ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi - ตอนที่ 221 เมืองที่ล่มสลาย
–มุมมองเอเกอร์–
เมืองหลวงอาณาจักรมอลต์: เบียโด
「ไชโยให้ลอร์ดฮาร์ดเลตต์!」
「ทหารอาสาสุดยอดไปเลย!」
หลังศึกจบเรายืนยันต่อว่าไม่มีการโจมตีจากแวนโดเลียมาต่อจากนั้น
เราถอนตัวกลับมาที่เบียโด
มันเป็นชัยชนะถล่มทลายแบบคาดไม่ถึงแต่เป้าหมายของเราไม่ใช่การยึดพื้นที่ของแวนโดเลีย เราไม่ได้เตีรยมตัวทำอย่างนั้นด้วย
「ถ้าเรารุกรานชาติเขา พวกเขาน่าจะหามาตรการมาป้องกันด้วยเหมือนัน ถ้าสงครามทุกทิศทางไม่ใช่ที่เราต้องการถ้าอย่างนั้นเราไม่ควรทำตัวรีบแล้วคิดน้อย ถ้าในที่สุดมันจำเป็น เราจะทำการเตรียมการอย่างละเอียด」
ลีโอโพลต์ก็พูดเหมือนกัน
「ทำอะไรมากกว่านั้นจะสร้างปัญหาให้พวกเขามากเกินไป」
ไมล่ามองกลุ่มที่หน้าผิดหวังตรงกันข้ามกับพลเมืองที่ดีใจของเบียโด
ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นเป็นผู้ส่งสาส์นจากชาติประชาธิปไตยลิบาติส
มีคนบอกว่าพวกเขาจะจะคุยแผนรับมือกับการที่แวนโดเลียรุกรานมอลต์…… โดยเฉพาะพวกเขาคิดว่าการเจรจามันเป็นไปได้ได้หลังจากแวนโดเลียรู้ว่าลิบาติสร่วมวงด้วย
ถ้าพวกเขาสู้ดุกับแวนโดเลีย นั่นจะทำให้ชาติอัลแตร์ทำตัวสบาย
พวกเขาไม่อยากให้การต่อสู้เกิดขึ้นเพื่อเลี่ยงไม่ให้อัลแตร์ว่าง
「ตอนนี้ความพยายามพวกเขาไม่มีประโยชน์แล้ว กองทัพรุกรานของแวนโดเลียพร้อมกำลังเสริมเสียคนเยอะและแตกพ่าย นั่นค่อนข้างเสียหายหนักถ้าคิดว่าพวกเขามีกองกำลังทหารรวม 120 000 คน」
「พวกเขาเป็นคนที่โจมตีก่อน เราไม่ต้องรั้งมือไว้หน้าลิบาติสหรอก」
เราเป็นเหมือนรู้จักอย่างดีและจะร่วมมือกับพวกเขา แต่ไม่มีจุดหมายเสียดินแดนเราหรือของมอลต์เพื่อการณ์นั้น
「ถ้าอย่างนั้น เป็นไปไม่ได้แล้วที่พวกเขาจะบุกสักพักเหรอ?」
ผมถามลีโอโพลต์กันไว้
「การรุกกรานอีกครั้งนั้นเป็นไปไม่ได้ทางกลยุทธ์ แต่ผมไม่รู้ถ้าพวกเขาจะรุกรานแม้ว่าพวกเขาไม่ให้รางวัลพวกทหารเลย」
ถ้าเราคิดเหมือนปรกติ พวกเขาจะไม่มีกองกำลังสำรองเหลือโจมตีอีกครั้ง และผมว่ามันไม่ใช่ธุระเราถ้าเขาตัดสินใจโจมตีอีกครั้งเพราะพวกเขาโกรธ
「ถ้าพวกเขามาอีก เราจะรับมือกับพวกเขาเมื่อพวกเขามา」
สำหรับตอนนี้ สู้จบแล้ว
「เอเกอร์ซามะ คนต้อนรับท่านน่ะโบกมือตอบพวกเขาดีมั้ย?」
「แน่นอน」
มันนสายเกินไปเยอะแต่พลเมืองโบกมือบนถนนสายกลางในเบียโด ที่เราเดินทางอยู่
มอลต์แและกองทัพอาสา…… ทหารมอลต์แค่ขนของที่เก็บได้เยอะและอยู่ถูกที่ถูกเวลาตลอดเวลาพวกเขาเลยไม่บ่น
หลังจากนี้ ทหารควรได้รับคำขอบคุณของเซเลสติน่าที่วังหลวง
ผมกังวลเกี่ยวกับรางวัลที่เธอสัญญาจะให้เพราะผมไม่คิดว่าพวกเขาจะดีใจจากการแค่โดนลูบหัว
ถึงพูดเรื่องหัวผมจะไม่ให้เธอจับหัวนั้นชายคนไหนนอกจากของผมด้วยเหมือนกัน
หืมมม
「ฉันได้ยินมาว่ากองทัพคนแวนโดเลียมีตั้ง 30 000 คนแหน่ะ…… ไม่น่าเชื่อว่ากองกำลังเล็กๆจะเอาชนะพวกเขาได้เร็วขนาดนี้」
「ฉันคิดว่ากองทัพเราห่วยแต่บางทีพวกเขาเก่งเหรอ?」
「ฉันได้ยินว่าลอร์ดฮาร์ตเลตต์ลงสนามรบเองด้วย ชายคนนั้นแข็งแรงสุดๆเลยนะรู้มั้ย」
ผมได้ยินพลเมืองคุยกัน
ผมปิดหัวด้วยหมวกเกราะดังนั้นพวกเขาไม่รู้
「น้องสาวฉันทำงานที่ฟาร์มนอกเมือง…… แล้วเธอเล่าว่าลอร์ดฮาร์ดเลตต์ไปหาเธอตอนค่ำแล้วนอนกับเธอ! เขามาที่นี่แน่นอน!!」
กุ่ นั่นทำให้ผมนึกได้ ผมพอนึกออกว่าไปหาผู้หญิงนมใหญ่ที่สวนใกล้ตรงที่เราตั้งแคมป์ตอนค่ำ
ผมไม่ได้ใส่หมวกเกราะตอนผมโอบกอดเธอหน้าผมเลยเปิดเต็มๆ
ใครจะคิดว่าเธอจะจำผมได้ล่ะ
「เอเกอร์ซามะ……」
「มีอะไรเหรอ? เราเกือบถึงวังหลวงแล้วถ้านั่นที่หนูถาม」
ผมพูดเสียงสูงกับซีเลียแล้วเธอถอนหายใจสวน
วังหลวง
「ทุกคน ฉันซาบซึ้งกับความตั้งใจ! ฉันจะไม่มีวันลืมพวกเจ้าทั้งหมดผู้ททำงานหนักเพื่อปกป้องมอลต์จ้ะ」
เซเลสติน่าพูดกับททหารพร้อมรอยยิ้มสดใสบนหน้า
มันสายไปแล้วที่จะพูดถึงตอนนี้ แต่อย่างเป็นทางการมันพูดว่าทหารอาสารวมกันอย่างเร็วเพื่อปกป้องเธอและประเทศเธอ
「ดังนั้นเอง เรามีรางวัลจะนำเสนอสุภาพบุรุษทุกคนที่ใส่ความรู้สึกซาบซึ้งเต็มที่ไว้เลยจ้ะ」
ตาททหารส่องประกายและนี่คือที่ผมกังวล
「เราจะกินอาหารค่ำที่ทุกคนกินด้วยกันอย่างมีความสุขได้ไงจ๊ะ」
ทหารแข็งไประตอนที่ผมจับหัว
「เฮ้เฮ้…… นี่หมายความว่าอะไรวะ?」
「อย่าถามฉันดิ…… มันเป็นไปไม่ได้」
มีพรมกางที่ลานกว้างนอกวังหลวง
และคนรับใช้จากเมืองหลวงรวมถึงสาวเมืองมาใกล้ๆกับทหารและกินระหว่าคุยกันเป็นมิตร
แต่ที่นี่ไม่ได้ร่าเริง
พลเมืองของเบียโดสุขใจดีเทียบกับทหารผู้ดูเหมือนไม่มีอารมณ์
「เราทำไงดี ลอร์ดฮาร์ดเลตต์? ทหารดูสับสน」
ไมล่าเข้าใกล้ผม
ผมไม่คิดว่ารางวัลทหารจะเป็นอาหารค่ำ…… มันน่าจะดีกว่าแต่งตั้งตำแหน่งเกินจำเป็น
ถ้าทหารผู้ไม่คิดและจ้องว่างเปล่าได้สติกลับมา พวกเขาจะเสียงดังไม่พอใจแน่นอน
มันน่าจะมีปัญหาถ้าพวกเขาแก้แค้นแล้วปล้นสะดมเบียโด
「พี่ว่าพี่ต้องทำบางอย่าง」
รางวัลที่ทหารขอนั้นมันรู้กันหมดว่าเป็นอะไร
เงิน, เหล้า, และ…… ฟุฟุฟุ
「อืมโมนิก้า ไปกันดีมั้ย!?」
ณ สถานที่จัดงานเลี้ยงใกล้เซเลสติน่า ผมกอดไหล่โมนิก้าและประกาศให้ดังพอที่จะทหารได้ยิน
「อ-อะไรนะ?」
「อย่าได้กังวล เล่นตามน้ำ นี่เพื่อมอลต์และเซเลสติน่า」
หลังจากให้โมนิก้าเห็นชอบ ผมอุ้มเธอขึ้น
「เอ๋? เอ๋?」
จากนั้นผมหันไปแล้วพูดกับทหารผู้กินแล้วทำหน้าสงสัย
「พวกนายหลีสาวหนักๆด้วย ถ้านายบังคับใจพวกเธอ นายจะโดนลงโทษ」
หลังจากพูด ตอนสายตาทุกคนมองเรา ผมไปที่ที่แอบจากพวกเขาระหว่างอุ้มโมนิก้า
「เดี๋ยวสิ! ที่เพิ่งพูดมันเหมือนว่า-!!」
「ไม่เป็นไร พวกเขาไม่ใช่เด็กแต่เป็นทหารที่โกรธเซเลสติน่าแน่ถ้ารางวัลเป็นแค่กินอาหารค่ำสนุกดี」
「มันความผิดฮาร์ดเลตต์ซามะตั้งแต่ตอนแรกนั่นแหละ พี่ใส่ความคิดว่า “ผู้ชายมีความสุขกับผู้หญิงมากที่สุด”ในหัวพระนาง! นั่นทำไมพระนางไปรวมสาวๆมาและขอบคุณทหารด้วยพวกเธอ……」
ผมเดาว่าผมพูดแบบนั้นไป
ถ้าอย่างนั้นเซเลสติน่าไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ ฟังนั่นแล้วคิดว่า “กินข้าวด้วยกัน”…… อย่างไรก็ตามพวกผู้ชายจะไม่ดีใจจนกว่าบางชิ้นบางอันพวกเขาเข้าตัวผู้หญิง
「อืมสำหรับตอนนี้ มามีสมาธิกับการขึ้นเสียง ทำให้ดีที่สุดให้ฟังดูเหมือนเธอเสียวสุดๆ」
「หนูจะทำบางอย่างแบบนั้นไหวไดไง!? ทหารหลายพันกำลังดูอยู่! ทำบางอย่างน่าอาย อ๊าา! หยุดนะ ที่นั่นมัน……!?」
ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ไม่มีทางเลือกนอกจากทำให้ครางดังจริง
เดี๋ยวพี่จะทำให้เสียวสุดๆไปเลย
「ฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮิ๊ น-น่าทึ่งอ้ะ」
เมื่อเห็นสองเราหายไปและจากนั้นโมนิก้าเสียงแหลมสูงขึ้นมา แถวที่งานเลี้ยงจัดเริ่มเสียงดัง
「เข้าใจแล้ว นี่หมายถึงนั่น」
「เฮ้คุณนายสุดสวย อยากดื่มกับฉันมั้ย!? แน่นอนฉันไม่มีเจตนาแฝงสักนิด นิดนึงก็ไม่มี」
「ใส่หัวก็พอ! ขอใส่หัวแค่นั้น!」
「หื้มม ถ้าเราคุยมากกว่านี้อีกนิดก็ไม่แน่……」
「ฉันอยากได้คนหล่อๆมากกว่า แต่นี่ฉลองอยู่ ฉันหยวนให้ได้มั้งกับหน้าอย่างนี้」
「เงินเดือนเท่าไหร่? มีบ้านมั้ย? อยู่ด้วยกันกับพ่อแม่อยู่มั้ย?」
ที่นีมีชีวิตชีวาทันที
ตอนนี้ททหารไม่ควรมีเวลาบ่นอุบอิน
ไม่อนุญาตให้ข่มขืนแต่พวกเขามีเซ็กส์กันได้
ปรกติผู้ชายของมอลต์จะไม่ใจเย็นปานนี้
อย่างไรก็ตามกองทัพของผมพิเศษอีกนิด เพราะชาติภูเขาที่เป็นทหารม้าธนูโดยไม่สนเพศ
หลังต่อสู้ ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นที่อารมณ์ทางเพศพุ่งพล่าน ผู้หญิงก็พล่านเหมือนกัน
「ต-แต่ คุณผู้หญิง นี่คือ…….」
「ฉันรู้สึกว่าได้เวลามีลูกแล้ว เพื่อให้หัวหน้าเห็น ฉันต้องมีลูกอย่างน้อยหนึ่งคน มาสิ ยิงให้งามๆ」
「เป็นลุงร้องไห้แล้วเหรอ? ผู้ชายจากมอลต์อ่อนแอจริงๆ」
「ด-เดี๋ยวก่อนยังๆ! ฉันจะทำต่อจนกว่าสะโพกกระเด็น!」
「คิดว่าชนะได้ถ้าสามรุมหนึ่งเรอะ? ได้ซี่ เข้ามาเลยถ้าอย่างนั้น」
พวกผู้ชายได้อาหารกินอิ่มหัวทีละคนขณะพวกเขาเห็นทุกที่กำลังจัด
นี่คืออะไรที่เรียกว่าความสัมพันธ์เท่าเทียม
「อ่ะฮฮฮฮฮฮฮี๊……」
ผมจะคลั่งไคล้โมนิก้าเยอะด้วยเหมือนกัน
วันต่อไป
ระหว่างทหารดูเหมือนสดชื่นขึ้นและหน้าผู้หญิงเงามาเลยหลังจากงานเลี้ยง ผมไปรวมกับลีโอโพลต์และซีเลียเพื่อคุยจริงจังกัน
เหตุผลคือจดหมายมากระทันหัน ที่มาจากราเฟนแล้วถูกส่งต่อให้เรา
จดหมายนั้นจากคลาร่า แหล่งข้อมูลมีค่าของเรากับเรื่องสภาพศึกระหว่างสหพันธรัฐและจักรวรรดิ อย่างไรก็ตาม เนื้อหาจดมายต่างกันเล็กน้อยครั้งนี้
「กองเรือจักรวรรดิรุกรานแม่น้ำเทียรี่เหนือ…… และกองเรือสหพันธรัฐแพ้……?」
「แล้วระหว่างนั้นป้อมปราการโดนตีแตกพ่ายด้วย……」
「ทหารจักรวรรด์ก็มาที่ฝั่งตะวันออกของดินแดนอัลเบนด้วย!」
คลาร่าต้องตั้งใจรวมข้อมูลที่ได้มาจากมาร์เควสมาโลโดลเพื่อมาเขียนจดหมายนี้แน่
「ลีโอโพลต์ คิดยังไง?」
「ผมไม่รู้รายละเอียดด้วยแค่ข้อมูลจากจดหมายนี้」
「มันไม่ได้จำเป็นต้องแม่นๆ ฉันแค่อยากได้ยินความเห็น」
「ทางใต้โดนตีแตกพ่ายและตีฝ่า และแพ้บนแม่น้ำ กองกำลังที่ปรากฏบนฝั่งตะวันออกน่าจะเป็นกองเรือลงจอด มีความเป็นไปได้ว่าตระกูลอัลเบนเจอสถานการณ์วิกฤตแล้ว มันจะไม่แปลกถ้าพวกเขายอมแพ้หลังแค่ไม่กี่วัน」
「……」
จดหมายส่งมาหาเราผ่านบริการจดหมายด่วน แต่มันควรถูกส่งตั้งแต่สามอาทิตย์ที่แล้ว ศึกน่าจะสรุปไปแล้ว
「พร้อมการพ่ายแพ้ของตระกูลอัลเบน เมืองใหญ่ที่สุดในตะวันออก นั่นเป็นความสูญเสียใหญ่ของทั้งเขต การเสียกำลังบนน้ำพร้อมการที่ไม่เหลืออะไรหยุดพวกเขาไม่ให้รุกเมืองสีขาว」
「ฉันไม่คิดว่าสหพันธรัฐจะแพ้เร็วขนาดนี้…… มันไม่น่าเชื่อเมื่อมันเกิดขึ้นเร็วมาก」
ไม่ล่าปิดตาและคร่ำครวญ
ผมเห็นด้วย จักรวรรดิโจมตีสหพันธรัฐอยู่เรื่อยๆในอดีตแต่อะไรที่เกิดขึ้นครั้งนี้เหมือนเงื่อนไขต่างๆไม่เหมือนเดิมแล้ว
ทำไมมันออกมาเป็นแบบนี้?
ผมแน่ใจว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ซึ่งผ่านกำแพงปราสาทสามชั้นดูจากที่ผมไปเมืองสีขาว
อย่างไรก็ตามมผมไม่กังวลเกี่ยวกับสหพันธรัฐจริงๆ
「คลาร่ากับคลอเดีย…… ฉันหวังว่าพวกเธอไม่เป็นอะไร」
ผมเจอพวกเธอไม่ได้บ่อยมากแต่คลาร่าชอบผมและคลอเดียมีลูกผมอยู่
「มันน่าโมโหที่พวกเขาอยู่ไกลเกินไปและเลยเอื้อมมือ」
ถ้าสงครามนั้นเกิดขึ้นใกล้มากราโดผมจะวิ่งไปช่วยแล้ว
「ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ทำได้ เราจะวิเคราะห์ผลของความด้อยของสหพันธรัฐ ดังนั้นได้โปรดมีสมาธิกับปัญหากับชาติทางใต้ตอนนี้」
สีหน้าลีโอโพลต์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
นายไม่เข้าใจว่าคนรู้สึกอย่างไร
นายต้องเป็นเด็กน่ารำคาญสุดๆแน่
การจินตนาการถึงเด็กไร้สีหน้าทำผมหัวเราะนิดหน่อย
「ถ้าพวกเขาขอให้เราช่วย เราบุกโจมตีเต็มกำลังได้ จนถึงตอนนั้น เราทำอะไรไม่ได้」
ผมมองท้องฟ้าฤดูใบไม้ร่วงและภาวนาให้พวกเธอไม่ได้รับบาดเจ็บ
ก่อนจดหมายถูกส่ง ที่อัลเบน
「ป้องกันตะวันตกของเมือง! ส่งกองทัพส่วนตัวและอัศวิน!」
「ประตูถูกทำลายแล้ว! เราต้องสู้ในเมือง」
「กำลังเสริมจะไม่มาเหรอ!? ไม่มีทาง แต่พวกเขาสัญญาแล้ว…… ถ้าอย่างนั้นหมายถึงเรือทั้งลำจมไปแล้วเหรอ?」
ความวุ่นวายปกคลุมคนเหล่านั้นที่อยู่ข้างในคฤหาสน์มาร์เควสมาโลโดล เจ้าศักดินาของอัลเบน
ไม่นานก่อนหน้าสหพันธรัฐฝืนสู้บนสถานการณ์เสียเปรียบอยย่างท่วมท้น
กองเรือทัพเรือจักรวรรดิบุกมาทางแม่น้ำเทียรี่เหนือ แล้วกำจัดกองเรือแม่น้ำสหพันธรัฐจากนั้นแยกจากหน่วยของจักรวรรดิและตีวงล้อมผ่านพื้นดินได้เร็วกว่าข้อมูลจะเตือนพวกเขาในหมู่ความเละเทะทั้งหมดได้
เพราะการโจมตีกระทันหัน หน่วยที่ทำการจัดกระเบียบใหม่อยู่และชานเมืองของอัลเบนถูกกวาดล้างอย่างรวดเร็ว มากกว่านั้นแม้แต่กองทัพหลักของสหพันธรัฐก็ถูกล้อมหลังจากถูกไล่เข้าป้อมปราการเพื่อสู้อย่างหนักอย่างหมดสภาพจนน่าขันเพื่อซื้อเวลา
กองทัพสหพันธรัฐใต้การนำของผู้บัญชาการสูงสุด อิแวน กัลเชนโกถูกตีขนาบจากหน้าและหลังแถมจำนวนมากกว่าพวกเขา
ในท้ายที่สุดกองทัพสหพันธรัฐนั้นก็แตกพ่ายไป แม้ว่าสู้อย่างกล้าหาญ และไม่มีทางเลือกนอกจากกระจายกันไปตะวันตกในความพ่ายแพ้
นั่นทิ้งกองทัพส่วนตัวและอัศวินของมาร์เควสมาโลโดลให้เป็นทหารชุดเดียวเท่านั้นที่ปกป้องอัลเบน
มาร์เควสเป็นบุคคลผู้นำและขุนนางมมีอิทธิพล แต่เขามีทหารส่วนตัวแค่ 20 000 คนในกองทัพ…… ที่จุดนั้น มันเห็นชัดๆว่าทุกคนที่อัลเบนนั้นจบเห่แล้ว
「มาเควส…… พวกเขาตีฝ่ามาหาเราพร้อมกันจากตะวันตกและทิศใต้ และท่าเรือก็ถูกระดมยิงโดยกองเรือจักรวรรดิด้วย ที่จุดนี้ เจ้าศักดินาควรวิ่งหนี ผมมีทางหนีให้หนีที่ตะวันออก」
อัศวินที่คุกเข่าร้องขอมาร์เควสมาโลโดลในน้ำตา
มาร์เควสตอบเงียบๆระหว่างตาเขามองแต่ไฟขนาดใหญ่ที่ลามโหมกระหน่ำในเมืองที่พวกเขาสู้
「ท่านและปู่ท่าน…… ปู่ของเรา ไม่ใช่สิ ปู่ของปู่ปกป้องเมืองนี้และดินแดนนี้มาหลายรุ่นในฐานะลอร์ดและอัศวิน」
ทุกคนสะอื้นกับการร้องไห้
เมืองส่วนใหญ่ถูกนำคนเข้ามาแล้ว และพลเมืองมากมายถูกทำร้ายและหลายคนถูกฆ่า เหมือนกันจะเกิดขึ้นกับอัลเบนในไม่นานด้วย
「เราจะไม่สามารถทำตามภารกิจที่บรรพบุรุษให้มาได้…… เราทิ้งดินแดนแล้ววิ่งหนีไปแบบนั้นได้เหรอ?」
มาร์เควสชักดาบและโยนฝักทิ้ง
「นี่คือเมืองของเรา เราเกิดที่นี่และจะตายที่นี่」
อัศวินไม่พูดอะไรเลย
「ช่วยให้พลเมืองหนีได้ถ้าเป็นไปได้ แล้วเลือกตัวแทนที่จะยอมแพ้หลังสู้กันจบแล้ว ฉันไม่คิดว่าจักรวรรดิอยากปกครองแต่ความไหม้เกรียม บางทีเราจะโชคดีและพวกเขาไม่สังหารหมู่เราหมด」
ชะตาที่โหดร้ายน่าจะรอผู้คนที่อยู่ในเมือง
「อย่างไรก็ตาม ผู้คนไม่ได้มีความรับผิดชอบต้องปกป้องเมือง พวกเขาเลือกอับอายได้ถ้าพวกเขาอยากทำ」
“แต่……” มาเควสพูดคำนั้นแล้วหยุดพูด จ้องไปที่อัศวินอย่างดุดัน
「ขุนนางอย่างเราไม่มีทางเลือกแบบนั้น ญาติของฉัน และคนที่สู้ได้ทั้งหมด หยิบอาวุธ! คนที่บาดเจ็บและเด็กๆจะปลิดชีวิตตัวเอง」
「「รับทราบ!」」
ไม่มีความลังเลมาจากสายตาของอัศวิน
พวกเขาทั้งหมดเป็นขุนนาง ดังนั้นการปกป้องดินแดนและผู้คนเป็นหน้าที่ของพวกเขา ถ้าพวกเขาทำไม่ได้ ทั้งตระกูลและผู้ติดตามจะต้องสิ้นไป
「เราแค่ปล่อยให้ศัตรูเดินย่ำหัวเราผ่านเราไปเฉยๆจนถึงจุดจบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการเตรียมการ ให้เราได้โจมตี เราจะให้พวกเขาเห็นศักดิ์ศรีของขุนนางสหพันธรัฐ!」
ทุกคนคำรามตอบและวิ่งไปทุกทางเพื่อเตรียมการ พวกเขาอาจเตรียมตัวตายไปแล้ว แต่ยังมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำ
「ที่รัก……」
「คลอเดีย มันคือ…… ถ้าเธอแค่อยู่ในเมืองสีขาว……」
มาร์เควสมองเศร้าใส่คลอเดียขณะเธออุ้มลูก
「ฉันจะยังไม่ตาย ฉันจะมีชีวิตเพื่อดูลูกคนนี้โต!」
ปรกติภรรยาหลวงและลูกชายผู้นำตระกูลจะปลิดชีพตัวเองเพื่อลี้หลีกการถูกทำให้อับอายโดยศัตรู
ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะเอาไปเป็นตัวอย่างให้ทุกคน
แต่เธอพูดว่าเธอยังอยากมีชีวิตและลูกเธอยังเด็ก…… ใครกับจะบอกพวกเขาให้ไปฆ่าตัวตายได้
มาร์เควสลูบแก้มภรรยาและลูกเขาอย่างอ่อนโยนและจูบเบาๆ
จากนั้นตาเร่าร้อนและตะโกนอย่างโมโหโทโส
「เธอมันเสียตัวและมีความสุขกับการนอกใจและความโหยหาทางเพศในเมืองสีขาว เธอไม่ใช่ภรรยาของฉัน! ลูกคนนี้น่าจะเป็นน้ำเชื้อผู้ชายหน้าไหนก็ไม่รู้! ฉันหย่ากับเธอวันนี้และเนรเทศเธอออกจากตระกูล! แค่หยิบอะไรได้ก็หยิบไปจากคฤหาสน์เป็นของขวัญจากลา จากนั้น ไปทันที!」
มาร์เควสกลับหลังหันและพูดบางอย่างเบาๆกับตัวเอง
「ทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดอยู่ในห้องใต้ดิน เธอรีบก่อนฉันเผามันเพื่อไม่ให้พวกจักรวรรดิหน้าโง่นั้นได้ไป」
「……ขอบคุณ ขอบคุณพี่มากๆ」
คลอเดียถอนสายบัวอย่างสุภาพ
เป็นปีๆผ่านไป เธอกลายเป็นแก่และดูเท่าอายุ และกายเธอก็หุ่นเสียไปหมดแล้ว
แต่ในใจมาร์เควส เขายังมีภาพเมื่องานแต่งใหม่ๆในใจ ภาพนั้นที่เธอยิ้มบนเรือไปอิเล็กตร้าเพื่อไปพักร้อน
「ฉันรักเธอนะ」
คำพูดเหล่านั้นเบาพอที่ไม่มีผู้ใดได้ยิน
มาเควสไม่พูดอะไรมากกว่านั้นและหันหลังให้คลอเดียรอเธอจากไป
คลาร่าคำนับต่ำเหมือนครั้งก่อนๆตามคุณหญิงไป
「ด้วยเหตุนี้ ฉันไม่มีความเสียใจตกค้างอยู่แล้ว ฉันจะใช้ไฟสุดท้ายของฉันเพื่อเผาไอ้พวกป่าเถื่อนจักรวรรดิ」
แสงวาดสะท้อนแหวนแต่งงานที่เขาไม่เคยได้ถอดตั้งแต่วันแต่ง
การโจมตีสวนครั้งสุดท้ายเริ่มต้น
เมื่อกองกำลังเล็กจนสู้ไม่ไหวเปลี่ยนไปรุกโจมตีศัตรู ผลที่ได้ออกมมามันแค่แถวไม่เป็นระเบียบเล็กน้อยแล้วจักรวรรดิก็ตีวงล้อม
คนฝ่าไปและวิ่งผ่านช่วงเชื่อมแถวคือผู้หญิงตัวเล็กๆและผู้หญิงอ้วนท้วม
「ฟฟฟู่! ฟฟฟู่」
「คุณหญิง หนูคิดว่าท่านเอามามากไป! ถ้าเอาทั้งหมดนั่นไปท่านจะหนีไม่ไหว! โยนทิ้งไปบ้างเถอะค่ะ!」
คลอเดียยัดเครื่องเพชรเครื่องพลอยมากที่สุดเท่าที่เธอมีปัญญาใต้เสื้อโค้ท พร้อมกับแต่งองค์ทรงเครื่องให้เต็มไปด้วยหินมีค่าและเพชรพลอย
พวกเธอถูกบังคับให้เดินเท้า หลังจากถูกพบโดยหน่วยสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกและเสียรถม้าไป เพราะน้ำหนักทั้งหมดที่เธอขนมาด้วยกับเธอ เรี่ยวแรงเธอหายไปอย่างรวดเร็ว
คลาร่าที่บอกบางก็เริ่มช้าจากการอุ้มเด็กในมือเธอ
「อย่าโง่เลย! ใครจะเอาฉันหรือลูกถ้าเราไม่มีเงินสักเหรียญ!?」
「นั่นจริงค่ะ แต่ทุกอย่างมันไร้ความหมายถ้าเราถูกจับที่นี่」
「เฮ้ยดูนั่น ยัยพวกนั้นอยู่ตรงนั้น!」
「จับตัวให้ได้ดิวะเราจะได้สนุกกันได้! ยัยอ้วนนั่นดูน่าจะสนุก!」
หน่วยสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกจักรวรรดิไล่ตามสองคนมาหลังทำลายรถม้า
ถือว่ายังดวงดีที่จักรวรรดิไม่มีทหารม้า แต่ความเร็วที่ต่างกันระหว่างทหารฟิตๆกับผู้หญิงสองคนเห็นได้ชัดเท่าระยะที่ลดลงเรื่อยๆ
「ถ้าท่านโปรยเพชรพลอย ท่านน่าจะทำให้พวกเขามัวแต่เก็บได้……」
กระนั้น คลอเดียยังยืนกรานจะวิ่งไปพร้อมเพชรพลอยทุกก้อน
หายใจไม่ทันหลังจากไต่เนินเขาสูงนิดๆ ในที่สุดทหารจักรวรรดิก็อยู่ในเอื้อมมือ
คลาร่ารีบมองไปเร็วๆทั่วๆแต่หาต้นไม้หรือพุ่มไม้เหมาะสมจะซ่อนไม่ได้เลย
มีแต่เส้นทางแสนไกลที่ลาดลงเนินซึ่งยาวไปถึงตะวันออกเท่านั้น
เชื่อว่าไม่มีทางเลือกอื่น คลาร่าวางทารกน้อยบนพื้น และวางมือไว้ที่หน้าอกเด็กน้อย
โอกาสนั้นน้อยนิด แต่เธอคิดว่าถ้าเธอยอมให้ตัวเองโดนกระทำชำเรา พวกคนไล่ตามอาจปล่อยคุณหญิงไว้ลำพังได้
อย่างไรก็ตตามคลอดเดียพูดขึ้นมาอย่างมีความสุขกับความมุ่งมันตัดสินใจที่กล้าหาญและน่าเศร้าของเธอ
「ฉันรู้แล้ว! คลาร่า จับฉันไว้」
หลังจากกอดคลาร่าที่อีกครู่เดียวก็ยอมแพ้ไปแล้ว และเด็กน้อยด้วย คลอดเดียวิ่งลงเนิน
「มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เราวิ่งเร็วกว่าพวกเขาไม่ได้ เอ๋ อะไรกัน!?」
ตอนแรกคุณหญิงวิ่งช้าๆแต่ในที่สุดเธอก็เริ่มเร็วขึ้นลงเนินไป
「ฮี่ฮี่ฮี่ หนีไม่ได้แน่เว้ย…… เฮ้ยอะไรวะ- เร็วโคตร!」
「ตามยัยพวกนั้นไปเร็ว! ไม่ได้แล้ว…… พวกเธอเร็วเก็นไป!」
ร่างทหารจักรวรรดิที่เข้าหาดูไกลขึ้นไปเรื่อยๆ
「ค-คุณนาย!? นี่คือ-!」
「ฉันเร็วเท่าม้าถ้าลงเนิน จับลูกฉันแน่นๆ!」
คลอเดียเร่งความเร็วยิ่งมากขึ้นและจากนั้นในที่สุดเท้าเธอจากลาพื้น
「ล้อเล่นมั้ยเนี่ย ยัยนั้่นกลิ้งไปแล้ว!」
「เธอเกือบเร็วเท่าม้าแล้วอ่ะ……」
「น-เนื้อสับปั้น」
พร้อมกับระยะที่เพิ่มขึ้นถึงจุดที่พวกเขาไม่เห็นผู้หญิงสองคนแล้ว ทหารจักรวรรดิเลิกไล่ตามแล้วกลับบ้าน
เพราะพวกเขาไม่ทันเห็นเเพชรพลอยที่เต็มรอบกายคลอเดีย และไม่เชื่อว่าแค่ผู้หญิงสองคนคุ้มให้ไล่ตามไกล
「ค-คุณนาย…… นั่นที่สุดไปเลยค่ะ!」
「ฮ่าา ฮ่าา…… เหงื่อ…… เหงื่อฉันไม่หยุด…… น๊าาาาาาา ร้อนมาก!」
การปกป้องเมืองดำเนินไปสองวัน ก่อนอัลเบนจะโดนยึด และมาร์เควสมาโลโดลด้วยเช่นกันกับตระกูลเขาที่ทั้งหมดเสียไป
คฤหาสน์มาเควสถูกเผาด้วยมือเขา และมันลุกไหม้ต่อไปไม่หยุด เปลี่ยนสินทรัพย์เป็นถ่านหิน
หลังจากเสียฐานเติมเสบียงสำคัญและกองกำลังส่วนใหญ่ กองทัพจักรวรรดิหนีไปสู่ท่าน้ำทิศเหนือของแม่น้ำ
ศึกในเมืองสีขาวกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
「ฉันจะไม่มีวันลืมที่สามีฉันให้ฉันเลย…… มา ไปหาฮาร์ดเลตต์ซามะกัน! อุ้มลูกเขาแน่นๆ」
「มาร์เควสอาจดีใจกว่าที่ไม่รู้ว่าท่านโหดร้าย…… เอิ่ม ขออภัยค่ะคุณหญิง」
สหพันฐรัญ ปะทะ จักรวรรดิ – เทียบกำลังพลกองทัพ (บุลลากรจะเพิ่มขึ้นขึ้นอยู่กับการเกณฑ์)
สหพันธรัฐโอลก้า
ความแข็งแกร่ง – ปัจจุบัน: 300 000 เคลื่อนพลเต็มกำลัง: 2 550 000 สูญเสีย: 1 050 000 พลเมืองที่ตกเป็นเหยื่อ: 700 000
จักรวรรดิการ์แลนด์
ความแข็งแกร่ง – ปัจจุบัน: 2 300 000 เคลื่อนพลเต็มกำลัง: 3 100 000 สูญเสีย: 800 000 (ไม่รวมทหารทาส)
ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง
สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย เจ้าศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส
ครอบครัว: นนน่า (นนน่าผู้สวยงาม), คาร์ล่า (ภรรยาน้อย), เมล (ภรรยาน้อย), มิตี้ (ภรรยาน้อย), มาเรีย (ภรรยาน้อย), แคทเธอรีน (ภรรยาน้อย), คุ (คนรัก), รุ (คนรัก), มิเรล (คนรัก), ลีอาห์ (คนรัก), เคซี่ (ผีหิว), ริต้า (หัวหน้าแม่บ้าน), โยกุริ (นักแต่งบทละคร), ปีปี้ (คนรัก), อลิส (สาวเวทมนตร์)
มาร์เซลีน (คนรัก), ลูกสาว – สเตฟานี (คนรัก), บริตเจ็ต (เก็บกดทางเพศ +), เฟลิซี (คนรัก)
เซบาสเตียน (พ่อบ้าน) โดโรเทีย (คนรัก ในเมืองหลวง), เมลิสซ่า (คนรัก ไปเมืองหลวง), อัลม่า (ไปเมืองหลวง)
ลูก: ซู, มิล, เอคาเธอรีน่า, อมาต้า, อนาตาเซีย (ลูกสาว); แอนโตนิโอ้, คลอดด์, กิลบาร์ด, เรนเนอร์, บาร์โตโลม (ลูกชาย); โรส (ลูกสาวบุญธรรม)
ไม่ใช่มนุษย์: แลมมี่ (งูคนรัก), มิรูมิ (เงือก)
ลูกน้อง: ซีเลีย (ผู้ช่วย), กิโด้ (หน่วยติดตามคุ้มกัน), ครอล (พระขอทาน), อิริจิน่า (ผู้บัญชาการ), ลูน่า (ผู้บัญชาการ), รูบี้, ไมล่า (เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย), โพลเต้ (ผู้ดูแลการฝึก), เกรเทล (ผู้ฝึกหัดกิจการภายใน), ลีโอโพลต์ (เจ้าหน้าที่ระดับสูง), อดอล์ฟ (เจ้าหน้าที่กิจการภายใน), ทริสตัน (เดินทางทำธุระยาว)
แคลร์ & ลอรี่ (แม่ค้าอย่างเป็นทางการ), ชวาร์ซ (ม้า), ลิเลียน (ดาราหญิง)
พลเมือง: 163,000 เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4500
กองทัพ: 10,950 คน (รอพร้อมภายในดินแดน: 2000 คน)
ทหารราบ:5300 คน, ทหารม้า 800 คน, พลธนู: 1000 คน, ทหารม้าธนู: 1850 คน
ปืนใหญ่: 30 กระบอก, ปืนใหญ่มาก: 10 กระบอก
ทรัพย์สิน: 1070 ทอง
คู่นอน: 229, ลูกเกิดแล้ว: 48 + ปลา 555 ตัว