที่ไว้สำหรับหาแร่ เพื่อตีทางเข้าของถ้ำ มันจะดีถ้าพวกเขาได้ยินเสียงที่ก้องไปและออกมา
「ร-ระวัง!!」
ตอบเสียงของซีเลีย ผมกระโดดออกจากทาง และเพดานของถ้ำพังทลายลงมากระทันหัน การกระแทกของการทุบของผมมันเพียงพอที่จะสร้างการถล่มของถ้ำเหรอ?
「ที่ทำให้ภูเขาพังทลายด้วยค้อน……พี่เป็นมนุษย์จริงๆมั้ย?」
แค่ภูเขายุบนิดหน่อยน่า อย่าพูดอะไรเกินจริง
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรอื่นที่ผมทำได้ ผมกำลังจะยอมแพ้ และตัดสินใจเรื่องที่ที่เมืองที่เป็นไปได้ควรจะถูกสร้าง แต่ผมได้รับการตอบกลับมาที่น่าตกใจ
「เฮฮฮฮฮ้–! ใครเป็นคนที่ทำลายทางเข้าาาาาาา!!」
「ดู ชั้นได้รับการตอบ」
「ทุกคนระวังตัว!!」
คนเริ่มปรากฏจากข้างในถ้ำของถูเขา และเราถูกล้อมอย่างรวดเร็ว พวกเขาถือค้อนและขวานในมือของพวกเขา
「มันเป็นพวกนายเหรอ?! คนที่ทำลายทางเข้าน่ะ?!」
「……พวกเค้าโกรธ」
「แน่นอนว่าพวกเค้าจะโกรธถ้าท่านไปทำลายทางเข้าเค้าด้วยค้อนน่ะ」
ซีเลียและอดอล์ฟถอนหายใจ พวกเขาถืออาวุธ แต่พวกเขาโกรธมากกว่าที่พวกเขากระหายเลือด พวกเขาไม่ได้ดูเหมือนเป็นพวกที่เลวร้ายเป็นพิเศษ
「จังหวะเวลาที่สมบูรณ์แบบ ชั้นอยากจะคุยกับพวกนาย」
คนที่กระโดดออกมาจากถ้ำ นั้นเตี้ยกว่าแม้แต่ในชาติภูเขามาก อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ผอม และมีตัวที่ใหญ่ เกือบจะดั่งชายปรกติที่มีกล้ามเนื้อ ถูกบีบอัด บวกกับ เราเข้าใจภาษาของกันและกันได้ ดังนั้นพวกเขาไม่ใช่มอนสเตอร์ – พูดอีกอย่าง คนเหล่านี้เป็นกึ่งมนุษย์ที่เรียกๆกัน
「อะไร? คุย ที่ทุบภูเขาของเราแบบนั้น……」
「อย่าโกรธมากสิ มันไม่เหมือนว่าเรามีคววามต้องการที่จะสังหารหมู่กันและกันนี่ ใช่มั้ย?」
「แน่นอนว่าไม่! เราไม่ใช่พวกก็อบลินป่าเถื่อนแบบนั้น……」
ผมหยิบค้อนซึ่งเป็นของชายข้างหน้าผม ที่ขึ้นเสียงด้วยมือหนึ่งอย่างรวดเร็ว และพักมันไว้ที่ไหล่ของผม มันค่อนข้างหนัก……เกือบหนักเท่าหอกของผมเลย
「เค้าหยิบค้อนข้องชั้นขึ้นมาด้วยมือเดียว!?」 「เจ้านี่มันอะไรกันวะ?」 「ฮ-เฮ้ อย่าไปข้างหน้า」
「ชั้นไม่มีเจตนาที่จะพยายามและฆ่ากันเอง ชั้นแค่อยากจะคุยเกี่ยวกับภูเขาแล้วตอนนี้ ได้โปรดนำทางเราไปที่ที่เราคุยกันได้」
ผมรับการเริ่มก่อนเพื่อที่จะเขารูในภูเขาที่พวกเขาเพิ่งจะออกมา แต่มันมืด และข้างในมันซับซ้อน มากกว่านั้น มันแคบและดูเหมือจะจะหัวชนข้างบน
「เจ้าโง่ มันเป็นทางนี้ ถ้านายเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง นายจะไม่สามารถเจอทางกลับ」
ชาย ที่ผมหยิบค้อนมาจากเขา รีบมาข้างหน้า โดยถือคบเพลิง เข้าช่างดีจริงๆ ผมจะคืนค้อนของเขา
「อย่าโยนมัน เจ้างี่เง่า!! แรงอะไรกันนี่……นายเป็นคนจริงๆเหรอ……?」
「เอเกอร์-ซามะ……」
「โฮ่ววว……」
「เพราะเรามาไกลขนาดนี้แล้ว นายได้ถูกแก้ไขแล้ว」
ซีเลียและคนอื่นๆช่วยไม่ได้นอกจากจะตามมาด้วย ชายอื่นสงสัยในสาวๆสุดขีด และป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆพวกเธอ
「นายไม่ลงมือกับผู้หญิงของชั้นจะดีกว่านะ ถ้านายทำ ชั้นจะต้องสู้กับนาย」
「ชั้นจะทำทำไม?! นอกจากนี้ ผู้หญิงตัวใหญ่แบบพวกเธอไม่ใช่ประเภทที่ชั้นชอบเลย」
「ใหญ่!?」 「แม้แต่ชั้นเหรอ!?」
เมื่อคุณเฝ้าดูเหล่าผู้ชายอย่างระวัง พวกเขาส่วนใหญ่เตี้ยกว่าเลอาห์ และไม่มีพวกเขาซักคนที่สูงกว่าซีเลีย ช่ายเป็นกลุ่มคนที่น่าสนใจ
「พวกนายเป็นมนุษย์มั้ย?」
「พวกเราเป็นเผ่าดวอร์ฟ ที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว จากมุมมองของพวกเรา นายนั่นแหละเป็นคนที่ไม่ได้ดูเหมือนมนุษย์ ทำไมคนที่อ่อนแอจากที่ราบแบกค้อนของชั้นได้ด้วยมือเดียว?」
「นั่นมันเหมือนมาถามชั้น ว่าทำไมชั้นหายใจได้」
「ยังไงซะ ช่างมันเถอะ นายไม่ได้ดูเหมือนอยากจะสู้ ไม่ว่ายังไง ดังนั้นชั้นจะพานายไปที่บัลบาโน่อยู่」
「บัลบาโน่? นั่นเป็นผู้นำของนายเหรอ?」
「เราไม่มีบางคนเหมือนผู้นำ ทุกคนใช้ชีวิตได้ตามใจต้องการ และทำอะไรก็ตามตามใจของพวกเค้าได้ บัลบาโน่เป็นคนที่ฉลาดที่สุดและแข็งแกร่งที่สุด ดังน้น เค้าเหมาะสมที่สุดที่จะคุยกับนาย」
พลังมีอะไรบางอย่างที่ทำกับการเจรจามั้ย……?
เมื่อผมมองกลับไป ซีเลียและคนอื่นๆทั้นถูกล้อมโดยคนที่บอกตัวเองว่าเป็นดวอร์ฟ ระหว่างที่เดิน แต่พวกเขาไม่ได้ดูเหมือนพวกเขาจะทำใครบาดเจ็บ พวกเขาดูอย่างเต็มไปด้วยความสงสัย ขณะที่พวกเขามองซีเลียและเลอาห์ และเมื่อพวกเขาพยายามจะจับพวกเธอ พวกเค้ากระโดดกลับไปในความตกใจ เมื่อพวกเขาถูกจ้องกลับไป แคลร์ใหญ่ไปนิดหน่อยสำหรับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาเก็บระยะของพวกเขา และมองเธอจากที่ไกลๆ
บางที่เพราะอดอล์ฟเป็นชาย พวกเขาเข้าหาเขาโดยไม่ลังเล
「ช-ชั้นช่วยอะไรได้มั้ย?」
「ทำไมขานายเล็กจัง? มันไม่หักเหรอ?」
「แขนนายก็เล็กด้วย งั้นมันจะไม่ห้กถ้านายหยิบหินขึ้นมาเหรอ?」
「นายดูยาวๆและค่อนข้างเบานะ ชั้นยกนายได้ม้้ย?」
การได้เห็นอดอล์ฟถูกคำถามรัวเป็นชุดทำให้ผมหัวเราะ เขาน่าจะใช้โอกาสนี้เพื่อฝึกตัวเองซักนิดนึง
เราเดินในอุโมงค์ที่มืดมิดซักพัก ก่อนเรามาถึงที่เปิดใหญ่ ที่นี่ทำให้ผมนึกถึงถ้ำของก็อบลิน แต่บริเวณรอบข้างสว่างด้วยคบเพลิง และแม้ว่ากลิ่นมันเหมือนเขม่าเล็กน้อย บริเวณนี้ยังรักษาความสะอาดโดยไม่มีกลิ่นเน่าๆ มันดูเหมือนเป็นที่ที่เพียงพอที่คนจะอยู่ได้
「บัลบาโน่! ชั้นพาคนที่อาละวาดที่ทางเข้ามาแล้ว! มันดูเหมือนเค้าอยากจะคุย」
เสียงของชายข้างหน้าก้องในรู และคนหนึ่งปรากฏตัวอย่างต้วมเตี้ยขึ้นมา เขาถือแก้วเหล็กใหญ่ในมือหนึ่ง และมีค้อนที่ดูหนักแขวนอยู่ที่เอวของเขา เขามีแขนและขาที่หนา พร้อมด้วยหนวดยาว และมันคิดได้ว่าตัวใหญ่กว่าสมาชิกเผ่าคนอื่นที่ล้อมเขาอยู่ด้วย
「เค้าดูเเหมือนหัวหน้าสำหรับชั้น」
ชายที่เรียกว่าบัลบาโน่ เดินมาข้างหน้าอย่างช้าๆ และยืนอยู่ตรงหน้าผม ยังไงซะ มันจะเปลี่ยนไปสู่การเจรจาแบบไหนกัน?
—————————————————————
ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 22 ปี ฤดูหนาว
สถานะ: เคานต์แห่งอาณาจักรโกลโดเนีย ลอร์ดศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออกของโกลโดเนีย ราชาแห่งภูเขา
กองทัพที่ บัญชาการ: กองทัพส่วนตัว – หน่วยคุ้มกัน: 50, อื่นๆ: ยังจัดระเบียบอยู่
สินทรัพย์: 9100 ทอง (แรงงาน -100)
หนี้: 20 000 ทอง
อาวุธ: แอ่งคู่ (ดาบใหญ่), หอกใหญ่
ครอบครัว: นนน่า (ภรรยา), คาร์ล่า (ภรรยาน้อย), เมล (ภรรยาน้อยที่ท้อง), เมลิสซ่า (คนรัก), มาเรีย (คนรักที่ท้อง), ริต้า (หัวหน้าแม่บ้าน), แคทเธอรีน (คนรัก), ไมล่า (คนรัก), เลอาห์ (ประกาศตัวเองว่าเป็นทาสเซ็กส์), โยกุริ (หมกตัวอยู่บ้าน), เคซี่ (ผี), เซบาสเตียน (พ่อบ้าน), มิตตี้ (คนรัก), อัลม่า, ครอลล์
เดินทางของเธอเอง: ปีปี้ (ผู้ติดดตาม), ลูน่า (ผู้บัญชาการ), รูบี้ (ผู้ติดตามของลูน่า)
ลูก: ซู, มิว, เอคาเทอริน่า (ลูกสาว), แอนโตนิโอ (ลูกชาย), คู, รู, โรส (บุญธรรม)
ลูกน้อง: ซีเลีย (ผู้ช่วย), อิริจิน่า (ผู้บัญชาการ), ลีโอโพลต์ (เจ้าหน้าที่), อดอล์ฟ (เจ้าหน้าที่กิจการภายใน), แคลร์ & ลอรี่ (แม่ค้าอย่างเป็นทางการ), ชวาร์ซ (ม้า)
คู่นอน: 88, เด็กที่เกิดแล้ว: 9
—————————————————————
เป้าหมายเดือน 8/66
ค่าเน็ต 200/200
ค่าห้องโรงพยาบาลยาย 1208/2000
สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่
067-3-63958-5
วายุ แซ่จิว
กสิกรไทย
แปลโดย: wayuwayu
โดเนทแล้วอยากให้เรื่องขึ้นหรือสะสมเงินเพิ่มตอน สปอนเซอร์ตอน จองตอน ซื้อตอน หารได้ ได้ที่ facebook@